หลังจากได้ดูซีรี่ย์เกี่ยวกับเรื่องราวความบาดหมางระหว่าง โจน ครอวฟอร์ด และ เบ็ตตี้ เดวิส ในเรื่อง Feud ที่ออกอากาศทางช่อง Fx ไปเมื่อต้นปี 2017 ด้วยความคิดถึง หลังจากที่ดูซีรี่ย์ไปแล้วก็ทำให้เราได้มีโอกาสหยิบผลงานของ โจน ครอวฟอร์ด กลับมาดูอีกครั้ง สำหรับ โจน ถึงแม้เธอจะไม่ได้เป็นที่รู้จักในด้านการแสดงที่โดดเด่น แต่จริง ๆ แล้วฝีมือการแสดงของเธอนั้นก็ดีไม่แพ้ใครเลยล่ะ
โจน ครอวฟอร์ด (Joan Crawford) นักแสดงหญิงที่ฮอตมากที่สุดอีกคนหนึ่งในยุคคลาสสิค ในช่วงปี 30’s-40’s นั้น จะถือว่าเป็นยุคทองของเธอเลยก็ว่าได้ ด้วยหน้าตาและบุคลิกที่โดดเด่น ทำให้เธอได้แสดงฝีมือผ่านจอเงินอยู่ไม่น้อย
แม้หลังจากปลายปี 40’s เป็นต้นมา งานภาพยนตร์ของเธอจะน้อยลงและตัวเธอก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมแล้ว แต่เธอก็ยังมีผลงานให้ได้รับชมอยู่เรื่อย ๆ และในบางบทบาทนั้น ก็ยังถูกกล่าวถึงมาจนถึงทุกวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นอีกนักแสดงในตำนานของฮอลลีวู้ดเลยก็ว่าได้
โจน เข้าวงการต้นยุค 1920 และได้โลดแล่นอยู่วงการต่อมาอีกเกือบ 60 ปีผลงานของเธอนั้นมีมากมาย และหลากหลายแนว เธอเล่นมาหมดแล้วทั้ง ตัวประกอบ นางรอง นางเอก นางร้าย ซึ่งไม่ว่าจะบทไหนๆ ก็มัดใจผู้ชมได้จนอยู่หมัด ทั้งสวย ทั้งเก่ง แถมมี Oscar 1 ตัว เป็นเครื่องหมายการันตีฝีมือการแสดงด้วยนะ
ในช่วงเริ่มต้น โจน เป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ในเรื่องฝีมือการแสดงก็ส่วนหนึ่ง แต่หน้าตาที่สะสวยและรูปร่างที่ดี ดูสะโอดสะองนั้น ดูจะสร้างความประทับใจได้ดีกว่า ถึงต่อมาแม้ฝีมือการแสดงจะพัฒนาขึ้น จนได้รับเล่นบทดีๆอยู่มากมาย แต่เธอก็มักจะเป็นที่พูดถึงจากข่าวคาว ๆ และเรื่องราวส่วนตัวเสียมากกว่า อย่างเช่น เธอมักมีข่าวเรื่องชู้สาวกับนักแสดงชายอยู่บ่อย ๆ หรือเรื่องราวความบาดหมางกับเพื่อนนักแสดงคนอื่น ๆ
วันนี้เลยได้รวบรวม “12 อันดับ ตัวละครจาก โจน ครอวฟอร์ด” มาทำเป็นรีวิวสั้นๆ โดยอันดับเหล่านี้ใช้ความชอบของตัวผู้เขียนเป็นเกณฑ์ล้วน ๆ ไม่ต้องใช้หลักการหรือเหตุผลอะไรทั้งสิ้น ถ้ายังสนใจอยู่ก็ไปดูกันต่อเลยดีกว่า
ไมล์เดร็ด เพียร์ซ แม่หม้ายสาวสวย ลูกติด 2 คน ผู้มีความขยันและทะเยอะทะยาน ภายในเรื่องนอกจากจะต้องเผชิญกับปัญหาในหน้าที่การงานยังมีปัญหาเรื่องลูก ๆ และปัญหาชีวิตคู่อีก จากเรื่องราวเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเธอเป็นตัวละครที่เข้มแข็ง และมีพลังงานสูงมาก นอกจากนี้เราจะยังได้เห็นเธอใส่ชุดสวยๆตลอดทั้งเรื่องอีกด้วย
“ ไมล์เดร็ด มาจากครอบครัวชนชั้นกลางไม่ได้ร่ำรวย หลังจากหย่าร้างกับสามีไป เธอจึงได้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่ช่วงหนึ่งของชีวิต แม้จะเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจฝืดเคืองเป็นชีวิตขาลง แต่เธอก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกเธออยู่ดีกินดี โดยตัวเธอก็เป็นหญิงสาวที่บุคลิกดีหน้าตาสะสวย แต่งตัวดี วางตัวดี จนเมื่อสร้างตัวได้อีกครั้ง เธอก็ได้พบกับรักครั้งใหม่ แต่เรื่องมันก็ไม่ได้ง่ายเลยสักนิด
เปิดเรื่องมาด้วย ฉากที่สามีคนปัจจุบันของเธอถูกฆ่ากรรม และผู้ต้องสงสัยคือ อดีตสามีของเธอนั่นเอง โดยจะเล่าเรื่องย้อนกลับไป ให้เห็นถึงเรื่องราวที่ผ่านมา และพาไปรู้จักตัวละครเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจนส่งผลต่อความสัมพันธ์ต่าง ๆ ของผู้คนในเรื่อง
เหตุที่เธอเลิกกับสามีคนแรกเพราะการนอกใจ ทำให้เธอต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพังแต่ด้วยความที่รักลูกมาก จึงเลี้ยงลูกอย่างตามใจเกินไป จนทำให้เธอและลูกมีปัญหากันบ่อย ๆ แม้การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวจะลำบากแต่เธอก็สู้จนสร้างตัวได้อีกครั้ง ในระหว่างนั้นเองจึงทำให้เธอได้พบกับสามีคนปัจจุบันแต่เรื่องราวระหว่างนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมสามีของเธอถึงลงเอยแบบนั้นแล้วใครกันแน่ที่เป็นคนร้ายตัวจริง ”
อีกหนึ่งภาพยนตร์ทรงคุณค่าของฮอลลีวูด ติดอันดับต้น ๆ ของภาพยนตร์คุณภาพมากมาย และได้รับการรีเมคใหม่ในปี 2011 เป็นซีรี่ย์ในชื่อเดียวกัน นำแสดงโดย เคท วินสเลต
ตัวเนื้อเรื่องดำเนินได้อย่างน่าสนใจและน่าติดตาม มีลูกล่อลูกชน ปมในเรื่องก็ไม่ได้ซับซ้อนหรือตื้นเขินจนเกินไป และโจน ครอวฟอร์ด ในเรื่องนี้ก็สวยมากจริงๆเครื่องแต่งกายทุกอย่างละเมียดละไมเหมาะกับเธอเหลือเกิน ดูแล้วจับใจสุดๆ
ซึ่งจากการรับบทบาทเป็นไมล์เดร็ด เพียร์ซ ในครั้งนี้นั้น ก็ทำให้เธอคว้า Oscar สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมประจำปี 1946 ไปครองจนได้
ไมร่า ฮัดสัน สาวใหญ่ผู้มั่งคั่ง เธอเป็นนักเขียนบทละครเวทีชื่อดัง เธออ่อนหวานและอ่อนโยน สมกับที่เกิดมาในชนชั้นสูง แม้เธอจะใจดี แต่ก็เป็นคนที่จริงจังเรื่องงานมาก และเมื่อตั้งใจทำอะไรจะทำให้ถึงที่สุด
“ Sudden Fear เป็นเรื่องราวของนักเขียนบทละครชื่อดัง “ไมร่า ฮัดสัน” ผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง วันหนึ่งหลังจากเธอได้เข้าไปชมการฝึกซ้อมของละครเวทีเรื่องใหม่ของเธอนั้น เธอพบว่านักแสดงนำชายอย่าง “เลสเตอร์ เบลน” ไม่มีเสน่ห์พอที่จะเป็นพระเอกในละครของเธอ ต่อมาจึงได้ถอดเขาออกจากทีมนักแสดง เลสเตอร์ไม่พอใจและทำให้ตัวไมร่าเองไม่สบายใจด้วยเหมือนกัน แต่เหมือนว่าสิ่งที่ไมร่าคิดจะถูก เพราะหลังจากเปลี่ยนนักแสดงนำแล้ว ละครของเธอก็ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม
หลังจากนั้นไมร่าและเพื่อน ๆ ตัดสินใจจะไปฉลองและพักผ่อนกันที่บ้านเกิด แต่ระหว่างนั้นไมร่าขอเดินทางขึ้นรถไฟไปคนเดียว เพื่อใช้เวลาในช่วงนี้เพื่อพักผ่อนเป็นการส่วนตัว ด้วยความบังเอิญในระหว่างทางเธอก็ได้พบกับเลสเตอร์อีกครั้ง แต่หลังจากได้พูดคุยครั้งนี้เธอพบว่าเขามีเสน่ห์เหลือเกิน ทั้งสองสานสัมพันธ์กันและแต่งงานกันในเวลาต่อมา
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นใจกับชีวิตของไมร่าซะเหลือเกิน ก่อนนี้เธอเพียบพร้อม ทั้งสวย รวย เก่ง แถมยังมีมิตรที่ดีอยู่รอบตัว ขาดก็แต่ชายหนุ่มที่จะมาเคียงข้าง แต่ในตอนนี้เธอมีเลสเตอร์ผู้แสนดีแล้ว ชีวิตเธอช่างดูสมบูรณ์แบบจริง ๆ ถ้าเธอไม่บังเอิญไปได้ยินอะไรบางอย่างเข้า
ในคืนหนึ่งหลังจากงานเลี้ยงเลิกรา เธอบังเอิญได้รับรู้ว่าเลสเตอร์กำลังวางแผนกับ “ไอรีน นีฟส์” หญิงปริศนาที่แฝงตัวเข้ามาในกลุ่มเพื่อนของไมร่า เพื่อลอบฆ่า หวังที่ฮุบสมบัติเธอ ชีวิตคู่ที่แสนสวยงามของเธอพังทลายลงในทันที เธอตื่นตระหนกจนบังเอิญทำหลักฐานชิ้นสำคัญเสียหายไป ไมร่าตกใจและเสียใจมาก เธอไม่อยากไว้ใจใคร จึงจำเป็นต้องหาทางจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
เป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญที่เราชอบมากอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเนื้อเรื่องน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ มีช่วงให้ลุ้นเป็นจังหวะ คือเปิดเรื่องมายังกับหนังรักโรแมนติก หาความเกี่ยวข้องกับชื่อเรื่องไม่เจอเลย แต่พอเข้าถึงจุดไคล์แม็กซ์ ถึงกับต้องตบเข่าฉาด! โอ้โห! Sudden Fear สมชื่อจริง ๆ
จริง ๆ แล้วก็ชอบตัวละครในเรื่องนี้มากทุกตัว เพราะทุกคนมีความเป็นคนสูง ไม่ใช่แค่ตัวละครทั่วไป เช่น ไมร่า ฮัดสัน นี้ ดูเป็นตัวแทนของคนเก่งฉลาด และมั่นใจ แต่ก็ยังมีจุดอ่อนในหลายๆเรื่องที่ต้องเผลอแสดงออกมาจนได้ ความมีมิติของตัวละครแบบนี้ล่ะที่ทำให้เราประทับใจ
เวียนนา สาวใหญ่ผู้สวยสะพรั่ง เป็นเจ้าของโรงเหล้าขนาดใหญ่ย่านชานเมืองอริโซนา นอกจากความสวยสะดุดตา เธอก็เป็นที่รู้จักจากความฉลาดและเด็ดเดี่ยว หนุ่มๆส่วนใหญ่จะชอบเธอ เพราะเธอเป็นพวกเน้นการลงมือทำมากกว่าพูด
“ Johnny Guitar ภาพยนตร์คาวบอย เล่าถึงเรื่องราวในยุคที่เหล่าผู้ชายยังเป็นใหญ่ ดินแดนที่กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ในวันหนึ่งชายที่ชื่อ “จอห์นนี กีตาร์” ปรากฏตัวขึ้น เขาเป็นนักดนตรี ในดินแดนเถื่อนแบบนี้เขาคงเป็นคนเดียวที่ไม่พกอาวุธติดตัว เขาเดินทางมาไกลเพื่อมาพบ “เวียนนา” เจ้าของโรงเหล้าในชานเมืองนี้ แต่ดูเหมือนเขาจะเดินทางมาได้เวลาพอดี เพราะนอกจากจะมีพายุเข้าแล้ว ยังเป็นวันที่ชาวเมืองต่างแห่กันมาหาเรื่องเวียนนาถึงที่ เพราะคิดว่าเธอให้ที่หลบซ่อนกับแก๊ง “เดอะ แดนซิน คิด” กลุ่มคาวบอย 4 หนุ่มอันธพาลที่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฆ่าคนตาย โดยแกนนำที่เป่าหูชาวเมืองให้มาแหกอกเวียนนาถึงที่ก็คือ “เอ็มม่า สมอลล์” หญิงสาวที่เกลียดเวียนนาจนเข้าไส้ เพราะคิดว่าเวียนนาแย่งคนรักของเธอไป
แม้เวียนนาจะได้รับการยอมรับจากสังคมของชายหนุ่มเหล่านี้ แต่ด้วยความเก่งเกินหน้าเกินตาของเธอ ก็ดูจะทำให้หลาย ๆ คนหงุดหงิดไม่น้อย “แมคไอเวอร์” เป็นหนึ่งในผู้มั่งคั่งและมีอิทธิพลในเมือง ไม่ชอบใจที่โรงเหล้าของเวียนนาขัดผลประโยชน์ต่อธุรกิจของเขา แมคไอเวอร์จึงร่วมกับเอ็มม่าพยามหาเรื่องเวียนนาและ เดอะ แดนซิน คิด จนสำเร็จ เอ็มมาหวังให้ทั้งหมดถูกแขวนคอ แต่แมคไอเวอร์เพียงแค่สั่งปิดโรงเหล้าและเนรเทศผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ออกไปจากเมืองภายใน 24 ชม.
จอห์นนีเสนอว่าเวียนนาควรลุกขึ้นสู้กับกลุ่มคนเหล่านั้น เพราะเธอไม่ผิด แต่แม้จะมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยว เธอก็ยังเกลียดการนองเลือดอยู่ดี เวียนนาปิดโรงเหล้าตามที่โดนสั่ง เธอแจกจ่ายเงินให้กับลูกจ้างทุกคนเพื่อให้หนีไป รวมถึงจอห์นนีด้วย
เธอปฏิเสธที่จะหนีและยังคงอาศัยอยู่ที่โรงเหล้านี้ต่อไปเพื่อรอเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย แต่ เดอะแดนซิน คิด ไม่พอใจที่โดนโบ้ยความผิดเรื่องฆ่าคนตาย เลยหาทางแก้เผ็ดชาวเมืองด้วยการใช้เวลาที่เหลืออยู่นั้นปล้นธนาคาร ซึ่งนั่นทำให้เวียนนาโดนเข้าใจผิดไปด้วย
ชาวเมืองจึงออกล่าเวียนนาและ เดอะ แดนซิน คิด และเป้าหมายครั้งนี้คือจับตาย ดูแล้วจะสาแก่ใจเอ็มม่าไม่น้อย เพราะเธอถึงกับลงมือออกล่าตัวเวียนนาด้วยตัวเอง เวียนนาถูกจับในที่สุด ในขณะกำลังจะถูกแขวนคอ จอห์นนีก็ได้กลับมาช่วยเธอไว้ได้ทัน จากนั้นเขาก็คอยช่วยเหลือและปกป้องเธอตลอด และจนกว่าความจริงจะเปิดเผย ทั้งคู่ก็ต้องต่อสู้ไปด้วยกัน”
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้จะบอกว่าดีก็คงไม่ใช่ แต่ถ้าจะบอกว่าเกลียดเลย ก็พูดได้ไม่เต็มปาก อาจจะเป็นเพราะเราไม่ค่อยดูหนังคาวบอยรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่เนื้อเรื่องนี้มันมีช่องโหว่เต็มไปหมด จนบางทีดูๆไปก็แอบหงุดหงิดเบา ๆ แต่ถ้าดูแบบเรื่อย ๆ มันก็สนุกดีนั่นล่ะ ขี่ม้ากุบกับ คำพูดเท่ ๆ ยิงกันโป้งป้าง แถมระเบิดภูเขาเผากระท่อมกันสะใจ ก็เพลินๆกันไป
นอกจากนางเอกสุดเท่ผู้แข็งแกร่งอย่างเวียนนา นางร้ายแบบเอ็มม่าก็น่าประทับใจไม่น้อย คนบ้าอะไรน่ารำคาญสุด ๆ ปั่นประสาทได้เก่งมาก ยกนิ้วไปเลยจ้าจริง ๆ
เรื่องทั้งหมดก็เกิดเพราะความแค้นที่เอ็มม่ามีต่อเวียนนาเท่านั้น ขนาดที่ยุคที่ผู้ชายเป็นใหญ่แต่เอ็มม่ายังเป่าหูสั่งการผู้ชายได้เป็นสิบเป็นร้อยคน น่าจะมีคนเผลอทำปืนลั่นใส่เอ็มม่าให้ตายซะตั้งแต่ตอนแรก เรื่องวุ่นวายจะได้ไม่เกิด 555
เจนนี่ สจวร์ต นักแสดงละครเวทีชื่อดัง เป็นสาวสวยผู้เอาแต่ใจและขึ้นชื่อในความเรื่องมากที่สุด ทุกคนที่ได้ทำงานร่วมกับเธอจะต้องปวดหัวแทบแตกกันทุกราย แต่เธอก็ทำงานหนักมากกว่าจะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ ทุกสิ่งที่เธอทำก็เพื่อให้ผู้ที่มาชมงานของเธอและแฟนคลับได้ชื่นใจ
“ Torch Song ว่าด้วยเรื่องราวของนักแสดงที่แสนเอาแต่ใจที่ทุกคนต้องยอมสยบให้อย่าง “เจนนี่ สจวร์ต” ผู้ที่กำลังฝึกซ้อมการแสดงชุดใหม่ที่ใกล้จะเปิดตัวอย่างขะมักเขม้น ใครก็ตามที่ทำให้การฝึกซ้อมของเธอขาดตอนเป็นอันต้องโดนด่าเปิดเปิงซะทุกราย
หลังจากที่นักเปียโนประจำกองโดนกระหน่ำด่าอย่างต่อเนื่องเพราะไม่สามารถเล่นเพลงตามที่เธอหวังได้ เขาคงทนกับความกดดันนี้ไม่ไหวอีกต่อไป ก็เลยลาออกและหนีหายไปกลางคันซะอย่างงั้น
ในวันต่อมาเจนนี่แปลกใจที่ได้พบกับ “ทาย เกรแฮม” นักเปียโนคนใหม่ ชายหนุ่มหน้าตาดี ฉลาดเฉลียว ที่มีฝีมือการเล่นเปียโนที่น่าประทับใจ ความพิเศษอีกอย่างที่ทำให้เขาน่าสนใจก็คือ เขาตาบอด
แม้จะไม่พอใจที่มีการเปลี่ยนแปลงนักดนตรีโดยที่ไม่ได้แจ้งเธอก่อน แต่ในวันนั้นเจนนี่ฝึกซ้อมเหมือนปกติ และหลังจากร่วมงานกันไม่นาน เธอรู้สึกโมโหมาก ที่เกรแฮมบังอาจมาวิจารณ์งานเพลงและการแสดงของเธอ เธอจึงบังคับให้โปรดิวเซอร์ไล่เขาออก และยืนยันที่จะเอานักเปียโนคนเดิมกลับมาให้ได้
แม้จะรู้สึกไม่พอใจแต่ต้องยอมรับว่าคำพูดของเกรแฮมนั้นมันคาใจเธออยู่ไม่น้อย อาจจะเป็นเพราะไม่เคยมีใครกล้าวิจารณ์เธอมาก่อนด้วย สุดท้ายเธอจึงยอมไปตามเกรแฮมกลับมาทำงานด้วยตัวเธอเอง เธอยอมรับฟังและปรับปรุงการแสดงตามที่เกรแฮมแนะนำ
แม้เกรแฮมจะดูเป็นคนเปิดเผย ช่างพูดช่างจา แต่ความลับอย่างหนึ่งคือเขาแอบหลงรักเจนนี่มานานแล้ว เขาไม่ได้หวังความรักจากเธอแต่อย่างใด ขอเพียงร่วมงานก็พอแล้ว เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้ผู้หญิงที่เพียบพร้อมอย่างเจนนี่ต้องมาจมปลักอยู่กับคนตาบอดแบบเขา แต่เรื่องของหัวใจอะไรก็มาบังคับไม่ได้ เพราะรู้ตัวอีกทีเจนนีก็หลงรักเกรแฮมแล้วเหมือนกัน คนปากแข็งทั้งคู่รักกันแบบนี้ จะให้ลงเอยกัน ก็คงไม่ง่ายนัก”
เจนนี่ เป็นตัวแทนของผู้หญิงบ้างานความเอาแต่ใจและอาการเหวี่ยงวีนนั้นล้วนมาจากความที่ต้องการให้งานออกมาสมบูรณ์แบบจนลืมคิดถึงจิตใจของคนอื่น
เธอเป็นผู้หญิงเก่งและมีความสามารถ ในการที่ไม่มีใครกล้าโต้แย้งเธอ อาจจะเป็นความเอือมระอาด้วยส่วนหนึ่ง แต่เหตุผลหลักเพราะเธอจะใช้เรื่องงานเข้าโจมตี ซึ่งสำหรับคนอื่นก็คิดว่าเธอเก่งที่สุดแล้ว จนเกิดเป็นความเคยชินทำให้เธอเองเคยตัว เจนนี่รับกับคำวิจารณ์ไม่ค่อยได้ จนกระทั่งได้พบกับคนที่กล้าเอ่ยปากต่อกรกับเธอ แม้จะรู้สึกเสียหน้า แต่เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด เธอก็ต้องทำใจยอมรับมันจนได้
ภาพยนตร์สีเรื่องแรกที่ โจน ครอวฟอร์ด ได้รับเล่น แม้คำวิจารณ์เรื่องบทบาทนี้จะออกมาไม่ดีนัก แต่การได้เห็นตัวละครของเธอมีสีสันเป็นครั้งแรก ก็น่าตื่นเต้นไม่น้อย
โมนิกา ริเวอส์ เจ้าของคณะละครสัตว์ขนาดใหญ่ เธอเป็นที่รักของคนหมู่มากเพราะนอกจากบทบาทผู้แนะนำการแสดงที่แสนสดใส เธอยังเป็นเจ้านายที่ใจดีอีกด้วย
“ Berserk! เป็นเรื่องราวของคณะละครสัตว์แห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ ที่อยู่ดี ๆ ก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น คนในคณะถูกฆาตกรรมไปทีละรายโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ หลังจากที่มีเหตุการณ์แรกเกินขึ้น แม้หลาย ๆ คนจะคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ “อัลเบิร์ต โดรานโด” ผู้จัดการและหุ้นส่วนหลักของคณะละครแห่งนี้ ก็ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก เขายืนยันที่จะถอนตัวจากที่แห่งนี้ให้ได้ แต่ “โมนิกา ริเวอส์” ผู้เป็นเจ้าของปฏิเสธ เธอเชื่อว่าการที่มีคนตายแบบนี้เป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นเหมือนการสร้างกระแสให้กับคณะ
หลังจากเหตุการณ์ฆาตกรรมครั้งแรกเกิดขึ้นไม่นาน “แฟรงค์ ฮอกิ้นส์” นักไต่เชือกพิสดารก็ได้เข้ามาทำการแสดงแทนนักไต่เชือกคนเก่าที่เสียชีวิตไปทันที ต่อมาโดรานโดถูกฆาตรรม จึงทำให้โมนิกากลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับ 1 โดยคนที่เริ่มสงสัยเธอก็คือ “มาทิลดา” หนึ่งในชาวคณะนั้นเอง
แต่หลังจากโดรานโดตายไม่นาน “แองเจลา ริเวอส์” ลูกสาวของโมนิกา ก็ต้องกลับมาอยู่ที่คณะด้วย เพราะโดนไล่ออกจากโรงเรียน ระหว่างนั้นมาดิลดาก็พยายามเป่าหูทุกคนว่าโมนิกาเป็นฆาตกร ก็ยังไม่มีใครเชื่อ แต่หลังจากมาทิลดาเสียชีวิตลง ทุกคนก็เริ่มหวั่นใจ
เกิดอะไรขึ้นกับคณะละครสัตว์แห่งนี้กันแน่ ฆาตกรมีจุดประสงค์อะไรและใครคือฆาตกรตัวจริง...”
โมนิกา เป็นตัวละครที่ภายนอกดูสดใส ใจดี แต่อีกด้านก็จริงจังและเด็ดขาดมาก ระหว่างการแสดงเธอจะใส่เครื่องแบบเป็นผู้คุมการแสดง ชุดบอดี้สูทสีดำคลุมทับด้วยเสื้อสูทสีแดงสดดึงดูดสายตาไม่น้อย และในวันปกติเธอมักจะใส่เสื้อผ้าสีสดใส สะดุดตา ดูโดดเด่นมากทีเดียว
โดย Berserk! เป็นภาพยนตร์ก่อนเรื่องสุดท้ายของ โจนครอวฟอร์ด แม้ตัวโปรดักชั่นจะไม่ได้หวือหวาและเนื้อเรื่องก็ไม่ได้น่าประทับใจเท่าไหร่ แต่ก็เอาไว้ดูฆ่าเวลาได้ มีฉากการแสดงในละครสัตว์ให้ดูเป็นพัก ๆ ก็น่ารักดีเหมือนกัน
บลานช์ ฮัดสัน หญิงแก่ขาพิการ สภาพโดยรวมแล้วชวนหม่นหมอง อดีตนักแสดงสาวดาวรุ่งประสบอุบัติเหตุจนเดินไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็นวีลแชร์ อยู่บ้านเดียวกับมีน้องสาว ที่คอยดูแลเธอตลอด (?)
“ What Ever Happened to Baby Jane? ภาพยนตร์สุด Cult ขึ้นหิ้งของวงการว่าด้วยเรื่องราวของสองพี่น้องดาราตกอับที่ต้องอยู่ด้วยกัน ดำเนินเรื่องด้วย “เจน ฮัดสัน” อดีตดาราเด็กที่กลายเป็นหมาหัวเน่าเมื่อเธอเริ่มโตขึ้น เจนอยู่บ้านเดียวกับ “บลานช์ ฮัดสัน” พี่สาวผู้ที่เป็นอดีตนักแสดงสาวดาวรุ่ง แต่ดันประสบอุบัติเหตุทำให้พิการ เลยโดนเฉดหัวออกจากวงการอีกคน
ทั้งคู่อยู่กันลำพัง 2 คน เจนดูคล้ายคนไม่เต็มเต็ง เธอแต่งตัวราวกับตุ๊กตาและมีนิสัยเหมือนเด็กที่ยังไม่โตเพราะเธอมีความคิดว่าเธอยังเป็นดาราเด็กชื่อดังอยู่เสมอ เธอเกลียดบลานช์จนเข้าไส้เพราะคิดว่าบลานช์แย่งชิงความเด่นดังไปจากเธอ แต่แม้จะเกลียดแต่เธอก็คอยดูแลพี่สาวอยู่เรื่อยมา โดยในเรื่องก็จะเล่าถึงความสัมพันธ์ของสองพี่น้องคู่นี้พร้อมกับคลายปมต่างๆภายในเรื่องไปด้วย หลอน สนุก เข้มข้น น่าติดตาม”
ตั้งแต่ตอนเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้มีกระแสตอบรับที่ดีมาก จนถึงปัจจุบันก็ยังมีรายชื่อติดในโพลภาพยนตร์น่าดูอีกมากมาย ถือเป็นภาพยนตร์ที่มีคุณค่ามากที่สุดอีกเรื่องของวงการฮอลลีวู้ดเลย
คงเรียกได้ว่า บลานช์ ฮัดสัน นี่ล่ะเป็นบทบาทที่ทำให้คนในยุคปัจจุบันรู้จัก โจน ครอวฟอร์ด มากที่สุด ภายในเรื่องบลานช์ช่างดูสงสาร น่าเวทนาอย่างสุดๆ เดินก็ไม่ได้แล้วยังต้องมาผจญกรรมอีกสารพัด จากเรื่องเราหาความสุขจากบลานช์แทบไม่ได้ ดูเป็นผู้ถูกกระทำอย่างแท้จริง หน้าตาของคนอมทุกข์มันเป็นแบบนี้เอง แต่กระนั้นในทุก ๆ ฉาก เธอยังคงความเป๊ะของหน้าไว้ได้ตลอด จะว่าเป็นคนอมทุกข์ที่สวยมากคนหนึ่งก็ว่าได้
แม้ตัวละคร “บลานช์ ฮัดสัน” จะไม่ได้เป็นที่จดจำเท่ากับตัวละครหลักอย่าง “เบบี้เจน ฮัดสัน”แต่ก็ต้องบอกว่าถ้าไม่มีตัวละครตัวนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะไม่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ก็ได้นะ ทุกตัวละคร ทุกอย่าง ภายในเรื่องล้วนแต่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ What Ever Happened to Baby Jane? กลายเป็นตำนานมาจนถึงปัจจุบัน
ลูซี่ ฮาร์บิน สาวชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง ที่บังเอิญใช้ขวานจามหัวผัวเด็กกับกิ๊กสาวทิ้ง เธอจึงลงเอยด้วยการถูกจองจำอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชถึง 20 ปี
แต่เดิมลูซีดูเป็นผู้หญิงที่ร่าเริง ทำอะไรโผงผาง มั่นใจ แต่งตัวจัดจ้าน ทั้งเสื้อผ้าลวดลายฉูดฉาด พร้อมเครื่องประดับที่โดดเด่น แต่หลังจากที่ถูกปล่อยตัวจากโรงพยาบาลจิตเวชใน 20 ปีต่อมา เธอดูต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เธอดูสงบเสงี่ยม กลัวผู้คน ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ สีหม่นหมอง เป็นตัวละครที่มี 2 บุคลิก ที่น่าสนใจมากทีเดียว
“ ลูซี่ โตมาในครอบครัวชาวสวนที่ฐานะยากจน เธอมีสามีและลูกที่น่ารัก ในคืนหนึ่งหลังจากที่ตัดสินใจกลับบ้านเร็วกว่าปกติ เธอได้พบว่าสามีสุดที่รักของเธอแอบพาผู้หญิงมาเล่นชู้กันถึงในบ้าน ด้วยความโมโห ลูซี่ก็พลั้งมือฆ่าทั้งสองไปซะแล้ว เธอถูกจับในข้อหาฆาตกรรม และถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลจิตเวชในเวลาต่อมา
หลังจากต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชถึง 20 ปี ในที่สุดเธอก็ได้รับการปล่อยตัว ลูซี่ได้กลับมาอยู่กับลูกสาว “แครอล ฮาร์บิน” อีกครั้ง แต่ลูซี่ดูเปลี่ยนไปมาก เธอดูหวาดกลัวผู้คนรอบข้างไปซะหมด
แครอลพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำให้แม่ของเธอกลับมามีความสุขอีกครั้ง เธอพาลูซี่ไปเที่ยวซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับสวย ๆ แบบที่ลูซี่เคยใช้ เพื่อหวังว่าจะทำให้เธอกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นบ้าง แน่นอนแครอลคิดถูกลูซี่ดูมีความสุขขึ้นมาก
แต่หลังจากนั้นไม่นานลูซี่ก็เริ่มได้ยินเสียงที่ไม่ควรจะได้ยิน ฝันร้ายถึงสามีและกิ๊กสาว นอกจากนั้นธอยังแสดงพฤติกรรมแปลก ๆ อยู่บ่อย ๆ ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจ แต่ลูกสาวอย่างแครอลยังคงเชื่อใจแม่ของเธอเสมอ จนกระทั่งแครอลเริ่มสังเกตเห็นว่าคนที่เกี่ยวข้องกับลูซี่เริ่มทยอยหายตัวไปทีละคน นั่นจึงทำให้เธอเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาบ้าง
แต่การที่ลูซีดูมีชีวิตชีวาขึ้นนั้น จะเป็นเพราะได้กลับมาลงมืออีกครั้ง หรือทั้งหมดจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญกันนะ”
ถ้าให้พูดง่ายๆ Strait-Jacket ก็คงเป็นภาพยนตร์สยองขวัญเกรด B ชั้นดีเรื่องหนึ่ง ถ้าให้เทียบกับปัจจุบันตัวเนื้อเรื่องก็ออกจะเดาทางง่ายไปหน่อย แต่ถ้าเทียบในเรื่องความบันเทิงก็ไม่เป็นรองภาพยนตร์ในยุคนี้เลย แม้จะใช้โปรดักชั่นที่ดูเรียบง่ายแต่มันสร้างความปะทะให้ผู้ชมได้ในหลายๆฉากเลยทีเดียว
และตัวละครอย่าง ลูซี ฮาร์บินที่แสดงความแปรปรวนทางอารมณ์และสภาพจิตใจออกมาตลอดทั้งเรื่องอีก ถือว่าใช้วัตถุดิบจาก โจน ครอวฟอร์ด ได้คุ้มจริงๆ
ซึ่งภาพของสาวใหญ่บ้าคลั่ง แต่งตัวฉูดฉาด มีขวานเป็นอาวุธประจำกาย ก็ยังติดตาจนถึงทุกวันนี้ เพราะทุกครั้งที่เราได้ยินเสียงกำไลของเธอกระทบกันจะต้องมีคนตาย
ตัวละครตัวนี้ คงจะแตกต่างจากตัวอื่นเล็กน้อย เพราะไม่ได้เป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่ก็คือตัว โจน ครอวฟอร์ด เอง ซึ่งมาเป็นแขกรับเชิญในรายการโทรทัศน์ซิทคอมสุดฮิตอย่าง “The Lucy Show” ที่ดำเนินเรื่องโดย ลูซี่ (รับบทโดย ลูซิล บอลล์) ในเรื่องนี้โจนได้รับบทบาทเป็นตัวเธอเอง
ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่ใช่ผลงานทางโทรทัศน์เรื่องแรกของโจนแต่ก็เป็นครั้งแรกที่มารับเล่นบทที่ดูสนุกสนาน น่ารัก ๆ บ้าง แถมในช่วงปลายยุค 60’s โจนเองก็มีแต่ผลงานภาพยนตร์ที่ดูตึงเครียด ได้มาเจอเธอในบทบาทขำ ๆ สนุก ๆ แบบนี้ก็น่าประทับใจไม่น้อย
และในซีซั่นที่ 6 ตอนที่ 22 นี้ “ ลูซี่ กับเพื่อนเก่าอย่าง วิฟ (รับบทโดย วิเวียน วานซ์) เกิดรถเสียกันอยู่ข้างทางจึงเดินมาขอความช่วยเหลือจากบ้านที่อยู่ในละแวกนั้น และในบ้านหลังที่พวกเธอได้เข้าไปขอยืมใช้โทรศัพท์โทรหาช่างนั้น เจ้าของบ้านก็คือ โจน ครอวฟอร์ด นั่นเอง แต่สภาพของโจนในขณะนั้นช่างดูเหน็ดเหนื่อยแถมยังอยู่ในชุดทำความสะอาด อยู่ตัวคนเดียว
ในบ้านหลังใหญ่โอ่โถงแต่กลับไร้ซึ่งเครื่องเรือน จึงทำให้ทั้งลูซี่และวิฟคิดว่า เธอถังแตกจนต้องเลหลังของในบ้านทิ้งไป สองสาวเพื่อนซี้จึงหาทางช่วยเหลือ โจน คราวฟอร์ด กันอย่างสุดฤทธิ์จนเกิดเป็นเรื่องวุ่นๆจนได้"
ในบทบาทนี้โจนปรากฏตัวในชุดแม่บ้าน ที่กำลังทำความสะอาดอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่มีสภาพซอมซ่อและโจนก็ดูมีบุคลิกที่ดูคุ้นตา ท่าทางสดใส มั่นใจ ฉะฉาน น่ารักไม่ถือตัว แล้วยังมีมุมที่ใจดี และตลกนิด ๆ อีกด้วย
คริสตัล อัลเลน พนักงานขายน้ำหอมสาวสวย เธอช่างพูดช่างคุย มั่นใจ สุดแสนจะมีเสน่ห์ และยังมีตำแหน่ง “เมียน้อย” พ่วงมาอีกด้วย
ในบทบาทนี้ก็ถือว่าเป็นอีก1 ตัวละครสำคัญของเรื่องเลยก็ว่าได้ แม้ทั้งเรื่องเราจะได้เห็นเธอน้อยมาก แต่ในทุก ๆ ครั้งที่ คริสตัล อัลเลน โผล่ออกมา เราจะไม่สามารถละสายตาจากเธอได้เลย เสน่ห์ของตัวละครตัวนี้คงเป็นเรื่องของความมั่นใจ หรือเรียกบ้านๆว่า ไร้ยางอาย
ในฐานะเมียน้อย และแม่เลี้ยงใจร้าย คริสตัล เป็นตัวละครที่ทะเยอะทะยานมั่นอกมั่นใจในการกระทำของตัวเองแบบสุดๆ แต่กลับไม่รู้ใจตัวเอง ว่าต้องการอะไรกันแน่ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวร้ายที่น่ารักน่าเอ็นดูจริง ๆ
“ The Women เป็นเรื่องราวของเหล่าแม่บ้านและหญิงสาวในสังคมชั้นสูงที่มักจะมานัดเจอเม้ามอยกันที่สถาบันเสริมความงามอยู่เป็นประจำ ซึ่งก็เพราะความเม้ามอยนี่ล่ะเป็นจุดที่ทำให้ ภรรยาที่แสนดีอย่าง “คุณนายเฮนส์” รู้ตัวว่าสามีกำลังนอกใจแอบเลี้ยงเมียเก็บอย่าง “คริสตัล อัลเลน” เอาไว้
เมื่อรู้ตัวว่าโดนสวมเขาแล้ว มีหรอคุณนายเฮนส์จะยอมทน แม้จะเสียใจและสงสารลูกสาวมากแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็เชื่อมั่นในศักดิ์ศรีและทำเรื่องหย่าในทันที โดยคุณนายเฮนส์มี “เพ็กกี้” และ “ซีลเวีย” สองเพื่อนสาวตัวแสบคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด
แต่เรื่องกลับจบไม่ง่ายเพราะนอกจากคุณนายเฮนส์แล้ว ทั้งเพ็กกี้และซีลเวียเองก็โดนสามีนอกใจเหมือนกัน ทุกคนเลยจับมือกันเดินทางไปทำเรื่องฟ้องหย่าที่รีโน เมืองแม่หม้าย ที่ซึ่งพวกเธอได้พบกับเหล่าแม่หม้ายคนอื่น ๆ อีก จนทำให้เรื่องวุ่นวายมากมายเกิดขึ้น”
อีกหนึ่งภาพยนตร์สุดแนวที่เราประทับใจ แม้จะเป็นภาพยนตร์ขาวดำแต่ในฉากการแสดงแฟชั่นโชว์กลับเป็นช่วงที่มีสีซะอย่างนั้น แถมเสื้อผ้าหน้าผมของแต่ละคนก็สวยมาก แฟชั่นบางอย่างในยุคนั้นก็ดูน่าสนใจไม่น้อยเลย
ตัวเนื้อเรื่องก็จะดูสบาย ดราม่านิด ๆ ขบขันหน่อย ๆ ก็อาจจะไม่ได้โดดเด่นไปกว่าภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆมากนัก แต่ที่แนวคือคอนเซ็ปต์ในการดำเนินเรื่อง แม้จะมีตัวละครชายอยู่ในเรื่องแต่เราจะไม่เห็นหรือได้ยินเสียงของเขาเลย เพราะทั้งเรื่องมีแต่นักแสดงหญิงเท่านั้น แต่ก็ยังสามารถถ่ายทอดเนื้อเรื่องออกมาได้อย่างครบรส
ซึ่งต่อมาในปี 1956 มีการรีเมคภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้งในชื่อ The Opposite Sex แต่ก็ไม่ได้รับความนิยม
แอนนา โฮล์ม เป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์ไม่น้อย เสียแต่ว่าเธอมีใบหน้าที่อัปลักษณ์ เพราะมีแผลเป็นขนาดใหญ่อยู่ที่ใบหน้าข้างขวา ภายนอกแอนนาเป็นคนแข็งกร้าว ปากร้าย เย็นชา แต่จริง ๆ แล้วก็เป็นคนที่อ่อนไหวและอ่อนโยน
เดิมทีแอนนาเป็นหญิงสาวที่มองโลกในแง่ร้าย เป็นเพราะความอับอายในใบหน้าของตัวเองเธอจึงแสดงออกต่อผู้คนรอบข้างด้วยท่าทีอันแข็งกระด้าง เธอปกปิดตัวตนและความรู้สึกของตนเอง ด้วยการใส่หมวกและเสื้อโค้ทปกปิดทุกอย่างจนมิดชิด เสื้อผ้าสีหม่นจะได้ไม่เป็นที่สะดุดตา แม้เธอจะแสดงออกต่อทุกสิ่งด้วยความเย็นชา แต่เธอก็ยังหลงใหลในเรื่องราวของ “ความรัก”อย่างหมดใจ
“ A Woman's Face เล่าถึงเรื่องราวของ “แอนนา โฮล์ม” หญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม ในขณะนี้เธอกำลังถูกศาลไต่สวนถึงเรื่องราวที่เธอได้ก่อขึ้น แต่เดิมเธอเป็นหนึ่งในแก๊งข่มขู่รีดไถ มีชีวิตอยู่อย่างขมขื่นเพราะความเกลียดชังรูปลักษณ์ของตน มักโดนคนรอบข้างพูดเย้ยหยันอยู่ตลอดเวลา ความจริงใจที่เธอได้รับนั้นล้วนจอมปลอม ซึ่งเป็นสิ่งเธอก็รับรู้ได้
จนกระทั่งเธอได้พบรักกับ “ทอร์สเทิน แบร์ริ่ง” ชายหนุ่มที่ทำให้แอนนาผู้แข็งกร้าวอ่อนระทวยได้ เขาปฏิบัติต่อแอนนาอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แน่นอนว่านั่นทำให้เธอหลงรักเขาจนหน้ามืดตามัว แต่ด้วยหน้าอัปลักษณ์นี้ จึงทำให้เธอปิดกั้นความรักจากทอร์สเทินไว้
ในวันหนึ่งแอนนาได้พบกับ “กุสตาฟ เซเกิร์ท” ศัลยแพทย์มือทอง สามีของเหยื่อที่เธอกำลังขูดรีดอยู่โดยบังเอิญ แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็นโจร แต่มันก็ดูจะคุ้ม เพราะหลังจากกุสตาฟได้เห็นใบหน้าของแอนนาแล้ว เขาก็เกิดความสนใจอย่างมาก เขายื่นข้อเสนอที่จะทำให้แอนนากลับมามีใบหน้าปกติเหมือนคนอื่น ๆ ได้
แม้จะเสี่ยงแต่เธอก็ยอม เธอได้รับการแปลงโฉมใหม่ หลังจากการผ่าตัด เธอดูสวยสง่า ด้วยความมั่นใจที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เธอกลับไปหาทอร์สเทินอีกครั้ง แน่นอนเขายังคงรอการกลับมาของเธออยู่ แต่ดูเหมือนความรักครั้งนี้จะไม่ได้สวยงามอย่างที่เธอคิด เพราะมันแลกกับการที่เธอต้องไปฆ่าใครคนหนึ่งเพื่อให้ชายที่เธอรักนั้นมีความสุข
บางทีแผลเป็นบนใบหน้าที่แสนอัปลักษณ์ อาจจะเลวร้ายไม่เท่าจิตใจของเธอเลยก็ได้”
ภาพยนตร์เรื่อง A Woman's Face นี้รีเมคมาจากภาพยนตร์ของสวีเดน ในชื่อเดียวกันจากปี 1938 ในต้นฉบับนั้น แอนนา โฮล์ม รับบทโดย อินกริด เบิร์กแมน (ในขณะนั้นยังไม่โด่งดัง)
ภายในเรื่องจะดำเนินเรื่องช่วงเวลาปัจจุบัน ที่อยู่ภายในศาลเล่าเรื่องย้อน (Flashback) ผ่านคำให้การของตัวละครต่างๆที่เป็นพยาน โดยเซ็ตให้พยานแต่ละคนเล่าเหตุการณ์ต่อกันได้ สนุกที่ได้ลุ้นไปเรื่อย ๆ ได้ฟังพยานคนนึงเล่าเรื่องนึง ก็ได้ลุ้นกันทีนึง ความสนุกก็อยู่ที่ผู้ชมก็ได้รู้ความจริงไปพร้อมๆกับทางศาลนี่ล่ะ
เจนี่ บาร์โลว์ นักเต้นสาวสวย หน้าตาสดใส ดูกระตือรือร้นและมองโลกในแง่ดี มีบุคลิกเป็นเด็กสาวที่แก่นเป็นม้าดีดกะโหลก แต่ก็แฝงไปด้วยพรสวรรค์มากมาย
ตัวของ เจนี่เป็นแค่นักเต้นต๊อกต๋อยแทบจะไม่มีเงินยาไส้ แม้จะจนแต่เงินก็ซื้อเธอไม่ได้หรอกนะ ต้องถือว่าเป็นเด็กสาวที่แข็งแกร่งอีกคนเลย เจนี่ เป็นตัวละครที่มีความน่ารักสดใส เป็นคนที่โผงผาง พูดจาตรง ๆ และไม่ยอมคน เธอเข้ากับคนอื่นได้ดี มีพลังงานเชิงบวกอยู่เต็มเปี่ยม ใครอยู่ใกล้ก็เอ็นดู
“ Dancing Lady เปิดเรื่องมาด้วยกลุ่มหนุ่มสาวสังคมชั้นสูง พากันมาดูโชว์เปลื้องผ้า ที่โรงละครแห่งหนึ่ง แต่ในสมัยนั้นการเต้นเปลื้องผ้าในที่ยิ่งใหญ่ อย่างเช่น ในโรงละครประจำเมือง ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับ
หลังจากการแสดงเริ่มไปได้เพียงครู่เดียว ตำรวจก็บุกจับกุม คณะเต้นเปลื้องผ้าถูกตำรวจรวบตัวไปขึ้นศาล ผู้ชมบางส่วนก็ตามไปที่ศาลเพื่อดูการตัดสินคดีด้วย และในตอนนั้นเอง “เจนี่ บาร์โลว์” นักเต้นระบำเปลื้องผ้าหนึ่งเดียวที่กล้าปากต่อคำกับศาลอย่างฉะฉาน จนต้องเข้าไปนอนในคุกนั้น เกิดไปโดนใจหนุ่มไฮโซเพลย์บอยอย่าง “ท็อด นิวตัน” เข้าเต็มเปา ด้วยความถูกใจหนุ่มไฮโซจึงประกันตัวเจนี่ออกมา เพื่อหวังจะได้แอ้มก็ต้องต้องผิดหวัง เพราะถึงแม้เธอจะซาบซึ้งที่เขาช่วยไว้ แต่เธอไม่สนใจเขาซักนิด
ท็อดรู้ดีว่าสิ่งที่เจนี่หลงใหลมากที่สุดคือ การเต้น เขาจึงแอบใช้เงินและเส้นสายที่มีฝากให้ เจนี่ได้เข้าไปคัดตัว ที่ละครเวทีแห่งหนึ่ง ในการทดสอบนั้น ทีมของละครเวทีรู้ทันทีว่าเธอเป็นเด็กเส้น เลยพยายามกลั่นแกล้งเพื่อให้เธอถอดใจ ทั้งเล่นเพลงจังหวะแปลก ๆ หรือเล่นเพลงให้ช้ามากจนไม่สามารถเต้นได้ แต่เจนี่ก็ไม่ยอมแพ้ เธอสามารถรับมือกับทุกอย่างได้และแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม
ตอนนั้นเองผู้ที่ทำการทดสอบ ถึงกับต้องทึ่งในความสามารถของเธอ และยอมไปเกลี้ยกล่อมให้ผู้กำกับการแสดงของละครเวทีอย่าง “แพ็ทช์ เกลเลเกอร์” ยอมรับเธอเข้าเป็นนักแสดง แม้ในตอนแรกเขารับเธอเข้ามาให้เป็นเพียงนักเต้นตัวประกอบ แต่ด้วยพรสวรรค์ที่เฉิดฉาย เกลเลเกอร์จึงได้เลือกให้เจนี่เป็นดารานำ
โดยระหว่างนี้ ท็อดก็หาทางจนเอาชนะใจเจนี่จนได้ เธอสัญญาจะแต่งงานกับท็อดเมื่อละครเรื่องนี้สิ้นสุด เมื่อรู้อย่างนั้นแล้วท็อดจึงใช้เงินเพื่อยกเลิกละครเรื่องนี้โดยที่ไม่ให้เจนี่รู้ จึงเป็นเหตุให้ต้นสังกัดจะตัดงบละครเรื่องนี้ กองละครถูกยุบนักแสดงทั้งหมดตกงานในทันที แม้แต่ตัวเจนี่เองก็ด้วย แต่นี่ก็ถือว่าเป็นจุดส้นสุดของละคร ท็อดจึงกลับมาทวงสัญญาที่เจนี่ให้ไว้ เธอเดินจากกองละครมาด้วยความเศร้าแต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่กับชายผู้รักเธอหมดใจ
ในขณะที่เจนี่เตรียมตัวแต่งงานกับท็อด เกลเลเกอร์ก็ได้รู้ความจริงถึงสิ่งที่ท็อดทำ เขาโมโหมาก แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ละ เขาใช้เงินของตัวเองสร้างละครเรื่องนี้ต่อ จนประสบความสำเร็จ แต่ไร้ซึ่งเจนี่เขาก็เกือบถอดใจ สิ่งที่เจนีเลือกจะเป็นความรักหรือความฝัน หรือบางทีทั้งสองสิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งเดียวกันก็ได้”
เรื่องราวความรักและความฝันอันวุ่นวายของเจนี่จะลงเอยแบบไหน คงต้องลองไปดูกันเอง เป็นโรแมนติก คอมเมดี้ สดใส น่ารักกุ๊กกิ๊ก มีมุกตลก ๆ ให้ได้อมยิ้มกันทั้งเรื่อง
รวมถึงทีมนักแสดงที่หน้าตาดีกันยกกอง เรื่องนี้ โจน ครอวฟอร์ด ประกบคู่กับสองพระเอกดังอย่าง เฟรนโชต์ โทน (รับบท ท็อด นิวตัน) และ คลาก เกเบิ้ล (รับบท แพ็ทช์ เกลเลเกอร์) ร่วมด้วย เฟร็ด เอสแตร์
เฟล็มมเช็น หรือ มิส เฟล็ม (Miss Flaemm) หนึ่งในตัวละครหลักในเรื่อง เป็นนักชวเลขแสนสวย ที่ทางโรงแรมเรียกมาช่วยงานให้กับนักธุรกิจคนหนึ่ง มิส เฟล็ม คนนี้ฉลาด คล่องแคล่ว และมีเสน่ห์มากพอที่จะทำให้ผู้ชายทุกคนสนใจเธอ
มิส เฟล็ม หรือที่คนอื่นตั้งฉายาให้ว่า เฟล็มมเช็น เป็นคนสวย มั่นใจ และฉลาดทั้งรูปร่างหน้าตาก็ดี มีผู้ชายมาติดพันมากมาย และเธอรู้ว่าจะรับมือกับผู้ชายยังไง จริง ๆ แล้วเธอฝันที่จะเป็นดารา ไม่ใช่นักชวเลขไส้แห้งแบบนี้ แต่ถ้าเทียบกับตัวละครอื่น ๆ ในเรื่อง มิส เฟล็ม ดูจะมีความสุขที่สุดแล้วล่ะ ความช่างพูดของเธอทำให้เธอดูสดใส ทุกครั้งที่ มิส เฟล็ม ออกมาเราจะได้ยินคำพูดแสบ ๆ เสมอ เป็นสีสันที่ดีของเรื่องเลยล่ะ
“ Grand Hotel ชื่อของโรงแรมชั้นดี สุดหรูหราแห่งหนึ่ง ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี สถานที่ที่รวมผู้คนมากหน้าหลายตาไว้ด้วยกัน โดยเหตุการณ์ในเรื่องนี้ เริ่มจากการที่หนุ่มหล่อ “เฟลิกซ์” ฉายา “เดอะ บาโรน” นักพนัน ผู้มั่งคั่งชื่อดังสุดเท่ ได้มารู้จักและยอมเป็นเพื่อนกับ “คริงเกิลไลน์”ชายผู้ที่ป่วยและสิ้นหวัง ผู้ที่อยากใช้วาระสุดท้ายของชีวิตอย่างหรูหราในโรงแรมแห่งนี้ เขาเป็นอดีตพนักงานบริษัทของ นักธุรกิจที่ชื่อ “เพรย์ซิง” หนึ่งในแขกของแกรนโฮเทลแห่งนี้ คุณเพรย์ซิงมาพักที่นี่เพื่อเจรจาธุรกิจเขาจึงได้ให้โรงแรมจัดหานักชวเลขมาเพื่อช่วยงาน และคนนั้นก็คือ “มิส เฟล็ม”
เมื่อแรกพบบาโรนโดนเสน่ห์ของเฟล็มเข้าอย่างจังเขาไม่รอช้าที่จะทำความรู้จักกับเธอ และขอออกเดทด้วยจนสำเร็จ แน่นอนเฟล็มเองก็หลงเสน่ห์ของบาโรนเข้าด้วยเช่นกัน
เดอะ บาโรน เป็นที่รู้จักจากชื่อเสียงของต้นตระกูล มีความเท่ และความร่ำรวย แต่ใครจะรู้ว่าปัจจุบันเขานั้นถังแตกและผันตัวมาเป็นพวกหัวขโมยซะแล้ว บาโรนมีหนี้ก้อนโตเขาจึงวางแผนที่จะขโมยสร้อยไข่มุกล้ำค่า ของนักบัลเล่ต์สาวชาวรัซเซียชื่อดัง “กรูซินสคายา” ที่เป็นแขกของทางโรงแรมเช่นกัน
เมื่อบาโรนเริ่มลงมือ เขาบุกเข้าไปในห้องกรูซินสคายาขณะที่เธอออกไปทำการแสดงแต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง เธอกลับมาเร็วกว่าที่คาดทำให้ทั้งสองพบกัน บาโรนหาข้อแก้ต่างได้และเขารู้ว่ากรูซินสคายากำลังมีเรื่องเศร้าใจ จึงได้นั่งปรับทุกข์เป็นเพื่อนจนถึงเช้า รู้ตัวอีกทีทั้งสองก็หลงรักกันเสียแล้ว ในระหว่างนั้นเฟล็มก็คอยนับเวลารอที่จะได้พบกับบาโรนอีกครั้ง แต่หลังจากเพรย์ซิงเจรจาธุรกิจเสร็จ เขาเริ่มแสดงออกว่าสนใจในตัวเฟล็ม
ต่อมา บาโรนได้มาพบกับเฟล็มตามที่ได้นัดไว้ และสาภาพกับเธอไปว่า เขาได้พบรักกับคนอื่นเสียแล้ว แม้เฟล็มจะเจ็บปวด แต่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ เพราะเห็นแก่บาโรน เฟล็มยอมใช้เวลาเต้นรำและนั่งเล่นกับชายแก่สิ้นหวังอย่างคริงเกิลไลน์ เพื่อให้เขารู้สึกมีความสุขบ้าง แต่เพรย์ซิงก็เข้ามาขัดขวาง และใช้งานเป็นข้ออ้างชิงตัวเฟล็มไปจากคริงเกิลไลน์
เพรย์ซิงยื่นข้อเสนอทางการเงินให้กับเฟล็ม หากเธอยอมเป็นเลขาและเดินทางไปคุยธุรกิจที่ลอนดอนกับเขา เมื่อเฟล็มตอบตกลง หลังจากนั้นเพรย์ซิงจัดการเปิดห้องพักที่ แกรนด์ โฮเทล ให้กับเฟล็ม และเข้ามาหาหวังจะสานสัมพันธ์ แต่เธอไหวตัวทัน ซึ่งในระหว่างที่คุยกันเพรย์ซิงเริ่มสังเกตเห็นสิ่งแปลก ๆ จึงกลับไปที่ห้อง และเจอบาโรนกำลังขโมยของอยู่ ทั้งสองปะทะกันและได้เกิดความสูญเสียขึ้น
ความรัก เงินตรา มิตรภาพ ศัตรู ความสุขความทุกข์ที่เกิดขึ้นภายในโรงแรมแห่งนี้จะเป็นสิ่งจอมปลอมหรือยั่งยืนคงไม่มีใครรู้ได้ เหมือนกับที่ คุณหมอ “ออทเทิร์นชเล็ก” แขกประจำของ แกรนด์ โฮเทล ผู้ที่ได้เจอผู้คนต่างๆได้เห็นเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นในโรงแรมแห่งนี้ ได้กล่าวไว้ว่า “ผู้คนเข้ามาแล้วออกไป ไม่มีอะไรมากกว่านั้น” เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโรงแรมคือเรื่องในโรงแรม เมื่อออกไปเรื่องราวเหล่านี้ก็ไม่สำคัญอะไรแล้ว”
เป็นเรื่องยากมากที่จะเล่าเรื่องนี้แบบย่อถ้าจะให้นิยามอย่างสั้น ๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ “คนแปลก ๆ หลาย ๆ คน มาทำเรื่องแปลก ๆ ในโรงแรมแห่งนี้”
มุกตลกในเรื่องก็ชวนขบขันและน่าคิดตามตลอด เป็นตลกร้ายที่ในโลกปัจจุบันพวกเราเองก็ยังต้องพบเจออยู่ทั้งนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมนั้นล้วนเกิดมาจาก อีโก้ อำนาจ และเงินทอง เป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องวุ่นวายเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงแต่ภายนอกโรงแรม 3 สิ่งนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้คนเรายังยึดติดอยู่ทั้งนั้น
นอกจากมิสเฟล็มจะสวย ฉลาด และมีเสน่ห์ เธอยังดูเป็นธรรมชาติและน่ารักอีกด้วย เพราะในขณะที่ภายในเรื่องมีตัวละครอยู่มากมาย จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะไม่โดนรัศมีเหลานั้นกลบ แต่ตัวมิส เฟล็มกลับยังดูโดดเด่นได้ แถมยังเฉิดฉายได้อย่างสวยงามอีกต่างหาก
ซึ่ง Grand Hotel ก็เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำให้เราได้รู้จักกับ โจน ครอวฟอร์ด นั่นจึงทำให้ มิส เฟล็ม เป็นตัวละครที่ประทับใจอันดับ 1 ไปโดยปริยาย
และทั้งหมดนี้ก็คือ 12 อันดับตัวละครจาก โจน ครอวฟอร์ด ที่เราประทับใจมากที่สุด และอย่างที่บอกไปในตอนต้นว่า แม้ โจน ครอวฟอร์ด จะไม่ได้ขึ้นชื่อเรื่องฝีมือการแสดงอันเก่งกาจ แต่เธอก็พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ การแสดงของเธอนั้นมีเอกลักษณ์ สีหน้า แววตา และท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติ เล่นหูเล่นตาพอเป็นพิธี ดูแล้วน่าหลงใหลไม่น้อย บทบาทต่าง ๆ ที่เธอเคยได้รับก็ยังเป็นที่จดจำ
แม้ในช่วงยุค 60's งานส่วนใหญ่ของเธอมักจะเป็นภาพยนตร์ทุนต่ำ และได้รับคำวิจารณ์แย่ๆมากมาย แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ ยังทำงานในวงการจนกลับมามีชื่ออีกครั้งจนได้
โดยอันดับที่จัดไว้นี้เราวัดจากความน่าสนใจ และความน่าประทับใจจากตัวละครเป็นหลัก ในเรื่องของเนื้อหาและคุณค่าของภาพยนตร์อาจจะเป็นรอง ถ้ามีโอกาสก็จะได้จัดอันดับแบบนี้ในหัวข้ออื่น ๆ อีกบ้าง ก็หวังว่าคงจะได้พบกันใหม่อีกครั้งเร็ว ๆ นี้ (บอกตัวเอง ^_^)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in