เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Beloved Brother #Ongwoonoptimushwangirl
Beloved Brother

  •  

     



    -------based on true story-------

     

     

     

     

    ผมคิดว่าผมเดินผ่านความเจ็บปวดนั่นมาได้แล้ว

    ผมคิดว่าผมคงไม่เป็นอะไรแล้ว

    แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิดเลย

     

     

     

     

     

     

     

                เวลาตีสามอันแสนเงียบสงบกลับมีเสียงเรียกเข้าจากโปรแกรมแชทดังขัดขึ้นมาในยามวิกาลระหว่างที่ผมดูหนังเรื่องโปรดอยู่

     

     

     ชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอนั่น กลับทำให้หัวใจคนตัวเล็กกระตุกเพราะชื่อที่เคยอยู่ลึกสุดของหน้าโปรแกรมแชทกลับฉายชัดอยู่ตรงหน้าระยะเวลาเกือบสี่เดือนที่ไม่ได้ทักทายกันทำให้คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างช่างใจที่จะรับสายแต่แล้วครู่หนึ่งสายนั้นก็ดับไป

     

     

    เขาอาจจะโทรผิด ใช่คงใช่แหละ

     

     

     

    แต่แล้วกลับไม่ใช่อย่างที่คิดเมื่อชื่อเดิมได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งเสียงเสียงเข้าดังอย่างต่อเนื่องไม่มีทีท่าจะหยุดลงจนคนตัวเล็กเลือกรับสาย

     

     

    แซนปลายสายทักขึ้นทันทีที่กดรับ

     

     

    อือพี่มีไร

     

     

    ยังไม่นอนเหรอ ปลายสายเอ่ยอย่างพยายามให้ทุกอย่างเป็นปกติแต่ผมรู้ว่าไม่ปกติเพราะเขาดื่มมา

     

    พี่องเมาแล้วโทรมาหาผมอีกแล้ว..

     

     

    กำลังจะนอนแหละ เราดูหนังอยู่

     

     

    เหรอ..”ปลายสายเว้นจังหวะจนเกิดความเงียบก่อนจะเอ่ยเราอะเป็นไงบ้าง

     

     

    สบายดี พี่องมีอะไรเหรอ หรือ เมา..?”

     

     

    ไม่ ๆ พี่ไม่ได้เมา แซนก็รู้เวลาเมาพี่เป็นไงไม่ใช่แบบนี้หรอก จริงปะเสียงของพี่องตอบกลับมาอย่างทีเล่นทีจริง

     

     

    ก็เป็นแบบนี้แหละผมตอบกลับไปทันที จนปลายสายหัวเราะ

     

     

    โห เดี๋ยวนี้นะ..”

     

     

    อะไรล่ะ

     

     

    เถียงเก่งปลายสายขำใส่ทั้งที่มันไม่มีอะไรน่าขำเลยสักนิด

     

     

    ตกลงพี่มีอะไรอะ โทรมาดึกไปเปล่า

     

     

    ก็อยากคุยกับน้องชายสุดที่รักไง ได้ปะครับ

     

     

    อยากจะขำสิ้นดีกับประโยคนี้

     

     

     

    น้องชายสุดที่รักงั้นเหรอ

     

     

     

    ตอบแบบนี้ทุกทีเลยนะ

     

     

     

    พี่อง เอาดี ๆ โทรมามีอะไรเสียงผมเริ่มนิ่ง ผมไม่ต้องการให้ทุกอย่างมันเดินวนกลับไปจุดเดิมจุดที่คน ๆ นี้มีอิทธิพลกับหัวใจผมอีกแล้ว

     

     

    มันไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่องโทรมาไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมต้องรับสายคน ๆ นี้ในเวลาหลังเที่ยงคืน พี่องมักจะเป็นแบนนี้ทุกครั้งเวลาที่เขาเมาโดยเหตุการณ์มันวนเวียนอยู่แบบนี้จนผมไม่อยากจะนับแล้วว่าครั้งที่เท่าไร

     

     

    เรารู้จักและเคยคุยกันเพราะเขามาจีบผมตอนมอสี่แต่คุยไปได้ไม่ถึงเดือนก็จบลงแบบงง ๆ ที่เขาบอกให้ผมเป็นน้องชายของเขาซะอย่างนั้น นั่นทำให้เกิดคำถามตามมามากมายในใจว่าทำไม

     

     

    ทำไมถึงให้ผมเป็นแค่น้อง ทั้งที่ตัวคนบอกก็ชอบผมอยู่ไม่ใช่เหรอ

     

    แต่รู้ไหมว่าเหตุผลที่เขาบอกผมและทำให้ผมจำมันได้ดีคืออะไร

     

     

     

     

     

    เป็นพี่น้องที่สนิทกันมันยืนยาวกว่า เชื่อพี่สิ

     

     

    เขาบอกแบบนั้น

     

     

     จนกระทั่งผมเข้ามหาวิทยาลัย เวลามันเปลี่ยนจนผมคิดว่าตัวเองเดินออกมาไกลจากเขามากแล้วแต่สุดท้ายก็รู้ว่าผมคิดไปเอง เมื่อเขากลับมาตอนผมกำลังจะขึ้นปีสอง พี่องเริ่มโทรมาหาเวลาเมาเริ่มทักและชวนคุยถามไถ่เรื่องราวต่าง ๆและคุยวกไปย้อนไปถึงเรื่องราวในอดีตของเราสองคน แถมยังนัดเจอกันบ้างเมื่อมีโอกาส

     

     

    ระหว่างเราเป็นแบบนั้นตลอดเกือบสี่ปีจนตอนนี้ผมอยู่ปีสี่ และพี่องเรียนจบไปได้สองปีแล้ว

     

     

     

    …ระหว่างเราเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่รู้ว่าเพราะเขาไม่ยอมปล่อยหรือเพราะผม ไม่ยอมไปกันแน่ราวกับว่าในเวลาที่ผมกอดรั้งเขาไว้เขาก็พร้อมจะหนีไปจากผมทุกครั้ง แต่ในเวลาที่ผมคิดจะปล่อยเขาไปจริง ๆเขากลับรั้งผมไว้ให้กลับมาจุด ๆ เดิมทุกที  

     

     

     

    ก็แค่อยากคุยด้วยไง งั้นเหรอ

     

     

    ทั้งที่ล่าสุดที่คุยกันเมื่อสี่เดือนก่อน พี่องเล่าว่าเขากำลังคุยกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งอยู่ทุกอย่างไปได้ดีจนน้องชายอย่างผมเลยได้แต่ยินดีด้วย ระหว่างสี่เดือนที่หายไป เขาไม่ทักมาผมก็ไม่คิดจะทักไปหา แต่ในเวลานี้ผมคิดว่าเขามีบางอย่างในใจถึงได้กลับมา

     

     

    พี่เลิกคุยกับเขาแล้ว

     

     

    “….” คิดไว้แล้วไม่มีผิด

     

     

     

     

    เงียบทำไมอะ

     

     

    ก็ไม่รู้ว่าต้องตอบยังไงทำไมถึงเลิกคุยล่ะ ไหนว่าไปได้ดี..”

     

     

    เรื่องมันยาวเขาตอบเลี่ยง

     

     

    โทรมาเพื่อจะเล่าให้เราฟังไม่ใช่เหรอเหมือนภายในใจมันมีเข็มนับพันกำลังทิ่มแทงรอยแผลเป็นที่คนปลายสายเป็นคนสร้างไว้ซ้ำๆ เพราะรู้ดีว่าสถานะผมคือน้องชายที่สนิท ที่สามารถคุยกันได้ทุกเรื่องปรึกษากันได้

    เล่ามาดิ

     

     

    เจ็บปวดจนอยากชินชา ปวดร้าวแต่ก็ต้องทนไว้

     

     

    ไม่อยากเล่าว่ะ เอาเป็นว่าก็จบกันแล้วมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน พี่ไม่อยากยื้อ..”

     

     

    อ่า แล้วโอเค?”ก็เคยอยากให้เขาได้เจอกับความเสียใจซะบ้างแต่พอเอาเข้าจริงผมก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้อยู่ดี

     

     

    ตอนนี้เหรอ โอเคดิ

     

     

    อืม

     

     

    แล้วเราล่ะ คุยกับใครอยู่ปะตอนนี้

     

     

    ถามทำไม

     

     

    อยากรู้ครับ

     

     

    ไม่อะ ไม่ได้คุยกับใครทั้งนั้น ผมเหนื่อยจะเริ่มต้นรู้จักใครใหม่แล้ว ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเริ่มใหม่นะแต่มันไม่ใช่ใครก็ได้ไงที่จะทำให้หัวใจเราเต้นแรงหรือทำให้เราอยากต่อบทสนทนาให้ยาวขึ้น

     

    ถ้าคุยให้ตายก็ไม่ใช่ ผมก็ไม่อยากสานต่อ

     

    จริงอะ ไม่น่าเชื่อน้ำเสียงเข้าดูสบายขึ้น หลังจากที่เปลี่ยนบทสนทนามาเป็นเรื่องของผมแทน

     

    ถ้าคุยอยู่จะทำไมเหรอผมก็ลองถามหยั่งเชิงไปงั้นแหละ อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะตอบอย่างไร

     

     

    ไม่รู้ดิแล้วเราคุยกับใครอยู่เปล่าล่ะไม่ตอบแต่กลับถามกลับแบบนี้ มันน่าหงุดหงิดเสียจริง ๆ

     

     

    จะอยากรู้ทำไมนัก จะอยากรู้ไปทำไม หวงหรือไงก็ไม่ใช่ไหมวะ!

     

     

    ถามจริงนะพี่อง ทำไมถึงโทรมาหาเราอีกล่ะ เหงาเหรอผมพยายามหาเหตุผลที่เข้าข้างตัวเองให้น้อยที่สุดเพื่อจะได้ไม่เจ็บปวดแต่พอหาเหตุผลมาขยี้ตัวเองว่าเขาแค่เหงาเลยโทรหา ก็กลายเป็นว่าผมรู้สึกเศร้าอีกอยู่ดี

     

     

    ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ไม่พ้นการสะกิดแผลเป็นในใจตัวเองไงล่ะ

     

     

    เขาเงียบไม่ตอบก็เหมือนบอกให้รู้ว่าผมคิดถูกนั่นแหละ

     

     

    เราเคยบอกไปแล้วว่าไม่ชอบให้โทรมาตอนเมา เคยทะเลาะกันจำได้ไหม แต่พี่ก็ยังทำมันอีก ทำไมวะหรือว่าต้องให้บล็อกถึงจะหยุด?”

     

     

    เดี๋ยวดิ อย่าบล็อกนะเขาตอบสวนทันที

     

     

                งั้นก็ตอบมาโทรมาทำไมอีก

     

     

    ถ้าบอกว่าคิดถึง แซนจะว่าไง

     

     

    ไม่เชื่อหรอก

     

     

     

     ไม่เอาดิ พี่คิดถึงจริง ๆ ”เสียงปลายสายอ่อนลง พี่องพยายามอธิบาย พี่รู้ว่ามันไม่น่าเชื่อ แต่พี่อยากให้แซนเชื่อได้ไหม”

     

     

    คิดถึงผมงั้นเหรอ

     

     

    นี่คงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อพอ ๆ กับเรื่องกกต.บอกไม่มีเครื่องคิดเลขนั่นแหละ

     

     

    เอาแต่ใจตัวเองจังนะ ผมแขวะเขาไปตรง ๆ

     

     

    แซนที่พี่จะบอกคือที่ผ่านมาพี่ลองคุยกับคนอื่นมาก็เยอะ แต่ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์มันกำลังจะพัฒนา พี่แม่งก็คิดถึงแซนทุกทีเลยรู้เปล่า ไม่รู้ดิเหมือนระหว่างเรา..มันยังค้าง ๆ กันอยู่ แซนก็รู้ใช่ไหม

     

     

    หมายความว่าไง

     

     

    เราสองคนไม่เคยลองคุยกันจริง ๆจัง ๆ เลยสักครั้ง

     

     

    ก็พี่ให้เราเป็นน้องชายหนิมันจะเคยคุยอะไรล่ะ เออ!ขอตัดพ้อหน่อยเหอะแม่ง

     

     

    แล้วถ้าพี่ขอโอกาสล่ะ..”

     

     

    โอกาสอะไรอะ

     

     

    เรื่องของเราไง..พี่อยากขอโอกาสจากแซนเสียงเขานิ่งเรียบจนผมเผลอใจกระตุก

     

     

    มาขอตอนนี้เนี่ยนะ” ทั้งที่ตลอดมาผมเคยรั้งเคยขอให้เขากลับมาแทบตาย แต่เขายืนยันจะให้ผมเป็นน้องชายของเขา

     

     

     “ใช่ ถ้าแซนยังไม่มีใคร พี่พอจะมีโอกาสไหม

     

     

    เป็นคำถามที่ผมไม่รู้ว่าควรเสี่ยงอีกครั้งไหม ด้วยความกลัวที่กัดกินความรู้สึกจนผมไม่อยากคาดหวังเพราะทุกครั้งที่คาดหวังไว้สูง ก็มักถูกผลักตกลงมาเจ็บเสมอ  และทุกครั้งที่ผมรู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องระหว่างเรา กำแพงในใจผมมันจะสูงขึ้นทีละขั้นซึ่งมันจะแปรผกผันกับความเชื่อใจในตัวเขาที่พังลงเรื่อย ๆ

     

     

    เศษซากความรู้สึกที่มันพังลงไปแล้วคงไม่สามารถต่อกลับมาได้ภายในหนึ่งคืนหรอก จริงไหม

     

     

                ตลกไปแล้วว่ะพี่องผมแค่นหัวเราะไปอย่างกลบเกลื่อน ทั้งที่ผ่านในใจกำลังตีรวนอย่างบอกไม่ถูก

     

     

    เขากำลังถามหาโอกาส แต่ผมกลับให้คำตอบเขาไม่ได้ในตอนนี้ไม่แน่ใจว่าสมองมันประมวลช้าเพราะตอนนี้ดึกมาก หรือเพราะจริง ๆแล้วผมกำลังลังเลกันแน่

     

     

    ไม่ตลกเลยแซน

     

     

    ผมกำลังนึกถึงใบหน้าคมที่ชอบจ้องหน้าผมเวลานั่งทานข้าวตรงข้ามกันนึกถึงเสียงเข้ม ๆ ที่เขาชอบใช้ดุผมเวลาผมงอแง นึกถึงมืออุ่น ๆที่เคยลูบศีรษะผมเวลาหยอกล้อ

     

     

    ความสุขเล็ก ๆ ที่ผมเคยได้จากเขามันจะกลบความรู้สึกที่เสียไปแล้วได้เหรอ

     

     

    ผมจะไม่เสียใจเหรอถ้าให้โอกาสเขาอีกครั้ง

     

     

    ถ้าเราให้โอกาส เราจะได้อะไร

     

     

    ได้ความจริงใจจากพี่ไงครับ

     

     

    น่าเชื่อตายแหละ

     

     

    นะเปิดใจให้พี่ได้ไหมครับ

     

     

    ทำไมต้องกลับมาอีกแล้วเนี่ยผมกำลังต่อสู้กับตัวเองอยู่ เด็กอ่อนหัดเรื่องความรักตอนมอสี่คนนั้นกำลังกลับมาอ่อนแอทุกครั้งที่เขาเรียกหา

     

     

     

    เบื่อตัวเอง

     

     

     

    แค่ให้โอกาสกัน พี่จะพยายามเองนะแซน

     

     

                ไม่รู้เลยอะ ขอเวลาได้ไหมผมข้อร้องเขาตรง ๆไม่ใช่ว่าไม่อยากให้โอกาสหรอกนะ แต่ผมกลัว กลัวการเจ็บปวดที่เคยผ่านมานับครั้งไม่ถ้วนนั้น

     

     

    แผลที่ไม่มีรอยฟกช้ำ

     

     

    แผลที่ไม่มีเลือดออก

     

     

    แผลในใจที่ต้องเยียวยามันด้วยตัวเองมาตลอด

                             

     

    ..มันทรมานเกินกว่าคนอย่างเขาจะเข้าใจ

     

     

               

                แซน

     

     


    พรุ่งนี้จะพี่ไม่ลืมใช่ไหมที่พูดมาทั้งหมดเพราะผมเคยโดนเขาหลอกให้เชื่อมาแล้วต่างหากถึงถามแบบนี้เวลาเขาโทรมาหาเขามักพูดอะไรเยอะแยะตอนเมา สัญญาอย่างนั้นอย่างนี้ดิบดี แต่พอเช้ามาก็จำไม่ได้ว่าตัวเองพูดอะไรไว้บ้าง

     

     

    ไม่ลืม พี่จำได้น่า

     

     

    เรายังไม่มีคำตอบให้พี่หรอกนะตอนนี้

     

     

    ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้จะทักไปหานะเขาย้ำ

     

     

    ครับผมเหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่ามันล่วงเลยมาเกือบตีสี่แล้วจากที่ว่าจะนอนก็ไม่ได้นอนเพราะคน ๆ เดียว

     

     

    พี่ง่วงแล้วอะ โคตรมึนหัวเลยว่ะ

     

     

    ก็ควรนอนแหละพี่อะ เมาขนาดนี้ผมบ่น

     

     

    ไม่ได้เมาขนาดน้านเชื่อกันหน่อยดิเขาท้วงเสียงอ่อน

     

     

    จ้า ๆ นอนกันเหอะ เราก็ง่วงละผมเหนื่อยจะเถียงเขาแล้วล่ะ

     

     

    งั้นพรุ่งนี้จะทักไป ฝันดีนะแซน

     

     

    อืม ฝันดีพี่อง

     

     

    บอกลากันเหมือนเคยแต่ผมกลับนอนไม่หลับเสียอย่างนั้นแม้จะบอกว่าไม่อยากคาดหวังแต่สุดท้ายลึกๆแล้วผมก็ยังอยากมีเขาอยู่ ยังอยากลองเสี่ยงดูอีกครั้ง

     

     

    อยากมูฟออนแทบตาย

     

     

    สุดท้ายเป็นวงกลม

     

     

     

     

     




    แต่ผมคาดหวังอะไรกับเขาอยู่งั้นเหรอ

     

     

    คนที่โทรมาหาโทรมาขอโอกาสคนนั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด

     

     




    หลังจากคืนนั้นที่คุยกัน จนเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบสี่สัปดาห์ เรานัดเจอกันเพียงเสาร์อาทิตย์เพราะพี่องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดสิ่งที่ทำได้คือการคุยกันผ่านแชทและโทรหากันเท่านั้น

     

     

    ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ควรรู้สึกแบบไหนดี เพราะบทสนทนาที่มีแต่ผมเป็นฝ่ายถามหรือต่อบทสนทนาเพียงฝ่ายเดียวมันไม่ได้ช่วยทำให้ผมรู้สึกว่าเขากำลังพยายามที่จะกลับมาจริงจัง

     

     

    มีแต่ผมที่เป็นฝ่ายทัก ฝ่ายโทรหาก่อน มีผมพยายามเปิดใจให้เขาอย่างที่เขาขอ

     

     

    มีแต่ผม! ที่วิ่งตามเขาอีกแล้ว

     

     

    พี่องกำลังทำให้ผมกลับไปยังจุดเดิมจุดที่เขาเข้ามามีอิทธิพลกับหัวใจ มีผมต่อความรู้สึกจนรู้สึกทรมาน

     

     

    จริง ๆ แล้ว..ผมไม่น่าไปคาดหวังกับคนที่ผมแทบไม่เหลือความเชื่อใจอย่างเขาเลย

     

     

    ใช่ไม่น่าเลย

     

     

     

    พี่องเอาจริงเราไม่เกทเลยที่พี่กลับมาหาเรา””ผมเอ่ยเบา ๆ ขณะที่รถยนต์จอดนิ่งหน้าหอพักตัวเอง ในวันนี้เรานัดเจอกันผมรู้ว่าตัวเองไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิดไว้เพราะภายในใจมันมีแต่คำถาม ผมว่าพี่องเขาก็มีบางอย่างในใจเช่นกัน

     

    ทางเดียวที่จะหาคำตอบของคำถามที่เกิดขึ้นในใจของผมในตอนนี้คือการลองคุยกับเขาตรง ๆ

     

     

    “…”เขาหันมามองผมที่กำลังก้มมองนิ้วมือตัวเอง

     

     

    ผมไม่รู้หรอกว่าเขารู้สึกเหมือนกันไหม

     

     


    แต่ถ้าเขารู้สึก

     

     

     

    พี่ว่าเราเป็นน้องรักของพี่เหมือนเดิมดีที่สุดแล้วว่ะ

     

     

     

    อืม

     

     

     

    ‘…เป็นพี่น้องที่สนิทกันมันยืนยาวกว่า เชื่อพีสิ

     

     

    ประโยคคุ้นๆ ว่าไหมล่ะ





    ประโยคพวกนี้ไงที่ฉุดรั้งให้ผมยังอยู่ที่เดิมมาเกือบแปดปี





    ประโยคพวกนี้ไงล่ะที่ทำให้ผมเริ่มใหม่ไม่ได้สักที!

     

     


    เราก็คิดงั้นผมคิดมาแล้วว่ามันควรเป็นแบบนี้ เลยตอบไปอย่างที่คิดนั่นแหละ ผมไม่ได้โกหกหรอก

     

     

    อื้ม พี่น้องกันมันยาว ๆ ไงเขาบอกแบบนั้น ผมไม่รู้หรอกว่าสีหน้าเขาตอนนี้เป็นอย่างไรแต่ภายในรถคันนี้มันน่าอึดอัดสิ้นดี

     

     

    อื้อ ฝืนไปก็ไม่น่าไหวหรอกเพราะตอนนี้ก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน อยู่ ๆ น้ำตาก็คลอเบ้า โดยที่ผมได้แต่พยายามกลั้นไว้อย่างถึงที่สุด

     

     


    ขอโทษ

     

     


    จริง ๆ เราไม่อยากเป็นอะไรแล้ว แม้แต่พี่น้อง ..ต่างคนต่างอยู่น่าจะโอเคกว่าทุกครั้งที่ผมพยายามตัดใจจากเขา ผมมักบอกตัวเองว่าจะไม่กลับไปเป็นพี่น้องอะไรนั่นอีกแล้ว ย้ำตัวเองอย่างอย่างนั้นแต่แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะ

    ผมมันก็คนดื้อรั้นคนหนึ่งที่เอาความรู้สึกตัวเองมาให้เขาเล่นอีกอยู่ดี

     

     

    อย่าเลย ถ้ามีโอกาสทักทายก็ทักไงไม่ได้เหรอเขาขอเหมือนที่เคยขอ แต่ผมไม่อยากให้โอกาสเหมือนทุกครั้งอีกแล้ว

     

     

    เพราะตัวผมเองยังรู้สึกอยู่



    เพราะตัวผมเองยังเฝ้ารอเขาอยู่  มันถึงเจ็บปวดทุกครั้งที่เขากลับมาเล่นกับความรู้สึก

     

     

    ยากพี่องไม่รู้หรอกว่าที่ผ่านมาผมรู้สึกทรมานแค่ไหน. ไม่ใช่แค่เพียงครั้งนี้ แต่ทุกครั้งต่างหาก



     ทุกครั้งที่เขากลับมามันยากสำหรับผมเสมอ

     

     

    ที่บอกตัวเองว่าไหวก็ไม่เคยไหวสักครั้ง

     

     

     

    ผมโกหกเขา

     

     

    และโกหกตัวเองด้วย

     

     

    แซน..”น้ำเสียงของพี่องราวกับกำลังรั้งผมไว้

     

     


    ระ..เราเสียความรู้สึกไปเยอะมากๆ มากจริงนะที่ผ่านมา พยายามแล้วไม่ให้เสียงสั่นแต่มันง่ายซะที่ไหน. เหมือนมีอะไรไม่รู้มาจุกอยู่ที่คอ

     

     


    “…”

     

     

     เราไม่ได้โกรธหรือเกลียดพี่องเลยแต่ตอนนี้เราแค่ไม่อยากเสียความรู้สึกอีกแล้ว

     

     

     

    ครับ พี่เข้าใจ

     

     


    ไม่หรอก พี่ไม่มีทางเข้าใจ..

     

     

     

    อืมผมบอกเพียงเท่านั้นก็เปิดประตูรถลงทันทีและเหมือนกับว่าเสียงปิดประตูรถนั่นของผมก็คงเป็นคำตอบแล้วว่าทุกอย่างมันจบ

     

     

     

     



    เพราะยังรู้สึก

     

     

    จึงไม่อยากกลับไปอีกแล้ว

     

     



    ติดแท็กได้ที่ #แฟนฮวังฟิคชั่น

     



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
No.26 (@uuuuuuyours)
อืมมมมเศร้าจังนะสงสารแซน แต่เราว่าตัดสินใจแบบนี้ดีแล้วแหละ เขาไม่ได้ชอบเรามากขนาดนั้นแต่เขาแค่ไม่มีใครและอยากให้เราอยู่ด้วยแค่นั้น... ถ้ามันเหนื่อยก็กลับมารักตัวเองเยอะๆเถอะ ไม่เป็นไรนะแซน สักวันต้องเจอคนที่ดีที่พร้อมจะรักเราจริงๆแน่นอน