เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Songs For Yousakanf
แปลเพลง-วิเคราะห์ Clean - Taylor swift: บทเรียนการมูฟออน
  • "มูฟออน" คือวงจรอุบาทว์ที่ใครก็อยากออก แต่ออกเท่าไหร่ก็ออกไม่ได้ วังวนความเจ็บปวดที่ใครก็พาหนีออกมาไม่ได้ นอกจากตัวเองจะตัดสินใจกัดฟันก้าวออกมาเอง

    "Track 13: Clean" จากอัลบั้ม 1989 ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ เป็นเพลงป็อป จังหวะฟังและติดหูอย่างไม่น่าเชื่อหลังจากฟังครั้งแรก แต่พอได้เข้าไปทำความรู้จักกับเนื้อเพลงแล้วก็พบว่า เป็นเพลงที่เล่าถึงประสบการณ์การพยายามก้าวข้ามความรู้สึกจากความรักเป็นพิษ หรือที่รู้จักกันในนาม Toxic Relationship หลายคนคงเข้าใจความรู้สึกดังกล่าวได้ดีว่ามันทรมานเพียงใด การก้าวผ่านวงจรอันน่าเกลียดน่ากลัวหรือการ "มูฟออน" นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

    สิ่งที่น่าประทับใจในเพลงนี้ที่อยากเอามาแปลให้ทุกคนได้อ่านกันคือ การอุปมา ในเพลงนี้มิสสวิฟต์ใช้วรรณศิลป์รูปแบบนี้ได้อย่างลงตัว ชัดเจน เห็นภาพ (Imagery) เข้าใจได้ แถมยังสวยงามอีก เจ้าแม่เนื้อเพลงอย่างเทเลอร์ สวิฟต์ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง เพราะฉะนั้น ไปดูกันเลย!


    Clean - Taylor Swift (1989)



    [Verse 1]
    The drought was the very worst, ah ah
    ความแห้งแล้งรุนแรงถึงขั้นสุดแล้ว
    When the flowers that we'd grown together died of thirst
    เมื่อหมู่มวลดอกไม้ที่เราปลูกด้วยกันมาล้มตายจากความกระหาย
    It was months, and months of back and forth, ah ah
    จมอยู่กับความรู้สึกที่ไปๆ มาๆ อยู่หลายต่อหลายเดือน
    You're still all over me like a wine-stained dress I can't wear anymore
    เธอก็ยังคงอยู่ในใจฉันเหมือนชุดที่เปื้อนคราบไวน์ที่ฉันจะไม่ใส่มันอีกแล้ว

    เห็นหรือยังว่าเปิดเพลงมาก็เริ่มอุปมาเลย555555 ใน Verse 1 มิสสวิฟต์ก็เท้าความไปถึงความสัมพันธ์ของเธอที่มันจบลงไปแล้ว มวลหมู่ดอกไม้เป็นตัวแทนของความรักซึ่งล้มตายจากความกระหาย ความรักที่เธอเคยได้มันน้อยลงไปเรื่อยๆ จนหมด เธอถึงได้พูดว่าความแห้งแล้งนั้นมันรุนแรงที่สุดแล้ว

    ความฉลาดของท่อนนี้คือมิสสวิฟต์เปรียบว่าความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายคนนั้นเหมือนรอยไวน์ที่เปื้อนเสื้อที่มันกลับมาใส่ไม่ได้แล้ว ความนัยถูกซ่อนอยู่สองอย่างคือ ความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายคนนั้นดูเหมือนจะค่อยๆ เลือนหายเหมือนรอยเปื้อนบนเสื้อ แต่จริงๆ แล้วมันก็ยังอยู่ตรงนั้นไม่เคยจากไปไหน เหมือนรอยแผลเป็นในใจ 

    อีกนัยหนึ่งคือเธอรู้ว่าเสื้อที่มันเปื้อนไวน์มันใส่ไม่ได้แล้ว แต่เธอก็ยังอยากจะเอากลับมาใส่อยู่ดี เหมือนความรักครั้งนี้ที่จบไปแล้ว แต่เธอก็ยังอยากให้มันกลับมาอีกครั้ง (ตีความจากคำว่า can't เพราะคำนี้ไมไ่ด้บอกเจตจำนงความรู้สึก เธอเพียงบอกว่าเสื้อตัวนี้มันใส่ไม่ได้แล้ว แต่ลึกๆ เธออาจจะอยากใส่ก็ได้ ในอีกแง่หนึ่ง หากเปลี่ยนจาก can't เป็น don't อันนี้จะชัดเจนกว่าว่าเธอน่ะไม่ใส่มันเพราะไม่อยากใส่อีกต่อไปแล้ว มันจะกลายเป็นอีกบริบทหนึ่ง)

    [Pre-Chorus]
    Hung my head, as I lost the war,
    ฉันก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ในสงคราม
    and the sky turned black like a perfect storm
    ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีทมิฬดั่งเป็นลางของความวินาศทั้งหลายกำลังมาเยือน

    เมื่อสถานการณ์อันเลวร้ายในความสัมพันธ์ที่มีแต่การปะทะสุดจะยื้อแล้ว เธอก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ว่าเธอไม่สามารถเอาชนะเขาเพื่อรักษาความสัมพันธ์ได้ต่อ เธอก็เห็นเลยว่าทางที่เธอจะเดินต่อจากนี้มันจะมีแต่ความทุกข์ ความรู้สึกเลวร้ายจะต้องมาเยือนเธอแน่ๆ

    Perfect Storm หมายถึง (Ref: Cambridge Dict.) สถานการณ์ที่เลวร้ายสุดขีดที่มีหลายอย่างไม่ดีเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน 

    [Chorus]
    Rain came pouring down when I was drowning
    ฝนก็เทกระหน่ำลงมา ตอนที่ฉันกำลังจมน้ำอยู่
    That's when I could finally breathe
    กลายเป็นว่าเวลานั้นฉันได้หายใจเสียที
    And by morning, gone was any trace of you, 
    แล้วเมื่ออรุณรุ่ง ร่องรอยที่คุณทิ้งไว้ก็อันตรธานไปจนหมดสิ้น 
    I think I am finally clean
    ฉันว่าฉันกลับมาหมดจดอีกครั้งแล้วล่ะ

    ท่อนนี้สามารถตีความได้มากมายเหลือเกิน แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่าความนัยที่ถูกซ่อนเอาไว้คือ ในขณะที่เธอกำลังกระเสือกกระสนดิ้นรนอยู่ในความทุกข์เหมือนกำลังจมน้ำ และคิดว่าต้องอดทนเข้มแข็งเอาไว้เพื่อที่จะผ่านพ้นไป การร้องไห้คือการกระทำอันอ่อนแอ แต่เมื่อมันถึงจุดที่เธอทนไม่ไหวแล้วปล่อยน้ำตาร่วงรินมาเหมือนดั่งฝนเท แทนที่จะดูเหมือนการทำให้การกระเสือกกระสนกับการจมน้ำนั้นยิ่งเลวร้าย กลับกลายเป็นว่าเธอรู้สึกดีขึ้นมา และเมื่อปลดปล่อยออกมาจนหมด ก็พบว่ามันช่วยละลายความรู้สึกที่มีต่อชายคนนั้นให้หายไปหมด และสุดท้ายเธอก็เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง

    จริงๆ แล้วส่วนตัวรู้สึกว่า CLEAN ในเพลงนี้ อาจจะอ้างถึงแนวคิดที่ว่า "ความรักคือสิ่งเสพติด" CLEAN ในที่นี้จึงหมายความว่า (Ref: Cambridge) การเลิกติดยา สามารถขจัดความรักที่เปรียบดังยาเสพติดออกไปจากตัวได้หมดแล้ว 

    [Verse 2]
    There was nothing left to do, ah ah
    ไม่เหลือสิ่งใดที่จะทำอีกแล้ว
    When the butterflies turned to dust, they covered my whole room
    หลังจากที่เหล่าความรู้สึกดีๆ สลายกลายเป็นเศษฝุ่นฟุ้งกระจายเต็มห้องไปหมด
    So I punched a hole in the roof, ah ah
    ฉันเลยตัดสินใจต่อยหลังคาจนเป็นรู
    Let the flood carry away all my pictures of you
    ปล่อยให้กระแสน้ำไหลทะลักเข้ามาท่วม พัดพาเอาภาพเก่าๆ เธอออกไปสักที
    The water filled my lungs, I screamed so loud but no one heard a thing
    แต่กลับกลายเป็นว่าน้ำท่วมทะลักปอด จนไม่ว่าจะกรีดร้องดังเพียงใดก็ไม่มีใครได้ยินแม้แต่น้อย

    ท่อนนี้เทย์เลอร์ สวิฟต์พาเราย้อนกลับไปที่ช่วงเวลาที่เธอพยายามดิ้นรนต่อสู้กับความรู้สึกตัวเอง ในวันที่เธอพยายามก้าวออกจากวงกลมมูฟออน ความรู้สึกดีๆ (มาจากสำนวน Butterflies in the stomach ที่หมายความว่าความรู้สึกปั่นป่วนที่เกิดจากความรู้สึกรัก) มลายกลายเป็นฝุ่นที่กระจายทั่วห้อง จะเห็นได้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้นอย่างแจ่มชัดแล้ว แต่เธอก็ยังจำได้ ยังรู้สึกว่ามันยังอยู่ตรงนั้นแม้จะไม่ชัดเจน เธอเลยคิดจะหักดิบ เจ็บแต่จบ เลยจัดการต่อยกำแพงจนเป็นรูทั้งรู้ว่าข้างบนมีน้ำ (ตีความจากคำว่า Let the flood...) หวังจะให้กระแสน้ำพัดพา ล้างความรู้สึกออกไปให้หมด แต่ก็พบว่ามันก็ต้องแลกกับความเจ็บปวด ผลของการกระทำก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองด้วย และเป็นความเจ็บปวดที่ไม่มีใครเข้าใจด้วยซ้ำ

    จะเห็นว่าท่อนนี้จะแสดงชัดว่าหนทางการมูฟออนมันยากเย็นเหลือเกิน จะต้องทนความเจ็บปวดอย่างสาหัสสากรรจ์ เห็นภาพได้อย่างชัดเจน

    [Bridge]
    Ten months sober, I must admit
    แม้จะหลุดพ้นไปแล้วสิบเดือน แต่ก็ต้องยอมรับว่า
    Just because you're clean don't mean you don't miss it
    เพียงแค่ร่างกายหมดจดแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่กลับไปคิดถึงมันอีก
    Ten months older I won't give in
    แต่สิบเดือนที่คิดถึงนั้น ก็เป็นช่วงเวลาที่โตขึ้น และฉันจะไม่ยอมแพ้แน่
    Now that I'm clean I'm never gonna risk it
    เพราะตอนนี้ฉันหมดจดแล้ว ฉันไม่มีวันกลับเสี่ยงติดอีกครั้งเป็นแน่

    เอาจริง ท่อนนี้เป็น Golden Bars ในแง่ของเมโลดี้และเนื้อเพลง เป็นท่อนย้ำเตือนตัวเองให้เจ็บแล้วจำ และท่อนนี้เป็นท่อนที่รองรับว่า CLEAN นี้น่าจะหมายถึงการเลิกเสพติดความรัก มีคำว่า 'SOBER' มาช่วยอีก

    ความรู้สึกมนุษย์มันก็ห้ามไม่ได้หรอก มันก็จะมีบางช่วงบ้าง แม้ว่าเราจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว เราก็จะหวนกลับไปคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่ทำให้ใจฟูบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่เราก็ต้องย้ำเตือนตัวเองเสมอว่า เราผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้อย่างทรหด กระเสือกกระสน ดิ้นรนเพียงไหน เราจะไม่ยอมกลับไปเยียบที่นั่นให้เจ็บปวดเหมือนเดิมอีกแน่ 

    สองท่อนสุดท้ายถือได้ว่าเป็นพระราชิโนวาทของราชินีเทย์เลอร์ สวิฟต์เลยก็ว่าได้ กล่าวไว้ให้กับบุคคลใดๆ ที่ยังหวนถึงอดีตไม่ยอมเปิดใจหรือมูฟออนจากเหตุการณ์เก่าๆ สักที 

    เพลง Clean นี้ถือว่าเป็นเพลงทำให้รู้สึกถึงความยากลำบากของการมูฟออนที่แท้จริง เทย์เลอร์ สวิฟต์ถ่ายทอดความเจ็บปวดออกมาได้อย่างเห็นภาพชัดเจน แถมยังแจกบทเรียนให้กับผู้ฟังอีกด้วยว่า ไม่เป็นไรหากจะกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าๆ แต่จะให้กลับไปคงไม่มีวัน มองย้อนกลับไปมองความเจ็บปวดที่ผ่านแล้วมันช่างหนักหนาเกินไป 

    ขอเป็นหนึ่งกำลังใจสำหรับคนที่กำลังหาทางมูฟออน มันต้องแลกด้วยความเจ็บปวดมากมาย แต่สุดท้ายคุณจะกลับมาหายใจได้และ 'หมดจด' อีกครั้งนะ :)

    Keep On Fighting!
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Pailin Vrs (@fb1221213876320)
ขอบคุณนะคะ 🥺 I’m never gonna risk it ka
Yaowapha Thongyoy (@fb1021081285647)
เราชแบอ่านงานแปลเพลงของเธอมาก เพราะมันละเอียดและเข้าถึงเพลงสุดๆ ขอบคุณที่ช่วยให้เราเข้าถึงเจตนารมณ์ของศิลปินทุกคนน้าา