ตั้งแต่ฉันอยู่ที่เกาะไหหลำ เวลาเล่าให้เพื่อนคนจีนฟังว่า เรามาเรียนที่นี่แค่ 7 เดือน เขาจะชอบถามกันว่า ไปเที่ยวไหนมาแล้วบ้าง เคยไปซานย่าหรือยัง 

แล้วที่ซานย่ามีอะไรบ้างหรอ ซานย่ามีทะเลที่สวยที่สุดในจีน (อันนี้คนจีนบอกมานะ) 

และมีเจ้าแม่กวนอิมกลางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

แต่จนเวลาผ่านไปได้ 6 เดือนกว่าแล้ว ฉันก็ยังไม่ได้ไปซานย่าซักที เพื่อนๆหลายคนได้ไปมา ก็บอกกันว่าทะเลก็ไม่สวยเท่าไหร่ ไปไม่คุ้มอะไรทำนองนี้  แถมต่างชาติเข้าไปดูเจ้าแม่กวนอิมก็แพงมากนะเกือบพันบาทแน่ะ ทำให้ฉันก็ไม่ค่อยสนใจ และก็ไม่ค่อยได้คิดว่าจะต้องไปเที่ยวที่นี่ซักเท่าไหร่ 

แต่พอประมาณช่วงก่อนสองอาทิตย์สุดท้ายของการอยู่ที่จีน เพื่อนสนิทของฉัน ก็พูดขึ้นมาว่า จะไม่ไปซานย่าหน่อยหรอ ไม่เห็นหรอว่าคนจีนถามเราเยอะมากว่าเคยไปหรือยัง มันก็ต้องเด็ดจริงๆสิ อาม่าเราก็เคยพูดนะ ว่าให้ไปขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมให้ได้ เพราะศักดิ์สิทธิ์มาก

ฉันจึงคิดว่า อืมมม ลองดูหน่อยก็ไม่เสียหาย ไหนๆก็ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว ลองไปให้เห็นกับตาว่าสวยหรือไม่สวยยังไง ก็ดีกว่าไม่ได้เห็นเลยอ่ะเนอะ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นนั่นแหล่ะ

ทริปนี้จึงมีฉันกับเพื่อนสนิทอีกแค่คนเดียว เนื่องจาก เพื่อนคนอื่นบอกว่า คิดว่าน่าจะไม่ค่อยสวยจริงๆ และอีกอย่าง ช่วงนี้พายุเข้า การไปแถวทะเลก็ไม่ค่อยปลอดภัยนัก (แกสองคนนี่มั่นมากเลยนะ)

เราตัดสินใจกันว่า จะไปเช้าเย็นกลับพอ เพราะตังค์ไม่ค่อยมี และอีกอย่าง เป้าหมายเราแค่การไปดูรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมกับตาตัวเองเท่านั้น

การเดินทาง คือ นั่งรถไฟซานย่า และต่อรถเมล์ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม และก็กลับมหาวิทยาลัย ภายในวันนั้น

ตอนเช้า เราจึงเดินไปสถานีรถไฟ ซึ่งเรามาช้าไปเล็กน้อยทำให้พลาดรถไฟรอบแรก แต่โชคดีที่มีรถไฟรอบพิเศษไปซานย่าในเวลาห่างจากแผนเดิมไม่มากมายนัก เอาน่าถือว่ายังมีเวลา แต่ถ้าพลาดรอบนี้ไปนะ รออีกทีเที่ยงนู่นเลยแน่ะ

ซานย่าเป็นการเดินทางค่อนข้างไกลประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงได้ ระหว่างทางจึงได้เห็นวิวไปเรื่อยๆ

จากทีแรกที่กลัวๆว่าจะมีพายุรึป่าว แต่เท่าที่มากลางทางท้องฟ้าก็ยังสดใสอยู่นะ

ถึงแล้วสถานีรถไฟ ต่อไปเราก็จะต่อรถเมล์ ฉันหาข้อมูลจากเว็บแผนที่ของจีนมาว่า ให้ขึ้นรถเมล์สายนึงไปลงที่ สถานีอะไรซักอย่าง หลังจากนั้น ให้ต่อรถเมล์ไปเจ้าแม่กวนอิมอีกที แต่พอฉันนั่งรถเมล์ตามที่แผนที่บอกไป ปรากฎว่า รถเมล์ไปไม่ถึงเจ้าแม่กวนอิมค่ะ เอิ่มมม ทำไงละจ๊าาา ทีนี้ ฉันจึงตัดสินใจลงจากรถเมล์และเดินไปทีป้ายรถเมล์ใกล้ๆอีกที โชคดีที่มีรถเมล์ที่ไปถึงเจ้าแม่กวนอิมได้เราจึงถึงจุดหมายได้โดยสวัสดิภาพ แต่เราก็มารู้ความจริงทีหลังว่า ความจริงแล้วน่ะ มันมีรถจากสถานีรถไฟไปถึงเจ้าแม่กวนอิมเลยนะ แต่เราดันเชื่อ แอพแผนที่ของจีน แหม่ แอบมั่วเหมือนกันนะพี่จีนนนน

พอถึงแล้วเราก็ต้องซื้อตั๋วเข้าไปข้างใน ซึ่งเพื่อนๆของเราได้บอกไว้ว่าแพงมากกก เกือบพันบาท เราสองคนก็เตรียมใจไว้ละ ว่า เอาน่า จ่ายก็จ่ายวะ แต่ปรากฎว่าฉันมีบัตรนักเรียนติดตัวไปด้วย จึงได้ลดราคา ถูกลงไปเกินกว่าครึ่ง เราจึงได้ตั๋วมาในราคาประมาณแค่ 300 บาทเท่านั้นนนนน ดีใจสุดๆไปเลย

พอเข้าไปข้างใน เราก็เดินๆๆๆ ไปเรื่อยๆ (เอ่อ ความจริงเขาก็มีรถรางบริการอ่ะนะ แต่มันต้องจ่ายเพิ่มหลายบาท และด้วยความที่ใกล้กลับไทยละ ตังค์ใกล้หมด เลยประหยัดกันสุดๆ ) เดินไปจนถึงทะเล เราก็จะพบกับ.....

แถ่แด๊!!!!!!

และนี่คือเจ้าแม่กวนอิมกลางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลกจ้าาาา 

ตอนที่เราเดินมาถึงตรงนี้ โอ้ยย คือดีใจมากก ตื้นตันยังไงไม่รู้ ว่าในที่สุดก็ได้มาซักทีเว้ยยยย

จากนั้นเราก็เข้าไปข้างในขอพรกัน 

จากนั้นก็ออกมาดูวิวข้างนอก จากที่กลัวๆว่าพายุจะมา ฝนจะตกรึป่าว แต่ในความจริงแล้ว ท้องฟ้าก็สดใสและก็ร้อนมากๆจ้า

หลังจากนั้นเราก็เดินเที่ยวภายในบริเวณวัดกันไปเรื่อยๆ เห็นรูปเจดีย์ไกลๆนั่นมั้ย เราก็เดินไปนะ โอ่ยย ปวดเท้ามากกก (บางทียอมนั่งรถก็จะดีนะแกรรร)

จากรูปที่แล้วๆ หลายคนอาจจะงงว่า อ่าว เจ้าแม่กวดอิมอยู่กลางทะเลยังไง เราขอตอบด้วยรูปนี้นะ

บังเอิญว่าเราเดินมาหลบแดดในร่มกัน แล้วตรงที่เรายืนมันดันย้อนแสงพอดี รูปนี้จึงเป็นรูปที่เราประทับใจที่สุด

สุดท้ายตอนบ่ายๆ เราก็นั่งรถไฟกลับไปที่มหาวิทยาลัยกัน ระหว่างนั่งบนรถไฟ ฝนก็เริ่มตกเบาๆ เราจึงรู้สึกโชคดีมากที่ฝนไม่ได้มาทำลายบรรยากาศการเที่ยวของเรา เย้

เมื่อดูภาพแล้ว ทุกคนจะว่าซานย่าสวยหรือไม่สวยนั้น ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน แต่สำหรับฉัน ทะเลที่ซานย่า ก็สวยไม่เบาเลยนะ