ใครที่กำลังมองหา ตู้เสื้อผ้าบานเลื่อน สักตัว แต่ยังไม่รู้จะเลือกแบบไหนดี วันนี้มีเทคนิคง่ายๆ มาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ลองนำไปใช้กัน เพราะการเลือกตู้ที่ใช่ ไม่ใช่แค่ดูสวยอย่างเดียว แต่ต้องใช้งานได้จริง เข้ากับพื้นที่ และตอบโจทย์ชีวิตประจำวันด้วยนะ
สิ่งแรกที่ต้องทำคือวัดพื้นที่ว่ามีเนื้อที่เท่าไหร่ที่จะเหมาะกับการวางตู้เสื้อผ้าบานเลื่อน เพราะข้อดีของตู้บานเลื่อนคือประหยัดพื้นที่มาก ไม่ต้องเผื่อที่สำหรับเปิดบาน เหมาะกับห้องนอนที่มีพื้นที่จำกัด หรือถ้าเป็นคอนโดขนาดเล็กก็เหมาะสุดๆ ลองดูว่าจะวางตู้ด้านไหนของห้อง แล้วเผื่อระยะด้านข้างไว้นิดหน่อยเพื่อความสะดวกในการเปิด-ปิดบานเลื่อน
ถ้าพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ลองพิจารณา ตู้เสื้อผ้าติดผนัง ดูก็ได้ เพราะบางรุ่นสามารถติดตั้งได้แบบพอดีกับผนัง ช่วยให้ห้องดูเรียบร้อย ไม่รกตา และใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
เรื่องที่สำคัญมากคือต้องนึกถึงว่าเรามีเสื้อผ้ากี่ชุด แล้วอยากเก็บอะไรบ้างในตู้ บางคนมีเสื้อผ้าเยอะ ต้องการช่องแขวนเสื้อเยอะๆ บางคนชอบพับเสื้อผ้า ก็ต้องการชั้นวางมากกว่า หรือมีของใช้อื่นๆ เช่น กระเป๋า รองเท้า ผ้าห่ม ก็ต้องมีช่องเก็บเพิ่ม
เพราะตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนสมัยนี้มีให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็ก 120 ซม. ไปจนถึงขนาดใหญ่ 240 ซม. หรือมากกว่า ภายในก็มีการแบ่งช่องที่หลากหลาย ทั้งช่องแขวนเสื้อยาว แขวนเสื้อสั้น ชั้นวางพับเสื้อ ลิ้นชักเก็บของจุกจิก ลองคิดดูว่าเราต้องการอะไรบ้าง แล้วเลือกแบบที่มีการจัดพื้นที่ภายในที่ตอบโจทย์มากที่สุด
เรื่องนี้แม้จะดูเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว แต่ก็ต้องคิดถึงภาพรวมของห้องด้วยนะ ตู้เสื้อผ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่จะโดดเด่นในห้อง ถ้าเลือกสีหรือดีไซน์ที่ไม่เข้ากับห้อง อาจทำให้ห้องดูไม่กลมกลืน
สีไม้อ่อนเหมาะกับห้องสไตล์มินิมอล สแกนดิเนเวียน ดูอบอุ่น สีไม้เข้มเหมาะกับสไตล์คลาสสิก หรูหรา ส่วนสีขาว-เทาเหมาะกับสไตล์โมเดิร์น ดูสะอาดตา ปัจจุบันมีตู้บานเลื่อนที่ผสมผสานวัสดุ เช่น ไม้คู่กับกระจก ไม้คู่กับอลูมิเนียม ดูทันสมัยและช่วยสะท้อนแสงทำให้ห้องดูกว้างขึ้นด้วย
เรื่องคุณภาพของวัสดุก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเราต้องใช้งานทุกวัน เปิด-ปิดบ่อย ถ้าวัสดุไม่ดีพอ ใช้ไปสักพักก็อาจเสียหายได้ ลองสังเกตดูว่าบานเลื่อนใช้รางแบบไหน เรียบลื่นไหม เสียงดังไหม ตัวตู้ทำจากอะไร แข็งแรงแค่ไหน
สำหรับคนที่ใช้ชีวิตยุ่งๆ ไม่ค่อยมีเวลาดูแลเฟอร์นิเจอร์มาก แนะนำให้เลือกวัสดุที่เช็ดทำความสะอาดง่าย ไม่ต้องบำรุงรักษาเยอะ เช่น เมลามีน หรือ PVC ที่เคลือบกันน้ำ กันรอย

ตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนสมัยใหม่มีฟีเจอร์เสริมมากมายที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น เช่น:
ระบบ Soft Close ทำให้บานเลื่อนปิดนุ่มนวล ไม่ดังกระแทก
ไฟ LED ภายใน ช่วยส่องสว่างตอนมองหาของในตู้
ช่องเก็บของพิเศษ เช่น ช่องเก็บเน็คไท ช่องเก็บเครื่องประดับ
กระจกฝังบาน ดูตัวเองได้สะดวก ไม่ต้องซื้อกระจกตั้งเพิ่ม
ฟีเจอร์พวกนี้อาจทำให้ราคาสูงขึ้นนิดหน่อย แต่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานประจำวันได้เยอะเลย
เรื่องสุดท้ายคือต้องดูงบประมาณให้เหมาะสม ตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนมีราคาตั้งแต่หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับขนาด วัสดุ แบรนด์ และฟีเจอร์ต่างๆ แต่อย่าลืมว่าตู้เสื้อผ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานยาวนาน บางทีการลงทุนกับตู้คุณภาพดีสักหน่อย ก็คุ้มค่ากว่าซื้อของถูกแล้วต้องเปลี่ยนบ่อยๆ
ถ้าอยากได้ความยืดหยุ่นในการจัดพื้นที่มากขึ้น ลองดู ตู้แขวนเสื้อผ้า เพิ่มเติมก็ได้ เพราะสามารถนำมาประกอบกับตู้หลักได้ ทำให้มีพื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้น และปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามต้องการ
การเลือกตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนที่ดีนั้น ต้องคิดถึงหลายๆ ปัจจัย ทั้งพื้นที่ การใช้งาน ดีไซน์ คุณภาพ และงบประมาณ ลองหาข้อมูล เปรียบเทียบ แล้วเลือกแบบที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเองมากที่สุด เพราะตู้เสื้อผ้าที่ดีจะช่วยให้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้น ห้องนอนดูเป็นระเบียบ และทำให้เรามีความสุขกับการใช้งานทุกวัน เลือกอย่างชาญฉลาด แล้วจะได้ตู้ที่ใช่สำหรับคุณแน่นอน!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in