เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SLOTH MACHINESALMONBOOKS
คำนำ



  • ฟรานซ์ คาฟกา นักเขียนชื่อดัง เคยกล่าวถึงการอ่านหนังสือ ประมาณว่า “เรื่องอะไรเราจะต้องเสียเวลาอ่านหนังสือที่ไม่สามารถทุบหัวให้เรา ‘ตื่น’ ได้?” ถึงจะเป็นแค่การคัดคำออกมาจากประโยคยาวๆ ของคาฟกาอีกที แต่เรารู้สึกว่ามันก็ถูก เพราะหนังสือบางเล่มอ่านแล้วรู้สึกว่ามีพลัง ทำให้อยากลุกออกไปทำอะไรสักอย่าง หนังสือแบบนี้ทำให้รู้สึกคุ้มค่าแก่เวลามากกว่าเล่มอื่นๆ

    พูดในฐานะคนอ่าน ในมือเล่มนี้ก็เหมือนหนังสือเหล่านั้น ที่อ่านจบแล้วรู้สึกว่าชีวิตไม่เหมือนเดิม แต่แทนที่จะมีไฟลุกขึ้นทำนู่นนี่กลับรู้สึกว่าขี้เกียจ...

    ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เราคงรู้สึกผิดที่เกิดอาการขี้เกียจ เพราะถูกปลูกฝังมาว่ามันเป็นลักษณะนิสัยของผู้ไม่เจริญ ต่างจากคนที่ขยันขันแข็งที่มักการันตีว่าชีวิตจะประสบความสำเร็จมากกว่า

    แต่นั่นแหละ อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วเรารู้สึกว่าไฟแห่งวัยรุ่นที่ลุกโชน อยู่ดีๆ กลับวูบลงกลายเป็นเพียงแสงเทียนบางเบาที่ลอยนิ่งสงบ รู้สึกว่าขี้เกียจ จนตัวจะเริ่มเกิดขน

    iannnnn เป็นนักเขียนที่เราคุ้นเคย ก่อนหน้านี้เขามีผลงานกับสำนักพิมพ์เรามาแล้วสองเล่มทั้งในฐานะเฟลาธิการ ผู้ก่อตั้งเว็บ fail.in.th และในฐานะคุณพ่อลูกอ่อน จนมาในเล่มที่สาม เขาเขียนในฐานะ ‘ชาวสลอธ’ (คืออะไร เราคงปล่อยให้เขาอธิบายเอง)

    iannnnn เป็นคนที่น่าทึ่งในการใช้ชีวิต เขาเป็นคนที่ ‘ชิล’ เต็มความหมาย ไม่ชอบความรุงรัง ทั้งยังเป็นคน ‘ขี้เกียจ’ อย่างสุดๆ (กว่าจะชวนมาเขียนหนังสือเล่มนี้ได้ เราใช้เวลานานนับปี เพราะเขาว่า “ขี้เกียจๆๆๆ”) เขาเป็นผู้นำครอบครัวที่มีบุคลิกเหมือนวัยรุ่นมัธยมอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น ใส่เสื้อยืดยับๆ กับกางเกงสามส่วน เหมือนหนึ่งอาทิตย์ของเขามีแค่สองวัน คือเสาร์และอาทิตย์

    และทั้งที่มีลูกตั้งสองคน เขากลับลาออกจากงานประจำ ปฏิเสธความมั่นคงของรายได้ โดยให้เหตุผลกับนายจ้างว่า “ขี้เกียจ...”

    เขาส่งสายตาแปลกใจบ่อยๆ เวลาที่คนตกใจว่าเขาทำยังงี้ได้ไง ไม่กลัวชีวิตจะไม่รอดเหรอ เพราะมันฟังดูเป็นไปได้ยากกับชีวิตในเมืองหลวง โดยเฉพาะสังคมที่ทุกคนล้วนไขว่คว้าเอาความมั่นคงเป็นหลักชัยในการดำเนินชีวิต

    “ก็…ขี้เกียจทำงาน” คุณแอนให้คำตอบอย่างนี้ต่อคำถามเหล่านั้นเสมอๆ ว่าเขาอยู่ได้สบาย แถมชีวิตยังมีความสุขมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ด้วยสายตายิ้มแย้มคู่นั้น ที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่การพูดเล่น แต่เรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไง เราเองก็เริ่มขี้เกียจเขียนเล่าซะแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาจะดีกว่า

    จึงขออนุญาตตัดจบคำนำสำนักพิมพ์อย่างดื้อๆ ด้วยย่อหน้าถัดไป

    ฟรานซ์ คาฟกา พูดต่อท้ายจากประโยคในย่อหน้าแรกว่า “เราควรอ่านหนังสือที่จะทำให้เรามีความสุข แต่ถ้าเราหาไม่ได้ ทำไมไม่เขียนขึ้นมาเอง”

    คงไม่ต่างจากชีวิตที่ iannnnn หมายถึง




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in