เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
PEACH & RABBIThuan_97
[os] love him like the sea.

  • "ดลใจ มองอะไรอยู่? ทะเลหรือ?" เสียงของเพื่อนสาวคนเดียวในกลุ่มเอ่ยถามขึ้น เจ้าของชื่อดลใจไม่ได้สนใจที่จะตอบราวกับว่าไม่ได้ยินคำถามเหล่านั้น ดวงตากลมโตยังจดจ้องบางอย่างที่เรียกว่าทะเล

    ทะเล สถานที่ที่ใช้หนีร้อนและหนีรักของใครหลายคน มีเกลียวคลื่นคอยซัดเข้ามายังบริเวณชายหาดที่เป็นทรายละเอียด หากได้ทิ้งตัวลงนอนคงจะรู้สึกดีไม่น้อย ไหนจะแสงอาทิตย์ในยามเช้าและยามเย็นเมื่อสาดส่องลงมาช่วยให้ผืนน้ำสีครามน่ามองเป็นเท่าตัว
    แต่ดลใจไม่ได้กำลังมองสิ่งนี้ หากแต่เป็นมนุษย์ธรรมดาที่หน้าตาดีกว่าใครทั่วไปก็เท่านั้น หมอนั้นกำลังยิ้มโปรยเสน่ห์ให้แก่กลุ่มนิสิตสาวที่กำลังจะเดินผ่านซุ้มของคณะวิทยาศาสตร์ทางทะเล เจ้าตัวเอ่ยอะไรบางอย่างก่อนจะโปรยรอยยิ้มอีกครั้งพร้อมกับยื่นกล่องรับบริจาคให้แก่หญิงสาวกลุ่มนั้น

    คนที่ว่านั้นชื่อทะเล รองเดือนปีที่แล้วที่ไม่ได้ตำแหน่งเดือนเพราะตอบคำถามได้แย่ซะไม่มีที่ติ หมอนั่นเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ใครหลายคนบอกว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่สำหรับเขา หมอนี่เป็นเหมือนทะเลเช่นเดียวกับชื่อ มองจากบนดินน่าดึงดูดให้เข้าไปสัมผัส แต่ลึกลงไปนั้นอาจจะมีแต่อันตรายเต็มไปหมด

    เขาไม่ได้มองอีกฝ่ายในแง่ร้ายเลยแม้แต่นิด ดลใจเจอมาเองกับตัวในด้านแย่ๆของอีกฝ่าย เขาจำได้ดีเลยว่าโดนอัดควันบุหรี่ใส่หน้า(โดยไม่ได้ตั้งใจ)ในวันแรกพบที่ทางมหาวิทยาลัยจัดขึ้นบริเวณหน้าห้องน้ำชาย เขานึกว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยขอโทษ แต่เปล่าเลย ทะเลนิ่งเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นเฟิร์สอิมเพรสชั่นที่แย่มากระหว่างเขากับทะเล แต่การพบกันหลังจากนั้นแย่กว่าเสียอีก

    "นี่! ใจลอยไปไหนแล้วยะ" ดลใจสะดุ้งจากเสียงแหลมที่ดังขึ้นกว่าครั้งแรก เขาละสายตาจากรองเดือนมหาวิทยาลัยมามองเพื่อนสาวที่นั่งเอือมระอาอยู่ฝั่งตรงข้าม

    "เสียงดังทำไมไอ่ทราย เรียกเบาๆก็ได้ยินแล้ว"

    "ได้ยินแล้วก็ตอบสิยะ ใครจะไปรู้กับแก"

    "ตั้งใจอ่านป้ายนั่นอยู่เลยไม่ได้ตอบ แล้วฉันก็ไม่ได้มองไอ่รองเดือนนั่นด้วย"

    "โครงการ..โครงการอนุรักษ์ปะการังและสร้างแหล่งเพาะเลี้ยง..." ทรายหรี่ตาอ่าน "รายได้ทั้งหมดมอบให้กับศูนย์วิจัย แกจะบริจาคสมทบทุนหรอดล"

    "หึ ดูโครงการน่าสนใจดีเฉยๆ แค่นี้เงินกินข้าวก็จะไปพอแล้ว ขืนบริจาคไปล้มละลายแน่" ส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะตักข้าวราดแกงเข้าปากเป็นคำสุดท้าย เคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ยคล้ายกระต่ายไม่มีผิด

    "เพื่อนศิลปกรรมครับ สนใจร่วมบริจาคสมทบทุนมั้ย ห้าบาทสิบบาทก็ได้ตามศรัทธาเลย" เป็นใครไม่ได้เลยนอกจากไอ่คนที่ยืนยิ้มโปรยเสน่ห์หน้าซุ้ม ทะเลเดินมาที่โต๊ะของพวกเขาพร้อมกับกล่องรับบริจาค ใบหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเอง ผู้คนรอบข้างเริ่มสนใจ ทยอยกันมาหย่อนเงินบริจาค ผิดกับดลใจที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ

    "ดล แกหย่อนเงินใส่ให้หน่อยดิ ยื่นไม่ถึงอ่ะ" ทรายยื่นแบงค์ยี่สิบให้เขาพร้อมกันทำหน้าฟินที่ได้เห็นคนหล่อมานั่งในระยะใกล้เกินกว่าหนึ่งเมตรซึ่งหาได้ยาก

    "กินนมเยอะๆนะจะได้แขนยาว" ถึงจะบ่นแต่ก็ยอมรับเงินจากเพื่อนสาวมาหย่อนลงกล่องให้ สายตาเผลอเหลือบมองคนถือกล่อง ดลใจหลบสายตาแทบไม่ทัน เขาไม่รู้นี่ว่าหมอนั่นจะมองเขาอยู่ก่อนแล้ว แต่ทำไมต้องใจเต้นแรงแบบนี้ด้วย

    "แล้วนายล่ะ?" เขาเอ่ยถามขึ้น ดลใจส่ายหน้าแสร้งยกน้ำหวานขึ้นดื่มไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น เรื่องตีมึนเขาถนัดนัก

    "ขอบคุณที่ร่วมบริจาคนะครับเพื่อนศิลปกรรม" เขายิ้มก่อนจะจากไป ทะเลไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อที่เขาไม่ยอมบริจาค

    "แกไม่ถูกชะตากับทะเลรึไง ดูทำหน้าเข้า"

    "อืม ไม่ถูกชะตา"

    ใช่แล้ว ไม่ถูกชะตาด้วยเลยจริงๆ


    _________

    หอพักเก่าๆใกล้ชายหาดคือที่ซุกหัวนอนชั้นดีของดลใจ เขาไม่ใช่คนฐานะดีและก็ไม่ได้แย่ แต่ครั้นจะให้อยู่ห้องดีที่ราคาแพงเกินไปก็คงเกรงใจคนหาเงินส่งเขาเรียนอย่างป้าวีนัส เขาอยู่กับป้าวีนัสมาตั้งแต่จำความได้ เนื่องจากพ่อแม่ของเขาแยกทางกันและทิ้งเขาไว้ให้เป็นภาระแก่พี่สาวของแม่อย่างป้าวีนัส ป้าเห็นว่าเขาเองก็เป็นหลานเป็นเชื้อจะปล่อยให้ไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็กระไรอยู่

    ทุกวันนี้ป้ายังคอยทำงานส่งเงินมาให้เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ป้าวีนัสทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ในตำแหน่งแม่บ้าน เงินเดือนเกือบหมื่นเพราะทำงานเต็มอัตรา ในความคิดของดลใจ เงินเดือนก้อนนั้นต้องแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายของเขาไปแล้วเกือบครึ่ง ดลใจจึงไม่เคยเรียกร้องอะไรจากป้าวีนัสเลย ไม่เพียงเท่านั้น เขากำลังพยายามหาเงินส่งตัวเองเรียนช่วยป้าอีกแรง

    ห้องพักในราคาหนึ่งพันบาทต่อเดือนมีเพียงเตียง ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำเล็กๆ และระเบียงแคบๆให้เท่านั้น มือบางแขวนกระเป๋าเป้ใบโปรดที่ใช้มาตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้ล่วงเลยมาแล้วจนปีสาม ป้าวีนัสให้เขามา มันเป็นของขวัญจากประธานบริษัทที่ให้ในวันปีใหม่ ความจริงแล้วเป็นกระเป๋าถืออย่างดี แต่ป้าวีนัสกลับขอเป็นกระเป๋าเป้คุณภาพดีให้กับหลานชายแทน เพราะแบบนั้นดลใจจึงไม่เคยเปลี่ยนไปใช้ใบอื่นอีกเลย

    "ดลใจ ลื้อมาเฝ้าหน้าร้านให้อั๊วหน่อย อั๊วอยากเข้าห้องน้ำ" เสียงแหบๆของหญิงชราเชื้อสายจีนเอ่ยเรียกเขา ดลใจรีบละทุกอย่างแล้วลงมาเฝ้าร้านแทนเจ้าของหอที่กำลังจะลุกไปห้องน้ำ

    เขาลืมบอกไปว่าความจริงแล้วหอที่กำลังเช่าอยู่เป็นห้องว่างที่เถ้าแก่เนี๊ยะร้านชำเปิดให้เช่าเพราะไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่การที่จะมาอยู่ร่วมกันได้นั้นก็ต้องผ่านการพูดคุยและทำสัญญาใจต่อกันว่าจะเคารพซึ่งกันและกัน และอย่าริอาจทำตัวหน้าไหว้หลังหลอก ไม่เพียงเท่านั้นเถ้าแก่เนี๊ยะยังจิตใจดียอมรับเขามาเป็นลูกจ้างโดยการลดค่าเช่าให้ครึ่งหนึ่งเป็นค่าแรง

    กระป๋องเบียร์สีเขียวถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมกับร่างของใครบางคนที่ยืนบดบังแสงอาทิตย์ในยามเย็น ดลใจคำนวณราคาในใจแต่ก็ยังไม่วายต้องกดเครื่องคิดเลขเพื่อความแน่ใจ

    "ร้อยสี่สิบสามครับ" เอ่ยบอกราคาก่อนจะเงยหน้ามองลูกค้า ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล เป็นทะเลที่ยืนทำหน้านิ่งกำลังหยิบธนบัตรสีม่วงจากกระเป๋าตังค์ส่งให้แก่เขา มือบางรับเงินมาก่อนจะเปิดลิ้นชักหาเงินทอนให้แก่ลูกค้าที่เขาไม่ค่อยอยากจะพบหน้าซักเท่าไหร่
    "เงินทอนสามร้อยห้าสิบเจ็ดบาท"

    "ไม่ยักรู้ว่าทำงานอยู่ร้านนี้" เป็นบทสนทนาแรกที่ทะเลเอ่ยถาม

    "แค่มาช่วยเถ้าแก่เนี๊ยะ ที่จริงฉันเช่าห้องอยู่ที่นี่" เอ่ยตอบตามความจริงก่อนจะละความสนใจไปยังลุงที่ยืนอยู่ด้านหลัง "เอาบุหรี่หรือครับลุง"

    "ใช่แล้วอิหนู ซองแดงนะเว้ย" ลุงเอ่ยบอกพลางวางขวดเครื่องดื่มชูกำลังลงบนโต๊ะ ทะเลจึงเขยิบออกมายืนข้างๆโต๊ะแทน แอบชำเลืองมองพ่อค้าจำเป็นหยิบซองบุหรี่สีดังกล่าวพร้อมกับคิดเงินอย่างคล่องแคล่ว

    "เจ็ดสิบครับลุง เมื่อสองวันก่อนก็มาซื้อ ทำไมช่วงนี้ลุงสูบบ่อยครับ มันไม่ดีต่อปอดนา" ดลใจถาม

    "แหม ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดี ข้าเองก็เครียดๆด้วย เลยสูบจัดไปหน่อย" ลูกค้าวัยกลางคนยิ้มแหยๆก่อนจะจ่ายเงินและรับของเดินออกไป ในร้านจึงกลับมาเงียบอีกครั้ง

    "นี่..นายยังไม่ไปอีกหรอ?"

    "พอดีว่าเกิดสนใจนายขึ้นมา"

    "สนใจฉัน?" นี่ทะเลเขากินยาลืมเขย่าขวดรึเปล่า เมื่อตอนบ่ายก็รอบนึงแล้วที่เขาทำท่าทีแปลกๆ ปากเล็กจะเอ่ยถามก่อนแต่เสียงของเถ้าแก่เนี๊ยะกลับดังขึ้นก่อน

    "มีใครมาซื้อของมั้ยอาดลใจ" เจ้าของร้านตัวจริงเดินออกมาพร้อมเอ่ยถาม ดลใจลุกจากโต๊ะคิดเงินมายืนข้างและเอ่ยรายงานตามความจริง

    "มีครับเถ้าแก่เนี๊ยะ ลุงเจ้าประจำกับนายคนนี้"

    "อ้าว อาต้าไฮ่เองหรอ ไม่เห็นหน้ากันเสียตั้งนาน" หญิงชราเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยชื่อภาษาจีน ซึ่งดลใจคิดว่ามันอาจจะแปลว่าทะเล ท่านส่งยิ้มให้ลูกค้าที่ยืนอยู่ข้างเขา "เป็นเพื่อนอาดลใจอีหรอ?"

    "ครับ จะว่าอะไรมั้ยถ้าผมของยืมตัวลูกมือคุณยายสักพัก"

    "ไปไหนก็ไปเถอะ"



    _________


    แสงแดดในตอนเย็นยังไม่ร้อนรุ่มเท่าใจของเขาในตอนนี้ หลังจากได้รับคำอนุญาต ทะเลก็ฉวยข้อมือเขาเดินออกมาจากร้านและเดินเรียบไปตามชายฝั่งที่มีคลื่นซัดสาดอยู่ตลอดเวลาไม่หยุดพัก และมือนิ่มของทะเลก็ไม่ยอมปล่อยมือของเขาเลย

    ทั้งคู่หยุดเดินเมื่อถึงหน้าหาดที่มีผู้คนปูเสื่อนั่งรับลมยามตะวันใกล้ตก แสงสีส้มอมชมพูอาบไล้เรือนร่างของผู้คน ทะเลปล่อยมือเขาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นทรายละเอียดแม้ว่าเขาจะยังใส่กางแกงแสลคสีดำอยู่ก็ตาม เปิดกระป๋องเบียร์เย็นฉ่ำขึ้นดื่มแก้กระหาย

    ดลใจยังคงยืนตัวตรง เว้นระยะห่างระหว่างหมอนั่นหนึ่งช่วงแขน ไร้ซึ่งบทสนทนา มีเพียงเสียงรอบข้างที่ยังดัง แต่ที่ดังชัดที่สุดก็คงจะเป็นเกลียวคลื่นที่พัดเข้าหาฝั่ง ถาโถมเข้ามาก่อนจะค่อยๆเบาลงจนเหลือเพียงพื้นทรายชื้นๆ ตอนนี้ดลใจค่อนข้างที่จะเริ่มอึดอัด

    "นายมีอะไร ถ้าไม่มีฉันจะกลับแล้วนะ" สุดท้ายก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อนเสียเองเพราะทนความอึดอัดไม่ไหว แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะได้ไม่ได้สนใจที่เขาพูดเลยสักนิด

    "งั้นไปนะ" เอ่ยบอกร่ำลาเมื่อไร้การตอบรับ ดลใจก้าวเท้าไปได้เพียงก้าวเดียวก็ถูกฉุดมือไว้จนเซล้มลงกับทราย หัวไหล่กระแทกเข้ากับไหล่ของทะเลอย่างแรง ดลใจเบ้หน้าเพราะความเจ็บที่แล่นแปร๊บเข้ามา

    "มันเจ็บนะ! คิดจะดึงก็ดึงแบบนี้ได้ไงกัน"

    "โวยวายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ เจ็บกว่านี้ก็เคยมาแล้วแท้ๆ"

    "อย่ามาพูดเรื่องนั้นอีกจะได้มั้ย ฉันไม่อยากฟัง"

    "ต้องฟัง เพราะฉันต้องการนาย"

    "แต่ฉันไม่ แล้วฉันก็ไม่ใช่ที่บำบัดความใคร่ของนาย ถ้าอยากมากก็ไปหาคนอื่นเถอะ"

    "นายแน่ใจนะว่าจะปฏิเสธฉัน?" ทะเลว่าพลางชูสมาร์ทโฟนราคาแพงของตนเองขึ้นมา "นายคงไม่โง่หรอกนะที่จะไม่รู้ว่ามีอะไรข้างใน"

    "นี่.. วันนั้นนายไม่ได้เมาใช่มั้ย! นายจงใจทำงั้นหรอ!!" ดลใจตะคอกใส่ด้วยความโกรธ ทั้งที่เขาคิดมาโดยตลอดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น -การพบกันครั้งที่สองระหว่างเขากับทะเล- เป็นเพราะความเมาของอีกฝ่ายจึงไม่อยากจะเอ่ยเอาเรื่อง ดลใจไม่เคยมองคนผิดเลยจริงๆ ทะเลยากเกินกว่าจะคณานับได้ ใจคนก็ไม่แตกต่างกัน

    "อยากต่อยสักมัดมั้ยล่ะ?" ทะเลเอ่ยอย่างยียวน เอียงแก้มซ้ายและใช้มือจิ้มๆเผยให้เห็นว่าแก้มของตนนุ่มแค่ไหน ดลใจที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่รีรอที่จะหยิกและดึงยืดออกมา เขาไม่ต่อยให้ตัวเองเจ็บมือไปด้วยหรอกนะ แค่หยิกให้อีกฝ่ายเจ็บคนเดียวก็พอ แต่จะว่าไปแล้ว แก้มของทะเลนุ่มเหมือนมาชเมโล่จริงๆ

    "นี่ หมั่นเขี้ยวกันรึไง พอได้แล้วมันเจ็บ" ชายหนุ่มเอ่ยและดึงมือเขาให้หลุดพ้นจากแก้มของตน "ตกลงว่าไง?"

    "ไม่" ดลใจยังยืนยันคำเดิม ถึงแม้ว่าจะมีคลิปที่เป็นตัวข่มขู่ชิ้นเอกอยู่แต่เขาก็ไม่สนหรอก ร่างบางลุกขึ้นปัดทรายออกจากตัวแล้วเดินหนีไป ปล่อยให้ชายหนุ่มที่ได้คำตอบปฏิเสธกลับมาถอนหายใจแล้วยิ้มเล็กๆ ให้กับท่าทางของอีกฝ่าย



    _________

    วันจันทร์แสนน่าเบื่อวนกลับมาอีกครั้ง ดลใจต้องตื่นมาตั้งแต่ตีห้าเพื่อช่วยเถ้าแก่เนี๊ยะจัดของไว้สำหรับทำบุญตักบาตร เป็นแบบนี้ทุกวันตั้งแต่ปีหนึ่งยันตอนนี้ กลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว ร่างโปร่งช่วยยกของทำบุญมาไว้ที่หน้าร้าน ข้างกับคือเจ้าของร้านกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่

    หลังตักบาตรแล้วดลใจเก็บของทุกอย่างกลับเข้าร้าน ช่วยเถ้าแก่เนี๊ยะเปิดร้าน ปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวออกไปเรียนในเวลาเก้าโมงครึ่ง

    "กินข้าวกินปลาเสียก่อนอาดลใจ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปก่อนจะแย่เอา" หญิงชราเอ่ยเรียกเขาไว้เหมือนเห็นเขากำลังจะเดินออกจากร้าน ร่างโปร่งยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ยังมีเวลาพอสำหรับมื้อเช้า

    เขาเดินมานั่งร่วมโต๊ะกับเถ้าแก่เนี๊ยะ ข้าวพูนจานถูกเลื่อนมาให้พร้อมรอยยิ้ม กับข้าวบนโต๊ะมีทั้งไข่เจียว ผักผักรวมมิตร และแกงจืดเต้าหู้ที่ดลใจทำไว้ใส่บาตรเมื่อเช้า เขาไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้กินข้าวเช้าจริงๆจังๆแบบนี้ อาจจะเป็นตั้งแต่ขึ้นปีหนึ่งหรือก่อนหน้านั่น

    ทานอิ่มแล้วก็เก็บจานไปล้าง อาหารที่เหลือพอทานได้อีกมื้อถูกฝาชีครอบไว้ ดลใจไม่มีเวลาพอที่จะอืดอาดแล้ว เขากำลังจะเข้าเรียนสาย มือบางที่ชื้นแชะด้วยน้ำเช็ดกับกางเกงนักศึกษาอย่างไม่ใส่ใจมากนัก สะพายเป้ขึ้นบ่าพร้อมกับเฟรมผ้าใบไปยืนโบกมอเตอร์ไซต์รับจ้างที่หน้าร้าน

    ดูเหมือนวันนี้โชคจะไม่เข้าข้างเขา รถโดยสารที่จะพาเขาไปส่งที่มหาวิทยาลัยได้ไม่ผ่านมาสักคันเลยแม้แต่น้อย ดลใจถอนหายใจอย่างปลงตก สงสัยว่าบุญที่เพิ่งทำไปเมื่อเช้าจะไม่ได้ช่วยให้ชีวิตแจ่มใสอย่างที่ใครพูด

    ปรี้นน!

    รถยนต์สีดำรุ่นใหม่เอี่ยมชะลอจอดลงตรงหน้าดลใจ เขามองลอดฟิล์มกระจกสีเข้มก็เห็นว่าเป็นเจ้าของแก้มนุ่มน่าบีบ สองเท้าถอยหนีโดยอัตโนมัติ กระจกรถเลื่อนลงพร้อมกับทะเลที่มองเขาอยู่ วันนี้เจ้าตัวแต่งตัวเรียบร้อย(เป็นปกติ) ผมสีน้ำตาลสว่างถูกเซตเป็นทรงเผยให้เห็นโครงหน้าชัดเจน ทำเอาดลใจสติแตก

    "ขึ้นมาดิ เดี๋ยวไปส่ง"

    "ม..ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้"

    "ยืนรอให้ตายก็ไม่ได้ไปหรอกมหา'ลัยน่ะ ขึ้นมาเถอะน่า"

    สุดท้ายแล้วก็ยอมไปกับทะเลเพราะเขาไม่มีเวลายืนรอรถโดยสารใดๆแล้ว บรรยากาศภายในรถอึดอัดพอๆกับเมื่อวานที่หาดแต่ดีหน่อยที่มีเพลงไม่ทำให้ภายในรถเงียบ ผิดกับอากาศในตอนนี้ที่เย็นเกินจนเขาต้องเอามือลูบแขนให้คลายหนาว
    "หนาวก็บอก" ทะเลเอ่ยขึ้น เอื้อมมือมาปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น

    ไม่นานรถยนต์สีดำก็จอดเทียบหน้าคณะศิลปกรรมที่ดลใจศึกษาอยู่ ร่างโปร่งเปิดประตูลงรถทันทีและก้าวขึ้นตึกไปอย่างรีบร้อน ทะเลมองอีกฝ่ายผ่านกระจกรถพร้อมยิ้มนิดๆก่อนจะขับรถไปยังคณะของตนแทน และก็เข้าเรียนสายไปโดยปริยายเมื่อมองนาฬิกา

    ตาคมเหลือบไปเห็นไอโฟนตกรุ่นสีขาว หน้าจอร้าวตรงมุมเครื่องตกอยู่บนเบาะข้างคนขับ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นของใคร มือหนาเอื้อมมาเปิดดูอย่างถือวิสาสะ ไม่มีการล็อครหัสใดๆ ในเครื่องมีรูปถ่ายผลงานศิลปะและรูปเจ้าของเครื่องกับเพื่อนสนิทของอีกฝ่าย ทะเลไม่รอช้ากรอกเบอร์โทรศัพท์ของตนลงไปแล้วกดโทรออก แค่เท่านี้เขาก็ตามราวีดลใจได้แล้ว




    "แกแน่ใจนะว่าไม่ได้ลืมเอาไว้ที่ห้องอ่ะ"

    "จะลืมได้ไง ก็ใส่กระเป๋าก่อนออกมา" ดลใจงอแง เขาไม่รู้ว่าทำโทรศัพท์หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ พอจะใช้งานเท่านั้นแหละถึงได้รู้ว่ามันไม่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะหาตามกระเป๋าเป้ กระเป๋ากางเกงก็ไม่เจอ ถ้าหายไปแล้วดลใจจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อล่ะ

    "ไปกินข้าวเที่ยงกันก่อนเถอะ เผื่อแกนึกออก" ทรายเอ่ยพร้อมกับลากเพื่อนร่างโปร่งให้เดินตามมา

    โรงอาหารในช่วงเที่ยงคือสนามรบ ดลใจไม่เข้าใจเลยว่าโรงอาหารคณะเขามีอะไรอร่อยจนคนต้องแห่แหนมารวมกันที่นี่ เขาและทรายเดินมาหาที่นั่งว่างๆและจองด้วยการวางกระเป๋าทิ้งไว้อย่างนั้นก่อนจะเดินไปต่อแถวซื้อก๋วยเตี๋ยว ส่วนเขาโดนใช้ให้มาซื้อน้ำและกลับมานั่งเฝ้าโต๊ะรอ

    ใช้เวลาครู่ใหญ่ เพื่อนสนิทก็กลับมาตัวเปล่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เหลือบมองข้างหลังถึงได้เห็นว่าทะเลเดินตามหลังมาพร้อมก๋วยเตี๋ยวสามชามในถาด

    "แก ทะเลมานั่งด้วยนะ เอากระเป๋าแกมาวางฝั่งฉันนี่มา" ทรายบอกพลางหยิบกระเป๋าของเขาย้ายไปอีกฝั่ง ทะเลวางถาดลงบนโต๊ะก่อนจะทรุดนั่งลงข้างๆเขา

    "อ่ะ มือถือนาย ทำตกไว้ในรถน่ะ" มือหนาของทะเลส่งไอโฟนสีขาวคืนให้เจ้าของ ดลใจยิ้มกว้างที่ได้โทรศัพท์
    "ขอบใจนะที่เก็บไว้ให้ ฉันนึกว่าหายไปแล้วซะอีก" พอดีใจเขาก็แจกยิ้มไปทั่วจนมองหน้าเพื่อนสนิท ทรายถือช้อนค้างกับสารใหม่ที่ได้รับ มองหน้าเขาด้วยสายตาแปลกๆ

    "มองฉันทำไมไอ่ทราย"

    "ก็แปลกใจที่แกมากับทะเล"

    "แค่ติดรถมาด้วย เมื่อเช้ารถไม่มีสักคัน" ดลใจตอบเพื่อนสนิทก่อนเอ่ยถามคนข้างๆ "แล้วนายไม่มีเพื่อนคบรึไงถึงมากินข้าวถึงที่นี่"

    "มี แต่อยากมากินข้าวกับนาย"

    What?!

    ทะเลกินยาลืมเขย่าขวดรึเปล่า นี่ไม่ใช่ทะเลที่เขาเคยเจอมาก่อน หรือว่าที่ทำแบบนี้เพราะต้องการตื๊อให้เขาเกี่ยวกับเรื่องอย่างว่ากันแน่ แน่นอนว่าดลใจรับมือกับทะเลโหมดนี้ไม่ถูก

    ร่างโปร่งทำเฉยกับประโยคดังกล่าว ใช้ตะเกียบคีบเส้นบะหมี่ในชามเข้าปากแต่ในหัวกำลังประมวลกับวิธีการรับมือทะเลในรูปแบบใหม่ มีเพียงเสียงเจี๊ยวจ๊าวในโรงอาหารที่ดังและเสียงลมพัดหวิวๆจากด้านนอกอาคาร

    "เลิกเรียนกี่โมง?" ทะเลเอ่ยถามหลังจากจัดการกับมื้อกลางวันเรียบร้อยแล้ว ในมือมีผลไม้ที่เจ้าตัวเพิ่งซื้อมาเมื่อครู่

    "ถ..ถามทำไม"

    "กลับด้วยกันไง ไหนๆทางไปบ้านฉันก็ผ่านหอนาย"

    ดลใจว่านี่น่าจะเป็นข้ออ้างมากกว่า



    _________

    ดลใจจำเป็นต้องหอบเฟรมผ้าใบและอุปกรณ์สำหรับลงสีใส่กระเป๋าผ้าออกมาวาดรูปริมชายหาด หัวข้อใหม่ที่เขาและเพื่อนได้รับจากคลาสในวันนี้ก็คือภาพเหมือน ภาพเหมือนที่ว่านี้ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องวาดportraitเพียงเท่านั้น การสร้างสรรค์ศิลปะสามารถคิดแตกต่างกันออกไปได้

    ขาตั้งวาดถูกกางออก วาดแผ่นเฟรมที่ยังไม่ได้ร่างอะไรลงไปไว้บนขาตั้ง ประเด็นคือดลใจไม่รู้จะเอาใครมาเป็นแบบที่เหมาะสมกับความคิดในหัวของเขา แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นเกลียวคลื่นที่ซัดซาดเข้าหาฝั่งพร้อมกับใครบางคนที่คุ้นตากำลังนั่งยืดขาให้คลื่นซัดใส่

    ไม่ว่าจะไปทางไหนหรือมองไปทางใด ทะเลมักจะปรากฎอยู่เสมอ ดลใจไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรเหมือนกันและเขาไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก

    หลังจากที่ทะเลพาเขามาส่งบ้านในตอนเย็นของวันนั้น เช้าของวันถัดไปก็มักจะเจอรถยนต์สีดำรุ่นใหม่จอดรอท่าอยู่ก่อนแล้ว ดลใจปฏิเสธน้ำใจของอีกฝ่ายมาโดยตลอดแต่ก็ทำได้เพียงพูดเท่านั้นแหละ สุดท้ายทะเลก็ใช้กลวิธีที่สามารถทำให้เขาต้องจำยอมไปด้วยอยู่เสียทุกครั้ง

    นอกจากนี้แล้วเขายังกลายเป็นลูกค้าประจำของร้านเถ้าแก่เนี๊ยะ ทะเลมักจะซื้อเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวไปนั่งกินอยู่แถวชายหาด เป็นรองเดือนที่สามารถพบเห็นได้ง่ายยิ่งกว่ารถประจำทางที่วิ่งผ่านหอของเขาทุกวันเสียอีก

    แล้วทำไมทุกเรื่องของผู้ชายคนนั้นถึงจำได้ขนาดนี้กันล่ะดลใจ

    สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปก่อนจะจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้จับดินสอขึ้นมาร่างภาพ คนที่นึกถึงก่อนหน้านี้กลับมายืนอยู่ข้างขาตั้งเสียได้

    "วาดอะไร"

    "งานส่งอาจารย์"

    "เกี่ยวกับอะไรล่ะ" ทะเลถาม มือหนาเริ่มป้วนเปี้ยนกับอุปกรณ์ลงสีของเขา

    "ภาพเหมือน"

    "วาดฉันสิ อยากได้รูปตัวเองอยู่พอดี"

    "งานส่งอาจารย์ ไม่ได้วาดเล่นนะ"

    "ก็ไม่ได้บอกว่านายวาดเล่น ถ้านายวาดรูปฉันนะ ฉันจะจ่ายให้นายเลยพันห้าเป็นค่าฝีมือกับค่าอุปกรณ์" ทะเลยื่นข้อเสนอ ราคาที่เสนอมาทำให้ดลใจหยุดคิด นั่นเท่ากับว่าเขาสามารถเอาเงินที่ได้ไปจ่ายค่าหอโดยที่ยังมีเงินเก็บไว้ใช้โดยไม่ต้องของป้าวีนัสแล้วน่ะสิ อย่างไรเสียก็ถือว่าช่วยแบ่งเบาภาระท่าน

    "ได้สิ แต่นายต้องเป็นแบบให้ฉันถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นแบบวาดนะ ส่วนงานไว้ค่อยมาเห็นตอนรับแล้วกัน" ดลใจบอก

    "ตกลง แล้วจะถ่ายแบบไหนก็บอกมา ฉันจะได้เก๊กหล่อถูก" คนตัวสูงเอ่ยพร้อมกับยื่นสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของตนให้ "ใช้ของฉันถ่ายมันชัดกว่า นายจะได้เก็บรายละเอียดชัดๆ"

    "ถ่ายเครื่องนายแล้วจะส่งรูปได้ยังไง นายไม่มีช่องทางติดต่อของฉันเสียหน่อย"

    "ฉันหาวิธีส่งให้นายได้ก็แล้วกันน่า รับไปสิ" ดลใจรับมือถือราคาแพงหูฉี่มาถือไว้แน่น เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเกิดมันหลุดมือขึ้นมาจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อคืนให้

    นิ้วเรียวกดถ่ายภาพโดยไม่เอ่ยปากบอกนายแบบ ถึงอย่างนั้นอีกคนก็รู้ตัวทันอยู่ดี ทะเลมองกล้องพร้อมกับใบหน้าหลากหลายอารมณ์ของเจ้าตัว ไม่ว่าจะมองมุมไหนรองเดือนก็ดูดีไปเสียหมดจนเขานึกอิจฉา เสียอย่างเดียวคือนิสัยประหลาดๆนั่น

    "นี่ ยิ้มหน่อยได้รึเปล่า" เขาถาม เจ้าตัวได้ยินจึงค่อยๆฉีกยิ้มกว้าง ไม่เพียงแต่ริมฝีปากเท่านั้น ดวงตาคมที่เคยมองมาที่เขาด้วยความเย็นชาเมื่อคราวที่พบกันครั้งแรกแปรเปลี่ยนไปเป็นอีกอย่าง ดลใจไม่กล้าฟันธงว่ามันสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในตอนนี้เกิดจากสาเหตุใด แต่ใจของเขาตอนนี้กลับเต้นไม่เป็นจังหวะไปเสียอย่างนั้น เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย ดูพิลึกชอบกล




    ผลงานของเขากลายเป็นที่กล่าวขานในคณะเพราะนายแบบที่นำมาวาดเป็นถึงรองเดือนจากคณะวิทยาศาสตร์ทางทะเล ซึ่งหาตัวจับได้ยากในมหาวิทยาลัยแต่พบเจอได้ง่ายแถวชายหาด ดลใจเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาคิดผิดหรือเปล่าที่ยอมให้ทะเลมาเป็นแบบวาดให้
    เพื่อนสนิทอย่างทรายเองยังแปลกใจ เจ้าหล่อนซักเขาไม่หยุดตั้งแต่เห็นจนได้คำตอบที่พอใจจึงหยุดถามและเอ่ยแซวแทน คนอื่นๆก็พลางหยอกล้อเขาไปด้วย ดลใจไม่ชอบใจเท่าไหร่เลยจริงๆ

    หลังส่งงานเสร็จ ดลใจขอตัวกลับบ้านมาก่อนด้วยรถประจำทางสายเดิมที่นักมาตั้งแต่ปีหนึ่ง สายลมเย็นๆพัดปะทะกับหน้าทำให้ผ่อนคลาย แม้จะมีแดดไปบ้างก็ตามที เขาตั้งใจจะกลับมานอนให้เต็มอิ่ม เพราะหลายคือก่อนเขาเอาแต่หมกหมุ่นกับการทำงานส่ง

    พอถึงร้านก็ยกมือไหว้เถ้าแก่เนี๊ยะที่นั่งฟังวิทยุอยู่ตรงโต๊ะเก็บเงิน ท่านโบกมือไล่ให้เขาขึ้นไปพักผ่อนเสียจากอาการง่วงงุนในตอนใส่บาตรพระ ดลใจเดินขึ้นไปยังชั้นสอง มือเล็กไขกุญแจเข้าห้อง วางกระเป๋าลงพื้นอย่างไม่ใส่ใจนัก ทิ้งตัวลงนอนบนฟูกนิ่มๆเพื่อพักผ่อน เปลือกตาทั้งสองคล้อยปิดลงมา

    Rrrr

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อนจะปิดตาสนิท มือบางล้วงหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดรับสายและกรอกเสียงแสนงอแงลงไปโดยไม่รู้ว่าปลายสายคือใคร

    "หวัดดีครับ ใครครับ?"

    (นายยังไม่เมมเบอร์ฉันอีกหรือไงกัน)

    "ทะเลหรอ? โทรมามีอะไรล่ะ"

    (ทำไมไม่โทรมาบอกกันก่อนว่าจะกลับ จะได้ไปส่ง) น้ำเสียงปลายสายฟังดูหงุดหงิด ดลใจไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะต้องบอกทะเลก่อน อีกอย่างเขาเองก็เกรงใจที่ต้องคอยเทียวไปเทียวมากับรองเดือน

    "ลำบากนายเปล่าๆ ฉันกลับเองได้"

    (นอนดึกรึไงเมื่อคืน ได้ข่าวว่าปั่นงานจนเกือบเช้า)

    "ใครบอกนาย? ทรายรึไง"

    (จะใครซะอีก งั้นนอนไปเถอะ เดี๋ยวค่ำๆจะไปหา)

    "จะมาหาทำ-"

    ติ๊ด!
    สายถูกตัดไปแล้วและทะเลไม่ฟังคำคัดค้านของเขา มือบางละจากโทรศัพท์ ปิดเปลือกตาลงอีกครั้งก่อนจะหลับไปในความเงียบ



    _________

    ดลใจไม่คิดว่าจะเจอทะเลอยู่ที่หน้าร้านในเวลาหกโมงเย็น อีกฝ่ายอยู่ในชุดลำลองสวมรองเท้าแตะ ซึ่งดูแปลกตาสำหรับเขาไม่น้อยกำลังนั่งบนมอเตอร์ไซด์ ในมือหนากำลังเล่นโทรศัพท์ เหมือนกับรูปวาดในหอศิลป์ที่เขาเคยเห็นอย่างไรอย่างนั้น

    ไม่รู้ว่ามองเขานานไปหรือเปล่า ทะเลจึงได้เงยหน้าจากมือถือหันมามองเขาที่ยืนนิ่งเป็นหิน ดลใจอยากจะตีตัวเองที่ไม่แต่งตัวให้มันดีๆก่อนจะลงมาข้างล่าง ผมเผ้ามันกระเซิงเกินกว่าที่จะให้ใครได้เห็น(เว้นแต่เถ้าแก่เนี๊ยะก็พอ)

    "มาหามีอะไร" เขาเปิดบทสนทนา ช่างคลับคล้ายคลับคลากับวันที่โดนลากไปที่ชายหาดด้วยกันเสียจริง

    "ไปเดินเล่นกัน วันนี้ไม่เจอกันทั้งวัน" เขาเอ่ยก่อนจะเดินไปทางตู้แช่ หยิบเบียร์กระป๋องสีเขียวมาสองกระป๋องแล้วเดินไปจ่ายเงินที่เถ้าแก่เนี๊ยะ ดลใจยืนอยู่ห่างๆจึงไม่รู้ว่าทะเลไปพูดอะไร เจ้าของร้านวัยชราจึงส่งสายตาล้อเลียนให้เขาแบบนี้

    "อาดลใจ ช่วยอั๊วเก็บร้านก่อนนา แล้วค่อยไปเที่ยวกับอาต้าไฮ่"

    "เดี๋ยวผมช่วยครับคุณยาย" ทะเลอาสา

    "ดีๆๆ จะได้เสร็จไวๆ พวกลื้อจะได้ไปเที่ยวกันเร็ว" ท่านเอ่ยยิ้มๆก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังร้าน เหลือเพียงเขากับทะเลสองคน

    ดลใจทำหน้าที่ตามปกติ ตรวจเช็คความเรียบร้อยภายในร้านและดูว่าสินค้าชนิดไหนหมด จดใส่กระดาษเอาไว้ให้เถ้าแก่เนี๊ยะเพราะท่านเป็นคนสั่งของเอง แต่วันนี้กลับมีผู้ช่วยจอมจุ้น ทะเลขออาสาเป็นคนจดบันทึกให้ ในตอนแรกเขาก็ไม่ยอมหรอกเพราะอาจจะทำให้วุ่นวาย แต่เมื่อเห็นลักยิ้มบนมาร์ชเมลโล่ทีไรก็ยอมใจอ่อนทุกที

    "นมข้นหวาน ปลากระป๋อง มาม่า ผงชูรส ครีมอาบน้ำ แป้-"

    "ช้าหน่อย จดไม่ทัน" ทะเลแทรกขึ้น

    "ช้าแบบนี้จะทันกินมั้ย เอามานี่เลย" มือบางเอื้อมไปฉวยกระดาษและปากกาในมือทะเลมาจดเอง

    "พูดแบบนี้แปลว่าอยากไปเที่ยวกับฉันเร็วๆใช่มั้ย"

    "อ..อะไรของนาย! ฉันเห็นแล้วรำคาญตาต่างหาก" ดลใจก้มหน้างุด จรดปากกาลงบนกระดาษเขียนสินค้าที่หมดลงไป เขาน่ะรับมือกับทะเลโหมดนี้ไม่ถูกจริงๆ

    "งั้นฉันรอที่รถแล้วกัน เสร็จแล้วออกมาล่ะ อย่าหนีขึ้นห้อง ไม่งั้นฉันจะไปตามถึงที่แน่" เขาพูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนจะปลอยให้ดลใจได้ทำอย่างสะดวกๆ ร่างโปร่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ แม้ว่าหลายวันที่ผ่านมาจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ แต่เขาก็ยังอดที่จะเกร็งไม่ได้ แถมยังชอบใจสั่นเวลาที่ทะเลมองมาอีก

    เห้อ เขาจะตกหลุมรักทะเลไม่ได้นะ!




    เป็นอีกครั้งที่เขาอยู่ที่ชายหาดกับรองเดือนมหาวิทยาลัยแบบสองต่อสอง จะเรียกว่าสองต่อสองมันก็คงจะไม่ใช่ซะทีเดียว ชายหาดในตอนเย็นมักมีผู้คนมาเดินเล่นรับลม บางคนมากับลูก บางคนมากับสัตว์เลี้ยง บางคนมากับเพื่อน บางคนมากับแฟน หรือบางคนอย่างเช่นดลใจมากับคนรู้จัก

    ทะเลยื่นกระป๋องเบียร์ที่ซื้อมาเมื่อครู่ให้เขา มือบางรับมาถือไว้ก่อนจะเปิดแล้วค่อยๆจิบทีละนิด แน่นอนอยู่แล้วว่ามันคือการดื่มเพื่อเข้าสังคม ดลใจยอมรับว่าเขาเองก็ดื่มบ้างในบ้างครั้งและจะไม่ดื่มเกินลิมิตของตัวเอง ซึ่งลิมิตของเขาก็คือครึ่งแก้ว ทะเลมองเขาด้วยสายตาสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร มีเพียงลักยิ้มที่เด่นชัดบนแก้มของเจ้าตัว

    "ชวนมานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินรึไง" ดลใจเดาสุ่ม เขายังไม่เห็นจุดประสงค์ของการมานั่งดูท้องฟ้าตอนเย็นแบบนี้ และถ้าจุดประสงค์มันเหมือนกับคราวก่อนที่เคยได้ยิน เขาสาบานเลยว่าจะต่อยอีกฝ่ายให้คว่ำ

    "ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ"

    "ฉันไม่เชื่อหรอก" ยกเบียร์ขึ้นจิบแก้อาการหน้าร้อนผ่าว มันไม่สมเหตุสมผลเขารู้ แต่จะให้นั่งนิ่งเฉยก็คงจะไม่ไหว
    ทะเลน่ะมีพลังทำลายล้างสูงพอๆกับระเบิดปรมาณูของเจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์

    ดลใจไม่รู้ว่าหลวมตัวไปรู้จักกับทะเลตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีเราทั้งคู่ก็ได้มานั่งจิบเบียร์ด้วยกันเงียบๆที่ชายหาดที่เดิม เวลาเดิม กับคนๆเดิมไปเสียแล้ว

    ทรายบอกกับเขาว่ามันอาจจะเป็นโชคชะตาที่กำหนดโดยคนข้างบน การที่โลกเหวี่ยงทะเลในมุมมืดให้มาเจอกับเขาในวันนั้นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ประหลาด และพัฒนาไปในทางใดทางหนึ่งซึ่งไม่มีใครคาดเดาได้เลย จนกระทั่งวันที่เขากับทะเลมีอะไรกันเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ทะเลได้รับ(ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งจะมาบอกว่าแท้ที่จริงแล้วไม่ได้เมา)และความสะเพร่าไม่ทันระวังตัวของเขา นั่นอาจทำให้ความสัมพันธ์ประหลาดเกิดขึ้นและก่อตัวขึ้นทีละน้อยโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว

    "นี่ นายเมาแล้วรึเปล่า" มือหนาโบกไปมาตรงหน้าเขา ดลใจกระพริบตาปริบๆ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัว นี่เขากำลังพร่ำเพ้อไปเพื่ออะไรกัน หรือว่าเขาดื่มมันเยอะเกินไปจนเกินลิมิตแล้วนะ

    "ไม่เมา จะเมาได้ไง"

    "เสียงอ้อแอ้แบบนี้ยังจะเถียงอีกนะคนเรา" ทะเลส่ายหน้าระอา ดึงเอากระป๋องเบียร์จากมือเขาไปกระดกที่เหลือเพียงหนึ่งส่วนสี่ของกระป๋องคนเดียวจนหมด แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน

    "ของฉันนะ นายเล่นยกหมดแบบนี้แล้วฉันจะจิบอะไร" ไม่ว่าเพียงอย่างเดียว ดลใจขยับตัวเข้าไปแย่งกระป๋องเบียร์เจ้าปัญหาในมือของทะเล

    การยื้อแย่งเล็กๆเกิดขึ้น ร่างสูงพยายามขยับมือที่ถือกระป๋องหนีให้ไกลมือคนเริ่มเมา ส่วนคนเมาเองก็ขยับตามอย่างไม่ลดละ ขาเรียวขึ้นคร่อมตักแกร่งในท่าทางล่อแหลมแต่เจ้าตัวไม่สนใจ

    "คืนมาเลยนะ" ดลใจว่า เบะปากแสดงอาการไม่พอใจ มือบางตะปบเข้าที่แก้มนิ่มๆของทะเลจนหน้าบู้

    "ดื่มไปหมดแล้ว นายเมาแล้วนะ"

    "ก็บอกว่าไม่เมาไง"

    "ไม่เมาแล้วมานั่งคร่อมฉันแบบนี้หมายความว่าไงกัน หื้ม" ทะเลยื่นหน้าเข้ามาใกล้ สองแขนโอบเอวเล็กไว้ไม่ให้ลุกหนี เกือบสามเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นดลใจใกล้ๆแบบนี้ กลิ่นหอมจางๆจากร่างโปร่งยังเป็นกลิ่นที่เขาชอบ รวมถึงดวงตากลมโตที่มองมาที่เขา

    "ก..ก็นายแย่งเบียร์ฉันไปอ่ะ" ดูเหมือนดลใจคนเดิมกลับเข้าร่างแต่เสียอาการไม่ใช่น้อย มือที่กอบกุมแก้มของเขาเอาไว้เปลี่ยนเป็นดันเขาออกห่างทันที "แล้วก็ปล่อยฉันได้แล้ว"

    "เรื่องอะไรจะปล่อย ขืนปล่อยนายแล้วนายวิ่งลงทะเลไปจะทำไง"

    "เว่อแล้ว ใครจะไปวิ่งลงทะเล ปล่อยฉันสักที"

    "ก่อนจะปล่อย นายต้องฟังที่ฉันจะพูดก่อน"

    "งั้นก็รีบพูดมา"

    "ฉันชอบนาย ดลใจ"

    "พ..พูดเป็นเล่น นี่ไม่ใช่เอพิลฟูล-" ยังไม่ทันพูดจบประโยค ทะเลประกบริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากอิ่มของดลใจ เลื่อนมือขึ้นมาประคองใบหน้าเรียวเพื่อปรับองศา ป้อนจูบซ้ำๆจนดลใจต้องทุบอกแกร่งให้หยุดเพราะเขาเริ่มหายใจไม่ทัน

    "...ไอ่บ้า นายมันบ้าที่สุดเลย ให้ตายสิ" ฟุบหน้าลงกับบ่ากว้างเพื่อหลีกหนีสายตาหวานซึ้งชวนใจสั่น ดลใจไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยจริงๆ ความรู้สึกหวันไหวที่ก่อตัวในใจของเขา "ถ้าฉันตกหลุมรักนายขึ้นมาจะทำไง"

    "ก็แค่รักฉันไง ดลใจของทะเล"


    _________________________________________________________________________________________
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in