เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดูจบแล้วthismetalducky
Netflix's All of Us Are Dead
  • จากการทดลองไวรัสในหนูห้องวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนมัธยมศึกษา ลุกลามต่อเนื่องมาเป็นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ทำให้มนุษย์ทั้งเมืองกลายเป็นศพเดินได้ ที่ไม่มีใครรู้ว่ามันคือเชื้ออะไร รักษาได้หรือไม่ และเหล่าความหวังของชาติแห่งโรงเรียนมัธยมจะเอาตัวรอดกันอย่างไร ในเมื่อพวกเขาไม่มีข้อมูล และติดต่อใครไม่ได้เลย

    ตัวอย่างซีรีส์ All of Us Are Dead
    หลังจากนี้คิดว่ามีการเปิดเผยเนื้อหาของซีรีส์แน่ ๆ read at your own risk นะจ๊ะ

    ซีรีส์เปิดเรื่องมาได้ค่อนข้างน่าสนใจ เนื้อเรื่องดำเนินไปชวนให้เราติดตาม อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป อยากรู้ว่าจุดจบของเรื่อง และตัวละครแต่ละตัวจะเป็นอย่างไร เรื่องราวยังมีข้อจำกัดอย่างการตัดขาดการติดต่อทุกรูปแบบ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีอินเทอร์เน็ต ทำให้ตัวละครไม่มีข้อมูลอะไรเลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความช่วยเหลือจะมาหาหรือเปล่า อีกข้อจำกัดคือเวลา มนุษย์จะตายถ้าขาดน้ำ และอาหาร 3 วัน มันเลยเป็นการเอาชีวิตรอดจากความตายที่อาจมาจากปัจจัยภายนอกอย่างเชื้อไวรัส และปัจจัยภายในอย่างกลไกของร่างกายไปด้วย

    ซีรีส์วางแกนของเรื่องเอาไว้ที่ปัญหาการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน (bullying) เล่าให้คนดูฟังว่าต้นตอของความวินาศสันตะโรที่เกิดขึ้นมา มันก็มาจากการกลั่นแกล้งกันที่ใคร ๆ ก็มองข้ามในโรงเรียนนี่แหละ เราชอบที่มันมีการฝากข้อความ และ raise awareness เรื่องการบูลลี่ไว้ได้น่าคิดมาก ๆ  ตัวละครครูวิทย์ที่สร้างไวรัสพันธุ์นี้ขึ้นมาพูดกับคุณสายสืบเลย ว่าการแพร่ระบาดนี้ คือผลของการยอมรับให้เกิดความรุนแรงขึ้นในสถานศึกษา ถ้าผู้ใหญ่ยอมให้เด็กแกล้งกัน เด็กจะโตมาสร้างสังคมที่ใช้ความรุนแรงเหมือนกัน แต่การแตะปัญหาเรื่องการกลั่นแกล้ง มันก็ดูจะมีความจำเป็นจะต้องแตะปัญหาเชิงโครงสร้างไปด้วย ทั้งสถาบันการศึกษาที่สนใจเพียงชื่อเสียงของโรงเรียน และทำเพียงแค่ผลิตนักเรียนออกมาเท่านั้น ทั้งสังคมที่เอาเรื่องความเป็นความตายอย่างการแพร่ระบาดมาล้อเล่น และไม่รู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องเดือดร้อนด้วยซ้ำ ทั้งการแก้ปัญหาของผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศ ที่ยึดหลัก utilitarianism ยึดเอาความสุขสำราญของคนหมู่มากเป็นหลัก ซึ่งอาจหมายถึงการละเลยเด็กที่ถูกรังแก และเป็นเด็กส่วนที่น้อยกว่า เน้นผลลัพธ์ ไม่เน้นวิธีการ ซึ่งมัน reflects ลงมาบนประเทศ as a whole ด้วย จะทำอย่างไรก็ได้ ขอแค่เข้ามหาวิทยาลัยได้ก็พอ และการพูดถึงสถาบันครอบครัวที่เด็กบางคนได้รับความรักอย่างท่วมท้น ในคณะที่บางคนรู้สึกโดดเดี่ยว และถูกละเลย ซีรีส์ยังต้องการเล่นประเด็นความสัมพันธ์ของตัวละครด้วย แทบจะเล่นเท่าประเด็นหลักของเรื่องเลย พอมันมีการเล่นหลายประเด็น เรารู้สึกว่าการแตะบางประเด็นค่อนข้างผิวเผิน อย่างเรื่องครอบครัว กับความรักของเหล่าตัวละคร เราไม่อินเลย

    การวางคาแรคเตอร์ตัวละครเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบที่สุดในเรื่อง ตัวละครถูกนำเสนอออกมาค่อนข้างแบน มีความย้อนแย้งในตัวเอง และการกระทำของแต่ละตัวละคร คือการตัดสินใจทำโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาเลย แล้วมันแปลกสำหรับตัวละครในวัยนี้ที่มีความคิด และรู้จักการตัดสินใจแล้ว สิ่งที่เราไม่ชอบที่สุดคือการวางตัวละครผู้หญิง เด็กผู้หญิงในเรื่องที่ต่อสู้เป็น และดูจะ grab a hold of the situation ได้ดีกว่า ต้องเป็นนักกีฬา หรือเป็นสาวซ่า ผมสั้น ปากร้าย ในขณะที่สาวผมยาว ท่าทางเรียบร้อย สวมเสื้อไหมพรมสีชมพูทั้งหลาย กลับเป็นได้เพียงเด็กผู้หญิง ที่ทำอะไรไม่เป็น ไม่คล่องตัว และถ้าไม่มีเหล่าเด็กผู้ชาย ก็คงทำได้แค่นั่งรอความตายเท่านั้น มันเป็นการมองผู้หญิงผ่านสายตาของผู้ชายมาก ๆ เลยอะ และยังฉากตบกันของสาวนักธนู กับสาวซ่าอีก นำเสนอให้เขาตีกัน แล้วถึงจะมาเป็นเพื่อนกัน ในขณะที่ตัวละครชายใช้วิธีพูดคุยกันมากกว่าใช้กำลังตัดสิน เหมือนจะสื่อว่าผู้หญิงไม่ใช้เหตุผล แต่ใช้อารมณ์ในการตัดสินเรื่องราว 

    โดยรวมแล้ว All of Us are Dead เป็นซีรีส์ที่ดูสนุกนะ ในแง่ของการเป็นละคร survival ในภาวะโรคระบาด น่าติดตามว่าเรื่องมันจะดำเนินไปอย่างไร ไปจบที่ตรงไหน แต่ซีรีส์มีความไม่สมเหตุสมผลอยู่หลายจุด มันเลยทำให้ตัวละครไม่ได้เป็นที่รัก และเรื่องราวไม่น่าจดจำเสียเท่าไร มีฉากที่ใส่มาแบบไม่มีเหตุผลเท่าไร ทำให้เรื่องอืด ๆ ไปหน่อย ทั้งที่กระชับ และตื่นเต้นได้มากกว่านี้ ก็ถือว่าเป็นละครหนีตายที่น่าตื่นเต้นในช่วงนี้แล้วกันเนาะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in