querencia (n.) - a place from which one's strength is drawn, where ones feel at home;
the place where you are your most authentic self.
"I was too young to know how to love her."
—Antoine de Saint-Exupéry, The Little Prince
please turn the song on while you're reading this.
ผมเหม่อมองออกไปข้างนอกกระจกรถ
ก่อนจะลดกระจกลง
หมายจะสัมผัสโลกภายนอกผ่านหน้าต่างที่กำลังเคลื่อนที่
ภาพทุ่งหญ้าสีเขียวอ่อนปนเหลืองช่างสวยงาม
ราวกับภาพถ่ายในนิตรยสารท่องเที่ยวที่ผมเคยเปิดอ่านในร้านหนังสือหน้าสถานีรถไฟ
ลมหนาวพัดทักทายเป็นสัญญาณบอกว่าเหมันต์นั้นใกล้เข้ามา
ผมยิ้มก่อนยื่นมือออกไปสัมผัสกับมวลอากาศเย็นของปลายฤดูใบไม้ร่วง
ทำตัวราวกับว่าผมและสายลมนั้นเป็นเพื่อนกัน
และเรากำลังทำการสนทนาหยอกล้อ
เสียงถกเถียงของกลุ่มหนุ่มสาววัยรุ่นดังมาอย่างต่อเนื่องจากเบาะหลัง
ผมยกยิ้มขำบ้างกับบทสนทนาที่พวกเขาส่งต่อกัน
ทั้งเรื่องคนรักเก่าที่มีรสนิยมทางเพศสุดประหลาด
วิธีการเข้าหาคนแบบพิสดารโดยการกุประวัติตัวเองขึ้นมาภายในสองนาที
ทำอย่างไรหลังจากสูบบุหรี่ และกัญชาถึงจะไม่มีกลิ่น
รวมถึง
อนาคตของแต่ละคน
ผมเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
ทุ่งหญ้าแปรเปลี่ยนเป็นต้นไม้ใหญ่
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมกลัวสิ่งที่ผมต้องเผชิญหน้าในอนาคต
กลุ่มคนพวกนี้มีอิทธิพลกับผมมากจริงๆ
เขาทำให้ผมรู้สึกถึงคำว่า บ้าน
ครอบครัว
มิตรภาพ
ผมกลัว
กลัวการจากลา
ผมมองหน้า เธอ
เธอเป็นคนขับรถ
หญิงสาวผมสีดำสนิทเหมือนท้องฟ้าที่ผมชอบแหงนมองรับกับผิวสีน้ำตาลช็อกโกแลต
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหมือนเปลือกต้นโอ๊คที่มักเจือความสุขตลอดเวลา
กำลังจ้องมองมาที่ผม
ก่อนจะยิ้มและหัวเราะ
ไร้เหตุผล
แต่ผมกลับหัวเราะตามราวกับคนโง่
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอนั้นช่างติดในใจผม
พลันใครสักคนจากด้านหลังเอ่ยถามผมด้วยอาการแง่งอนว่าผมจะไม่คิดถึงพวกเขาหรอ
ทำไมผมถึงนั่งเงียบ
ผิดปกติ
ผมส่ายหัวพร้อมหัวเราะกลบเกลื่อนความหม่นหมองภายในใจ
“ไม่คิดถึงหรอก คนประหลาดๆแบบพวกคุณหน่ะ”
พวกเขาโอดครวญต่อว่าผมเสียยกใหญ่
หญิงสาวข้างๆผมถึงกับขมวดคิ้วก่อนจะยิ้มขำออกมา
เธอรู้ว่าผมโกหก
ทุกคนรู้แหละ
ใครสักคนด้านหลังผมเปิดกระป๋องเบียร์
เสียงเปิดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ประจำฤดูร้อนราวกับปลุกความกระหายของ
ทุกคน
บนรถเก๋งสีน้ำตาลคันเก่า
รวมถึงผมเช่นกัน
เกิดความวุ่นวายเล็กๆขึ้นบนรถเมื่อทุกคนนั้นอยากดื่มเบียร์
ที่มีเพียงกระป๋องเดียว
แย่งกันราวสองถึงสามนาที
บทสรุปคือทุกคนวนกันดื่มจิบสองจิบ
ผมลิ้มรสขมของเบียร์ราคาถูกลงคอก่อนจะยิ้มออกมากับตัวเอง
แล้วยื่นเครื่องดื่มร่วมสาบาน- เกือบ
ให้กับหญิงสาวผู้รับหน้าที่เป็นคนขับรถ
เธอส่ายหน้าก่อนจะขำพร้อมบ่นอย่างไม่ใส่ใจ
"ฉันไม่ดื่ม พวกคุณไม่รู้หรอว่าฉันไม่ดื่ม รวมถึงไม่สูบด้วย"
ทุกคนค่อนข้างตกใจ
ผมเองก็เช่นกัน
เธอมักมีเรื่องให้ผมแปลกใจเสมอ
กลุ่มคนวุ่นวายข้างหลังจึงคว้าเอาเจ้ากระป๋องร่วมสาบานกลับไป
ถกเถียงกันใครจะเป็นคนดื่มส่วนของเธอแทน
"ปีหน้า เวลานี้ เราจะยังคุยกันอยู่รึเปล่า"
เธอถามพร้อมรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้า
"ไม่รู้สิ...ผมไม่มั่นใจในอนาคตหรอก
จริงๆ ผมว่าเราทุกคนคงแยกย้ายกันไปคนละทางแหละ
มันเป็นส่วนหนึ่งของคำว่าเติบโต"
ผมหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาสูบก่อนจะมองดูควันสีเทานอกหน้าต่าง
กลุ่มควันนั้นคล้ายก้อนเมฆเพียงชั่วครู่ก่อนจางหายไปราวกลุ่มหมอกยามสาย
"คิดมากไปทำไมกับอนาคต ยังไงซะทุกคนก็ต้องจากกันไม่วันใดก็วันหนึ่ง
เป็นผมผมจะใส่ใจกับการสร้างความทรงจำดีๆให้คนที่เราต้องบอกลาดีกว่า"
"เหมือนตอนนี้สินะ" เธอเอ่ยถามผม ดวงตากลมโตสีน้ำตาลไม้ฉายแววเศร้า
ประกายเจิดจ้าในดวงตาสั่นไหวเหมือนไฟบนเทียนไขที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางพายุฝน
ผมถอนหายใจ มองเธอผ่านกลุ่มควัน
"ให้เราเป็นเรื่องราวที่ดีที่สุดในอดีตของกันและกัน นั่นคือรูปแบบในการใช้ชีวิตของผม"
รถถูกจอดลงข้างทางบนเนินเขาเตี้ยๆ
เหม่อมองทุ่งหญ้าสีเหลืองเจือไปด้วยดอกไม้สีขาว- ที่กำลังจะเหี่ยวเฉา
เธอเดินลงมาจากรถก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งบนหลังคา
ตามด้วยผม นั่งข้างๆเธอ
กลุ่มคนเบาะหลังต่างกรูกันออกไปทำธุระส่วนตัว
ตะโกนบอกผมและเธอว่าพวกเขาจะออกไปหาที่ถ่ายรูป
ผมมองกลุ่มก้อนมนุษย์ราวห้าหกคนเดินหายไปหลังเนินเขา
เหลือเพียงผม
เธอ
อ้อมกอด
รสจูบ
และควันบุหรี่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in