“Music is actually more than music for most people in the world.”
- Lucy Rose -
ไหนๆ ลูซี่ก็จะเวิร์ลทัวร์อีกรอบกับอัลบั้มใหม่แล้ว วันที่ 07.07.2017 เธอก็ได้ปล่อยเพลงออกมาให้ฟังเต็มอัลบั้ม นั่นก็คือ Something's Changing ซึ่งห่างจากอัลบั้มแรกประมาณ 2 ปี
มารู้จัก Lucy Rose กันหน่อยดีกว่า
Lucy Rose
- Lucy Rose Parton
- นักร้อง นักแต่งเพลง จาก Warwickshire, England
- อายุ 28 เกิดปี 1989
- เธอเริ่มเล่นดนตรีด้วยการเป็นมือกลองในวงออเครสตร้าของโรงเรียน
- เขียนเพลงและเขียนทำนองจากการเล่นเปียโนที่บ้าน
- หลังจากนั้นเธอก็ซื้อกีตาร์จากร้านที่เธอผ่านระหว่างไปเรียน
- เธอพบกับ Jack Steadman ที่เป็น Frontman ของ Bombay Bicycle Club และให้เธอมาร้องแบคอัพให้กับวง
- ชาที่เธอชอบคือ Builder Grey (English Breakfast 2 ส่วน และ Earl Grey 1 ส่วน)
- ถ้าเธอไม่ได้มาเป็นนักร้อง เธอก็คงไปเป็นนักบัญชีเพราะเธอชอบตัวเลข
- เธอชอบ Joni Mitchell (ทั้ง Lucy Rose กับทั้ง Gabrielle Aplin ก็ชอบ Joni Mitchell นั่นทำให้เราไปตามเพลงของ Joni Mitchell ด้วยล่ะ ความติ่งนี้)
- ตอนนี้เธอสังกัดค่าย Communion
- อัลบั้มแรกคือ Like I Used To ปล่อยออกมาเมื่อ 24 กันยายน 2012 อ่านรีวิวได้นะ
- อัลบั้มที่สองคือ Work It Out ปล่อยออกมาเมื่อ 6 กรกฎาคม 2015
- และอัลบั้มที่สามของเธอคือ Something's Changing ปล่อยออกมาเมื่อ 7 กรกฎาคม 2017
- เพิ่งมาทัวร์ไทยเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2016 ที่ผ่านมา อ่านบันทึกได้เลย
ลูซี่เคยให้สัมภาษณ์กับ Q magazine ว่า “I knew wherever I lived that I’d do gigs in pubs. If I ever had kids, I would want to teach them. It will always be part of my everyday life. But it was whether I wanted to keep putting myself out there and feeling like no one wanted it.”
สำหรับอัลบั้ม Something's Changing ได้ Tim Bidwell มาโปรดิวซ์ให้
เพลงในอัลบั้มนี้เพลงแรกที่เธอปล่อยออกมาคือเพลง Floral Dresses
เธอได้ร่วมงานกับ The Staves (เธอบอกว่า การได้ร่วมงานกับ The Staves เหมือนเป็นการทำความฝันที่เป็นจริง)
ลูซี่บอกว่า ตอนที่เขียนเพลง Floral Dresses มันทำให้เตือนตัวเองว่าตัวเองเป็นใคร
สำหรับเรา เพลงนี้เหมือนเล่าถึงลูซี่ว่าชีวิตเธอผ่านอะไรมาบ้าง และเธอยังคงความเป็นตัวเองไว้กับตัวอยู่ เป็นเพลงที่ทำให้เรารู้สึกอยากร้องไห้ (อาจจะเป็นเพราะเนื้อเสียงของลูซี่บวกกับทำนองด้วยแน่ ๆ เลย)
เพลงต่อมาคือ is it called home
สำหรับเราไม่ค่อยชอบเพลงนี้เท่าไหร่ ถ้าถามว่าเพลงเพราะมั้ย เพราะนะ เพราะมาก แต่เราฟังแล้วชวนหลับมากเลย เราคงต้องเอาไว้ฟังตอนก่อนนอนแน่ๆ ถ้าคิดจะฟังจริงๆ
แต่เอ็มวีสวยดี ดูเพลินดีนะ ลูซี่กำกับเอ็มวีตัวนี้เองด้วย
นี่ไง---
เพลงที่สามที่ปล่อยออกมาก่อนปล่อยอัลบั้มคือ เพลง No Good At All
จะบอกว่าเราชอบเพลงนี้มากกกกกกกกกกกกกกก
เราชอบเอ็มวีด้วย มีความย้อนยุคหน่อยๆ ซาวด์ก็ฟังเพลิน นั่งโยกตัวตลอดเลย
Hey baby, won't you let me come
And kiss you all night long, all night long
But don't worry, I won't tell nobody
That you are the one until dawn.
เพลงที่สี่ที่ไปอัดกับ Burberry Acoustic คือเพลง Moirai (เป็นเทพีในตำนานเทพเจ้ากรีก ลูกสาวของเทพซุสและเทพีเทมิส เป็นผู้ควบคุมยานด้ายแห่งโชคชะตาของชีวิตของมนุษย์เดินดินทุกคนตั้งแต่เกิดจนตาย)
ทาง Burberry บอกว่าลูซี่เป็นคนเลือกสถานที่เอง คือ St James’ Church ใน Islington
(ตอนที่เราเจอชื่อเพลงนี้ครั้งแรก เราแอบสงสัยมากเลยว่าอ่านว่ายังไง เลยทวีตถามลูซี่ไปว่ามันอ่านว่ายังไง แล้วเราก็เลยไปหาเพิ่ม จนได้รู้ว่าเป็นชื่อของเทพีในตำนานเทพเจ้ากรีก ที่คอยควบคุมชะตาชีวิตของมนุษย์เรา แล้วลูซี่ก็ส่งคลิปที่เขา pronounce มาให้ฟังด้ว---)
เราชอบในความเครื่องสายของเพลงนี้มาก มันเข้ากับเสียงเปียโนและเสียงของลูซี่ด้วย
เดี๋ยวเราจะมาไล่เพลงตั้งแต่เพลงแรกของอัลบั้มกันเลยละกัน
(แต่อันไหนที่แนะนำไปแล้วเราจะไม่พูดถึงนะ)
Intro
ขึ้นต้นมาทำไมเราแอบนึกถึงเพลงจีนยังไงไม่รู้ ถถถถถถถถ แต่ฟังเพลินดี
Strangest Of Ways
เราชอบการเดินเบสของเพลงนี้มาก เดินทั้งเพลง ไม่ชวนให้หลับด้วย
Hope has found me
A different place
I've wanted much more
But I cannot relate
Second Chance
ซาวด์เปียโนที่ดังขึ้นมาสอดรับกับเสียงเบสเป็นอย่างดี ตอนแรกจะคิดว่าเป็นเพลงช้าๆ เนิบๆ แต่เปล่าเลย ไม่ใช่แบบนั้นเลย ซาวด์เพลงนี้ก็ยังชวนให้เราโยกตามเบาๆ ได้อยู่
I feel like this is the first day
of a brand new life in which I'm thirsty for
An honest life where I can love myself
For who I am, who I am.
Love Song
เป็นเพลงที่เราตั้งใจที่จะฟังมาก แค่เห็นชื่อเพลงก็อย่างรู้แล้วว่าลูซี่จะเขียนเพลงนี้ออกมายังไง
แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
เพลงนี้เหมือนเป็นการพูดกับตัวเอง ออกแนวบัลลาดหน่อยๆ (ได้มั้ง)
And if only love was this easy
I'd write a book about every time you kissed me
It was true, true, true love
Oh, and it was real and new and true love
'Cause you made me believe in the world again
Oh, it was true, true true love
Oh, and it was real and new and true love
Soak it up
เพลงนี้ลูซี่ร้องร่วมกับ Elena Tonra หนึ่งในสมาชิกของ Daughter
You've got just one shot at this, boy
Don't waste time like it won't run out
You've got the heart and the soul of a good man
So I'm left here, just wondering why
Find Myself
เรายกให้เป็นเพลงที่เราชอบมากๆ ในอัลบั้มนี้เลย (รองจาก Floral Dresses แล้วก็ No Good At All)
'Cause I find myself
I find myself in new company
Now I find myself
I find myself within your old dreams
I can't change it all
เพลงสุดท้ายของอัลบั้ม Something's Changing
เหมือนโดนทำร้ายเล็กๆ จากลูซี่ 55555555555
with time you will heal เหมือนคำพูดของ Clara Oswald ใน Face The Raven (
Doctor Who Series 9: Face The Raven) ที่บอกกับ The 12th Doctor ว่า Time will heal (จริงๆ ก็ไม่เกี่ยวหรอก แต่อยากให้เกี่ยว มันก็โยงกันได้----)
'Cause it hurts when it hurts
And it kills when it kills
And the pain won't fade
But with time you will heal
ลูซี่บอกว่า เธอเขียนเพลงเหล่านี้ให้กับผู้ฟังทั่วโลกเลยล่ะ
สำหรับอัลบั้มนี้ เราว่ามีหลายเพลงที่ต่างโทนจากอัลบั้มเดิม เหมือนเรากำลังโตขึ้น เธอกำลังโตขึ้นไปพร้อมๆ บางเพลงไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ แต่เนื้อเพลงที่เธอเขียนมานั้น ทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังอ่านบันทึกเรื่องราวของเธออยู่ และทำนองที่ไปอย่างลื่นไหล ฟังเพลิน และค่อยๆ ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งอารมณ์เพลง และอารมณ์ขณะกำลังฟัง
เธอกำลังโตขึ้นไปเจอโลกกว้างและผู้คนอีกมากมาย มันมีบางอย่างเปลี่ยนแปลง และบางสิ่งต้องเปลี่ยนไป
- Something's Changing -
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in