เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ใดใดในโลกล้วนอร่อยจังBUNBOOKISH
03: Tofu Cafe
  • พูดถึงเกียวโตเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นแล้ว หลายคนคงนึกถึงทัวร์วัฒนธรรม ชมพวกปราสาทเก่า วัดเก่า แต่สำหรับเราผู้นิยมทัวร์กิน สิ่งที่ดึงดูดใจจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการตระเวนกินอาหารขึ้นชื่อ
    (อีกนิดก็ติดป้ายทัวร์ตะกละได้แล้ว)

    ‘เต้าหู้’ (Tofu) เป็นหนึ่งในของขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของเกียวโต ไอ้เราก็อยากจะลองชิมเหมือนกันว่ามันจะอร่อยกว่าเต้าหู้อื่นๆ แค่ไหน ไม่รอช้า พอได้ร้านที่ดูทันสมัยถูกใจ เราก็เดินเข้าไปพลิกดูเมนูเซ็ตอาหารกลางวันของร้านทันที ใช้เวลากวาดตาอ่านคำอธิบายสั้นๆ ครู่หนึ่งก็ลงเอยเลือก ‘Tofu Hamburg Lunch Set’ ที่น่าจะถูกปากง่ายที่สุด

    แฮมเบิร์กในที่นี้คือสเต็กสไตล์ญี่ปุ่น เป็นเนื้อสับหรือหมูสับปั้นเป็นก้อนปรุงรส เสิร์ฟบนกระทะร้อน มีซอสราดและมีผักเป็นเครื่องเคียง ไม่ใช่แฮมเบอร์เกอร์ของฝรั่งที่ประกบด้วยขนมปัง แต่ในใจก็ยังสงสัยอยู่ดีว่า เต้าหู้นี่เอาไปทำแฮมเบิร์กได้ด้วยเหรอ

    ไม่ต้องรอนานก็ได้คำตอบเมื่อชุดอาหารกลางวันแฮมเบิร์กเต้าหู้มาแลนดิ้งอยู่ตรงหน้า ปิ๊ง!

    โอ้โหวววว! พูดเลยว่าอลังการงานสร้างกว่าที่คิดเอาไว้โข นึกว่าอย่างมากก็มีจานหลัก ข้าว ซุป และจานเคียงหยุมหยิมอีกนิดหน่อย แต่ของที่นี่มีเครื่องเคียงเยอะแยะมากมาย จัดมาในจานใหญ่ ที่ขนาดเจ้าแฮมเบิร์กจริงๆ ยังได้อยู่แค่ในถ้วยเล็กนิดเดียว

    นอกจากเครื่องเคียงที่เยอะแยะแล้วพ่อครัวยังแอบมุ้งมิ้ง เลือกจัดและตกแต่งอาหารด้วยการหยิบนั่นใส่ถ้วยนั้นนิด ใส่ถ้วยนี้หน่อย รวมกันแล้วได้สีสันน่ารักจนเราต้องนั่งทำตาปริบๆ ไม่รู้จะเลือกกินอันไหนก่อน อันนั้นก็น่ารัก อันนี้ก็น่าลอง

    อะ...เอาถั่วเหลืองก่อนแล้วกัน อู้ว...ซอสสีขาวที่ราดมาบนถั่วเหลืองก็น่าจะทำจากน้ำเต้าหู้แฮะ ได้กลิ่นหอมจากใบชิโสะซอย (ที่เห็นบ่อยๆ ในจานปลาดิบ) รสชาติแปลกดีนะ ชิ้นถัดไปเป็นเกาลัดที่หวานอร่อย
    คุ้ยๆ ต่อไปอีกก็เจอรากบัวต้มรองไว้เป็นชั้นสุดท้าย เลยจัดการคีบเข้าปากไปพร้อมข้าวหนึ่งคำ อืม...ข้าวนี่ก็ผสมธัญพืชและมีรสชาติเหมือนหุงด้วยน้ำเต้าหู้ด้วยล่ะ
  • ชักสนุกกับการเดาและชิม...ไอ้นี่หน้าตาเหมือนกุยช่ายทอด อ้อ เป็นแป้งโมจิทอดราดซอสหวานโรยงา รสชาติดีทีเดียว! อันนั้นดูเป็นแป้งที่ทำเป็นรูปใบเมเปิล เอาเข้าปากถึงรู้ว่าเป็นโมจิ ส่วนด้านล่างเป็นเต้าหู้ผสมผักที่เอาไปทอดแล้วค่อยต้มอีกที (เหมือนเต้าหู้ทอดที่เราเอาไปต้มในหม้อสุกี้นั่นแล) ส่วนรสชาติก็...เต้าหู้ชัดเจนมาก ส่วนของทอดทรงกลมปริศนา ที่วางโดดเด่นและโดดเดี่ยวอย่างมั่นคงอยู่ตรงริมจาน ไม่รู้มันคืออะไร เราเลยลองใช้ตะเกียบผ่าครึ่งดูก่อน จึงถึงบางอ้อว่าเป็นคร็อกเกต์ธัญพืช ลองเอามากินกับข้าว รสชาติออกเค็มๆ อร่อยใช้ได้

    เลี่ยงไปเลี่ยงมาจนหมดทางหนีแล้ว ก็ถึงตาเส้นบุก เห็ด และฟองเต้าหู้ที่อยู่ในถ้วยโลหะ ดูเป็นอาหารสุขภาพ กินแล้วรสชาติก็ไม่ผิดหน้าตามากนักคือมาแบบจืดๆ คลีนๆ ไม่ปรุงรส

    เราจึงต้องขอพักยกการทัวร์เครื่องเคียงชีวจิตมาที่พระเอกของเรากันบ้าง

    แฮมเบิร์กเต้าหู้ในถ้วยขนาดย่อม ราดด้วยซอสครีมเห็ดแบบฝรั่ง ซึ่งซอสครีมที่รสไม่จัดนี้ไปกันได้ดีกับอาหารจานเคียงอื่นๆ เมื่อลองคีบเข้าปากหนึ่งคำ ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าเขาทำยังไงให้เนื้อเต้าหู้แน่นหนึบได้ขนาดนี้ พอกินคู่กับข้าวธัญพืชที่หวานตามธรรมชาตินิดๆ ก็รู้สึกว่าอาหารมังสวิรัตินี่ก็ดีเหมือนกันนะ

    ผ่านด่านเยี่ยมชมธัญพืชและเลียบๆ เคียงๆ เต้าหู้มาจนคิดว่าสามารถรับมือกับมื้อนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา จะเหลือก็แค่ตัวบอสที่ตั้งใจว่าจะเก็บไว้กินปิดท้าย นั่นก็คือเต้าหู้ออริจินัลสไตล์ เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขาวนุ่มนิ่มหนึ่งชิ้น และสีน้ำตาลกาแฟอีกหนึ่งชิ้นที่วางอยู่ข้างกัน
  • แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้นยังเหลือฟองเต้าหู้สีครีมอ่อนๆ เงาๆ ที่มองเผินๆ แล้วดูคล้ายซอฟต์ครีมนิดๆ แถมยังดูมีชีวิตชีวากว่าฟองเต้าหู้แห้งเหี่ยวตามร้านสุกี้บ้านเราเยอะเลย พอกินแล้วพบว่าเนื้อของมันเด้งๆ หยุ่น ๆ เคี้ยวแล้วได้ความหนึบนิดๆ ไม่มีกลิ่นถั่วเหลืองจัดจนเกินไป อร่อยจนแอบคิดว่าเขาน่าจะให้มามากกว่านี้อีกหน่อย

    และทีนี้ก็มาถึงเจ้าเต้าหู้สองก้อนขนาดกะทัดรัดที่เป็นตัวบอสของเราสักที เราเอาปลายตะเกียบแบ่งเต้าหู้ก้อนสีขาวครีมออกเป็นสองส่วน แอบแปลกใจกับความนิ่มนวลที่แยกออกอย่างง่ายดายไม่มีดิ้นหนี แล้วใช้ทักษะการใช้ตะเกียบทั้งหมดที่มีในชีวิตค่อยๆ ประคองชิ้นหนึ่งขึ้นมา จึงได้เห็นเต้าหู้ก้อนน้อยที่มีแสงพาดผ่าน กำลังเด้งระริกอยู่ตรงปลายตะเกียบ (คือมือสั่นเพราะกลัวจะคีบแรงจนเต้าหูแหลกหมดน่ะ)

    นี่สินะรสชาติของเต้าหู้สัญชาติญี่ปุ่นเพียวๆ เนื้อมันนุ่มและเนียนจนแทบจะละลายในปากได้อย่างกับพุดดิ้ง ไม่ได้มีรสชาติและกลิ่นถั่วเหลืองรุนแรงอย่างที่กลัวตอนแรกเลย

    ส่วนก้อนที่เป็นสีน้ำตาลกาแฟก็นุ่มเนียนไม่แพ้กัน แถมยังมีกลิ่นเหมือนถ่านหรือกาแฟคั่วปนอยู่จางๆ ยิ่งได้แต้มวาซาบิสดลงไปแล้วแตะโชยุตาม อื้อหือ นี่สิสมเป็นเต้าหู้ตัวบอส

    ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยซุปใสที่ตอนเแรกคิดว่ามีมะนาวฝานชิ้นเล็กใส่มาด้วย แต่พอยกถ้วยขึ้นซดแล้วถึงรู้ว่านี่มันกลิ่นส้มยูซุนี่นา!

    ความหอมหวานซ่าๆ ที่แทรกอยู่ในน้ำซุปใสทำให้เรานึกตอบตัวเองขึ้นมาได้แล้วว่า อันที่จริงนานๆ ทีเปลี่ยนมากินอาหารมังสวิรัติแบบนี้ก็รู้สึกได้กินคลีนดีเหมือนกัน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in