เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
TALK WITH MISTER NELSONSALMONBOOKS
02: FIRST TIME WITH THAI STUDENTS

  • เบ๊น: ลุงสอนหนังสือตั้งแต่เมื่อไหร่

    เนลสัน: ถ้าจำไม่ผิดน่าจะหลังจากที่ไอมาอยู่เมืองไทยได้สองปี คือตอนแรก ไอก็มาในฐานะนักท่องเที่ยวทั่วไปนี่แหละ แต่ต่อมา ไอก็เริ่มหลงรักความเซอร์เรียลแบบไทยๆ เลยมีแผนอยากอยู่ต่อให้นานขึ้น ประจวบเหมาะกับตอนนั้นเงินทองเริ่มร่อยหรอ ไอจึงหารายได้ด้วยการเข้าไปสอนหนังสือภาษาอังกฤษตามโรงเรียนต่างๆ

    เบ๊น: ลุงยังจำความรู้สึกแรกๆ ตอนที่เข้าไปสอนเด็กไทยได้มั้ย?

    เนลสัน: จำได้แม่น

    โรงเรียนที่ไอไปสอนอยู่แถวอโศก ไอสอนคาบเช้า เปิดประตูเข้าไป เด็กนักเรียนเหวอกันใหญ่ พอไอเอาของไปวางที่โต๊ะ นักเรียนทุกคนก็ยืนขึ้น ตอนนั้น ไองงมากว่าจะยืนทำไม แต่สักพักพวกเขาก็พูดพร้อมกันว่า “Good Morning, Teacher.”

    ไอเหวอเลย เพราะไม่เคยเจอการทักทายด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อน มันเป็นการทักทายที่ดูคล้ายหุ่นยนต์มากๆ เหมือนทุกคนโดนโปรแกรมให้พูดประโยคนี้ ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ เพราะตอนไอเป็นอาจารย์ที่สหรัฐฯ เวลาเปิดห้องเข้าไปก็เริ่มเรียนได้เลย อาจมีเซย์ไฮกับนักเรียนที่นั่งแถวหน้าบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นพิธีรีตองขนาดนี้

    เบ๊น: แล้วลุงตอบเขาว่าอะไร

    เนลสัน: ไอก็อยากให้บรรยากาศมันผ่อนคลายขึ้น เลยทักทายแบบกันเองกลับไปว่า “Hey what’s up y’all? I’m Nelson. Nice to meet you guys here.” จบประโยคเท่านั้นแหละ นักเรียนงงเลย เขาทำท่าเหมือนตอบไม่ถูก ไปไม่เป็น โชคดีที่เด็กโต๊ะหน้าบอกไอว่า “เอ่อ...ครูคะ ตามบทแล้ว ครูต้องตอบว่า Good morning. How are you? ค่ะ”

    เบ๊น: ใช่ครับ ลุงพลาดแล้วล่ะ มันเป็นการตอบโต้ที่กระทรวงศึกษาฯ คงจะเซ็ตไว้แล้วน่ะ

    เนลสัน: โอ้จริงเหรอ? แต่บอกตามตรง ตอนนั้นไอรู้สึกเซอร์เรียลมาก ไม่นึกว่ากระบวนการที่ควรจะสร้างความผ่อนคลายและคุ้นเคยต่อกันจะต้องมีฟอร์แมตมากำกับด้วย 

    พอถามประโยคนั้นเสร็จ ทุกคนในห้องก็ส่งเสียงกลับมาพร้อมกันเลยว่า “I’m fine, thank you, and you?”  โอ้ นี่มันโรงเรียนหรืออุตสาหกรรมส่งออกหุ่นยนต์

    เบ๊น: พอลุงสอนเด็กไทยไปสักพักแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง?

    เนลสัน: เด็กไทยเก่งกว่าที่ไอคิดไว้ โดยเฉพาะเรื่องแกรมมาร์ เรียกได้ว่าเป๊ะและปรุโปร่ง

    ยูเชื่อมั้ยว่าเด็กไทยเอาจริงเอาจังเรื่อง Tense ยิ่งกว่าเจ้าของภาษาอย่างไอเสียอีก Tense ทั้ง 12 Tense ผันได้หมด เชื่อไหมว่าบาง Tense อย่าง Future Perfect Continuous เกิดมาจนแก่หง่อมขนาดนี้ไอยังไม่เคยใช้เลย แต่เด็กไทยได้ยินชื่อปุ๊บ โอ้โห ท่องได้เป็นฉากๆ “will + have + been + verb-ing ค่ะคุณครู”

    โอ้มายก็อด เป๊ะเว่อร์ตามตำรา! นี่มันเด็กนักเรียนหรือเครื่องถ่ายเอกสาร!

    แม้ในห้องเรียนจะเซอร์ไพรส์ขนาดไหน นอกห้องเรียนก็เซอร์ไพรส์ไอไม่ต่างกัน โดยเฉพาะเรื่องค่านิยมความเท่ของเด็กนักเรียนชายไทย

    เบ๊น: ยังไงเหรอครับ?

    เนลสัน: คือสำหรับเด็กไฮสคูลอเมริกัน ความเท่ในวัยนั้นคือ การเป็นควอร์เตอร์แบ็คในทีมอเมริกันฟุตบอลของโรงเรียน หรือการออกมาอยู่ตัวคนเดียว ทำมาหากิน รับผิดชอบชีวิตตัวเอง แต่เด็กไทยบอก โอ๊ย ยุ่งยาก ผมไม่ต้องการอะไรยืดเยื้อ เด็กไทยจึงมักแสดงความเท่เชิงสัญลักษณ์มากกว่าความเท่ที่มาจาก Process หากใครอยากดูเท่ๆ เก๋าๆ ก็แค่เหยียบส้น เจาะหู หรือปล่อยชายเสื้อออกนอกกางเกง แค่นี้เอง เท่แล้ว เป็นความเท่ที่มินิมอลทางความคิดมากๆ ส่วนเรื่องดูแลชีวิตตัวเองอะไรนั่นช่างมัน ขอเงินพ่อแม่ต่อไปนั่นแหละ แต่มันก็แค่บางคนบางกลุ่มนะ เดี๋ยวจะหาว่าไอเหมาเข่งอีก โนดราม่าเฮียร์พลีส
  • เบ๊น: โอเคครับ เรากลับมาเรื่องในห้องเรียนกันต่อดีกว่า ต่อจากเมื่อกี้ อยากทราบว่าลุงทึ่งกับความเป๊ะแกรมมาร์ของเด็กไทยมากมั้ย

    เนลสัน: ทึ่งมาก แต่ทึ่งอยู่ได้ไม่นาน ไอก็เปลี่ยนเป็นเคว้ง คือความรู้และทฤษฎีของเด็กไทยถือว่าแม่นยำมาก แต่พอให้พูดปุ๊บ โอ้โห เหวอกันทั้งชั้น

    หลายครั้งที่ไอให้นักเรียนตอบคำถามด้วยความสมัครใจ แต่พอไอบอกให้ยกมือตอบ ทุกคนก้มหน้าหลบสายตาโดยอัตโนมัติ กระทั่งพวกเหยียบส้น เสื้อออกนอกกางเกง ที่นั่งเก๋าๆ คุยกันดังๆ อยู่หลังห้องก็เงียบจ๋อยไม่ต่างจากเพื่อนคนอื่น แถมบางคนทำเป็นเนียน ทำทีขีดๆ เขียนๆ จดเลกเชอร์ ทั้งที่บางคาบไอยังไม่ได้เขียนอะไรบนกระดานเลยด้วยซ้ำ แล้วพวกยูจดอะไรกัน?

    ครั้งหนึ่งไอลองไปด้อมๆ มองๆ ที่เขาจดกันดู ปรากฏว่าแต่ละคนเขียนอะไรได้มั่วมาก บางคนเขียนตัวอักษร A-Z หรือไม่ก็วาดรูปตัวการ์ตูนจาก Dragon Ball คือเรียกได้ว่าทำทุกวิถีทางเพื่อหลบสายตา เป็นตายร้ายดียังไง กูก็จะไม่ยอมตอบคำถามมึงเป็นอันขาด

    เบ๊น: ก็อย่างนี้แหละครับ พวกเขาอาจจะอายที่ต้องพูดภาษาต่างประเทศ กลัวคนรอบข้างล้อ ลุงก็ต้องเข้าใจในจุดนี้ด้วย

    เนลสัน: อันนี้ไอไม่ค่อยเชื่อนะ คนไทยไม่ได้ขยาดการพูดภาษาอังกฤษขนาดนั้น ไม่เชื่อยูไปดูในชีวิตจริงสิ คนไทยใช้ภาษาอังกฤษกันรัวๆ เลย แต่เขาจะไม่พูดทั้งประโยคแบบเจ้าของภาษา พวกเขาจะเล่นท่าพิสดารด้วยการพูดไทยคำอังกฤษคำ สุดยอดมาก! นี่แหละ การเป็นนายของภาษาอย่างแท้จริง!

    อย่างวันก่อน ไอขึ้นรถไฟฟ้า เจอพนักงานบริษัทแต่งตัวเก๋ไก๋คนหนึ่ง คุยโทรศัพท์ด้วยภาษาอังกฤษรัวเป็นไฟแลบ ไอประทับใจมาก

    เบ๊น: ยังไงครับ ช่วยสาธิตให้ดูหน่อยได้มั้ย

    เนลสัน: “เออ...เอ๋ You ต้องหาวิธี Convince เขาให้ได้นะ รายนี้เป็น Client ที่พี่ Would Like to Deal ด้วย นานๆ So เธอต้อง Push ตัวเองมากกว่านี้ ถาม Yourself ว่างานมัน Impact พอหรือยัง ไม่งั้นพี่ว่า Unacceptable ว่ะ

    “ไม่ๆ Now อาจจะดี แต่ In the Long Run พี่ว่า Risky ยังไงเธอลอง Call พี่สาธิตให้เขาช่วย Finalize อีกแรง So That เราจะได้ไม่ต้องมา Fix กันอยู่อย่างนี้

    “No No เลย พี่ไม่สามารถ Afford เวลาอีกสองวันได้หรอก งานมัน Came to Us ตั้งแต่ Week ก่อนหน้าแล้ว เธออย่าลืม พี่ว่า Material เธอดี แต่ Execute ไม่ถูก So มันเลยออกมาเป็น Final Product ที่ยังไม่ Deep และ Relevant พอ แล้ว In Terms of ความรู้สึกที่ได้ พี่ว่ามันยังไม่ Catchy...”

    เบ๊น: โอ้ แล้วลุงรู้สึกยังไงกับเหตุการณ์ครั้งนั้น

    เนลสัน: ชอบมาก เหมือนดูดีวีดีแล้วกดปุ่มเปลี่ยน Audio Language ไปมาแบบรัวๆ จนไอต้องอุทานในใจด้วย Future Perfect Continuous Tense เป็นครั้งแรกในชีวิตว่า “I Will Have Been Loving This
    Fucking ไทยคำอังกฤษคำ Forever!”


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in