

การที่ความชั่วมันทำง่ายกว่าการทำดี นั่นอาจจะหมายถึงว่า ในหัวของเรามีเสียงให้เราทำความชั่วอยู่ตลอดเวลา หรืออาจจรวมถึงเสียงจากคนรอบข้างที่คอยยุยงเราไปในทางที่ผิดด้วย ซึ่งในที่นี้อาจจะหมายถึงปีศาจทราวิสที่มายังโลกมนุษย์แล้วก็เข้าร่วมกลุ่มกับทั้งสี่ ชักชวนพวกเขาออกนอกศีลธรรมที่อยู่ในกรอบมาได้สักพักนึงแล้ว
เอาจริงๆแล้วประโยคข้างต้นมันก็เป็นสัจธรรมที่เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่การที่ความจริงถูกปกปิดมันไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ผิดตลอดไป มันอยู่ที่เจตนาของการปกปิดนั้นมากกว่า อย่างในเรื่องไมเคิลต้องโกหกทั้งสี่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่นั่นคือเจตนาที่ดี เมื่อทั้งสี่รู้ความจริงมันก็ไม่ได้ทำให้ทุกสิ่งอย่างแย่ลงไปซะหมด
หลังจากที่ทั้งสี่รู้ความจริงว่าพวกเขาได้ตายไปแล้วก็ได้ไปอยู่ในแดนชั่ว ก็คือตกนรกแน่ๆ แต่ครั้งนี้พวกเขากลับมาเพื่อแก้ไขและทำความดี ถึงแม้มันอาจจะไม่ได้แก้ไขอะไรได้ไม่มากนัก แต่ทำไมไม่ลองทำให้โลกนี้มันน่าอยู่ขึ้นล่ะ เป็นคอนเท็กซ์ที่ดีเลยเชียว ฉุกคิดสิ่งต่างๆได้เยอะขึ้นเลย
ประเด็นนี้มุ่งไปที่ชิดิโดยตรงเลย ในอดีตเขามักจะตัดสินใจอะไรไม่เด็ดขาด ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นชอบอะไรกันแน่ แต่การที่อยู่มาวันหนึ่งเขาตัดสินใจบอกเลิกแฟน อันนี้เป็นสิ่งที่เด็ดขาดพอสมควรเลย แม้แต่คนที่รู้ว่าตัวเองต้องการสิ่งไหนมาตลอดชีวิต การบอกเลิกแฟนยังเป็นสิ่งที่ยากสำหรับเขา
ด้วยที่ทั้งสี่เริ่มที่จะทำความดีได้แล้ว การที่อยากให้คนรอบข้างทำดีด้วยก็ไม่น่าจะแปลกอะไร และการที่เริ่มจากการอยากให้ผู้เป็นพ่อแม่หรือแม้กระทั่งน้องสาวตัวเองหันมาทำความดีและเข้าใจกันบ้างก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี ในเอพิโสดนี้เราจะได้เห็นผู้เป็นพ่อของเจสันในการที่จะเป็นคนดีขึ้น แม่ของเอเลนอร์ที่เธอเข้าใจมาตลอดว่าแม่เธอตายไปแล้ว น้องสาวของทาฮานิที่กลับมาเข้าใจกัน และชิดิที่เริ่มจะตัดสินใจอะไรได้เด็ดขาดกว่าเดิม
เอเลนอร์ได้มีโอกาสดูอดีตของเธอตอนที่อยู่ที่แดนดีปลอมๆ และรู้ว่าเธอและชิดิตกหลุมรักกัน แล้วก็ยังคิดอีกว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงสิ่งที่ไมเคิลต้องการให้เป็น เขาต้องการควบคุมการกระทำของเธอ ซึ่งก็ใช่ส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่ง เพราะไมเคิลไม่สามารถควบคุมการกระทำของเอเลนอร์ได้เลย เธอมักจะเลือกทางเดินที่ไมเคิลคาดไม่ถึงเสมอ ทั้งหมดความเข้าใจผิดนี้จึงเป็นที่มาของ ถ้าทุกสิ่งถูกกำหนดไว้แล้ว สิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันก็คงไม่มีความหมายอะไรเลย
ไมเคิลและเจเน็ตเดินทางไปพบผู้ชายคนหนึ่งที่ชีวิตเขามักจะทำแต่ความดี เพื่อให้คนๆนี้เป็นพิมพ์เขียวและต้นแบบของการทำความดี แต่มันก็ไม่ได้ดีเท่าที่คิดสักเท่าไร แต่คติหนึ่งที่ชายคนนี้พูดไว้ก็คือ "อย่าปล่อยให้ตัวเองไม่มีโอกาสทำความดี"
เอเลนอร์ ชิดี ทาฮานิ เจสัน ไมเคิล และเจเน็ตเจอกับเหล่าปีศาจที่ตามมากำจัดพวกเขาที่โลก เกิดการปะทะกันเล็กน้อย แต่ทั้งหมดก็หนีรอดมาที่ดินแดนเลวได้อย่างปลอดภัย ไมเคิลสงสัยอัลกอริทึมการนับคะแนนความดีความเลว จึงไปขอความช่วยเหลือจากนักบัญชี ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไร ส่วนมนุษย์ทั้งสี่ก็ได้ไปอยู่ในที่ว่างของเจเน็ต ระหว่างนั้นเอเลนอร์บอกความรู้สึกับชิดี ซึ่งนั่นทำให้เธอสับสนอย่างมาก แต่สุดท้ายเธอก็ได้รู้ว่าตัวเองนั้นคือใคร
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in