คอนเนอร์มั่นใจว่าตัวเองค่อนข้างฉลาดมาก จะเรียกว่าเข้าขั้นอัจฉริยะก็คงไม่ผิด ระบบวิเคราะห์สามารถทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลก็อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ
ทว่าเขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าเจ้าก้อนชีสเบอร์เกอร์ที่วัดแคลอรีออกมาได้ปริมาณน่าตกใจและน่าจะส่งผลร้ายอย่างมากกับร่างกายของมนุษย์ก้อนนั้น ทำไมผู้หมวดถึงได้ถูกอกถูกใจกับมันหนักหนา
ว่าแล้ว สายตาอัจฉริยะที่ถูกออกแบบมาให้ดูใสซื่อเป็นมิตรเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและทำให้เข้ากับมนุษย์ได้ง่ายคู่นั้นก็เลื่อนจากชีสเบอร์เกอร์ร้อน ๆ ที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง ไปยังชายที่กำลังสวาปามมันลงไปอย่างเอร็ดอร่อยคล้ายไม่แยแส และไม่เคยคำนึงถึงค่าตัวเลขโภชนาการเหล่านั้นเลยแม้แต่นิด ประเมินมองอยู่เงียบ ๆ พลางพยายามถอดสมการออกมาว่าทำไม เพราะอะไร และเหตุใด มันจึงเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมนัก
"...อะไร?"
"ครับ?"
คนเป็นตำรวจหยุดกิน ส่งสายตาดุ ๆ ลอดเส้นผมที่ยุ่งเหยิงปรกหน้าผากเจ้าตัวมองกลับมา
"นายมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นหมายความว่าไง? มีปัญหาอะไรฮะ"
"สายตาแบบนั้น คือสายตาแบบไหนเหรอครับ? แล้วผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร..." คอนเนอร์หยุดคิดอยู่เสี้ยววินาที "อ้อ อันที่จริงแล้วก็มี ปัญหานี้ผมไม่สามารถขบคิดได้เสียทีจนอยากจะพาตัวเองไปเช็กความผิดปกติของอุปกรณ์ภายในเหมือนกัน เพราะผมพยายามคิดมานานแล้วตั้งแต่เราพึ่งรู้จักกัน แต่ก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าทำไมคุณถึงติดอกติดใจอาหารแคลอรีสูงชนิดนี้ได้ แถมยังต้องทานคู่กับเครื่องดื่มอัดแก๊สสีดำนั่นประจำ"
แฮงค์ แอนเดอร์สันสาบานได้ว่าไม่เคยมีแอนดรอยด์ตัว--คนไหน ที่ทำให้เขาพิศวงงงงวยได้ไม่รู้จักจบสิ้นได้แบบคอนเนอร์อีกแล้ว ไม่มี
"...ก็ไม่ทำไม แค่ชอบ มันก็แค่ของกิน อร่อยดี ไม่ได้มีเหตุผลอะไร" ยักไหล่แล้วกินต่อ
"แต่ว่า ผมไม่แนะนำให้คุณทานมันในปริมาณที่มากและติดกันทุกวันแบบนี้นะครับ แล้วยังเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่คุณดื่มบ่อย ๆ พวกนั้นด้วย มันไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายของคุณนะครับผู้หมวด อย่างน้อย ๆ ก็เริ่มจากลดปริมาณมันลงบ้างได้ไหมครับ? หรือลองเปลี่ยนไปทานสลัดผักแทนบ้างบางครั้งก็ได้ นะครับ?"
ก็อีกนั่นแหละ แฮงค์สาบานได้ ว่าเขาเหมือนเห็นแววตาคู่นั้นเจือความเป็นห่วงจาง ๆ อย่างที่ไม่เคยได้จากใครหรือหุ่นตัวไหน นั่นทำให้เขาทั้งอดทึ่งและตื้นตันเล็กน้อยไม่ได้
เขาไม่เหลือเพื่อนสนิทมิตรสหายที่จะมอบความห่วงใยให้กันแล้ว แม้แต่เจ้าซูโม่มันยังไม่แม้แต่จะรักภักดีเขา ห่วงก็แต่ของกินที่เขาเทให้ว่าจะได้น้อยกว่ามื้อที่แล้วหรือเปล่า แต่กับหุ่น...กับแอนดรอยด์ที่จดจ้องมาที่เขาพลางสั่งสอนแนะนำเขาอย่างที่ใครอื่นก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิด กลับมาแสดงความห่วงใยเอาใจใส่กัน…
แล้วไอ้ ‘นะครับ’ ที่ดูเหมือนเป็นการขอ...อ้อน? นั่นอีก
ไม่เหมือนใครจริง ๆ...แต่นั่นก็ถือเป็นเอกลักษณ์และเสน่ห์...ที่ทำให้แฮงค์เปิดใจยอมรับแอนดรอยด์ เปิดใจยอมรับคอนเนอร์แต่แรกไม่ใช่หรือ?
"...มันก็แค่เบอร์เกอร์ ฉันว่าฉันก็เคยบอกนายแล้วไม่ใช่หรือไง คนเราช้าเร็วยังไงสักวันมันก็ต้องตายเหมือน ๆ กันหมดนั่นแหละ วันดีคืนดีฉันอาจจะตายระหว่างทำคดีก็ได้ ใครจะรู้ ถึงจะกำหนดชะตากรรมการตายของตัวเองไม่ได้ แต่อย่างน้อย ๆ ก็ขอเลือกสิ่งที่ฉันยัดเข้าปากตัวเองอย่างตามใจชอบหน่อยเถอะน่า"
แน่นอนว่าแอนดรอยด์อย่างคอนเนอร์ไม่เข้าใจสักนิด ว่าแล้วมันเกี่ยวกันยังไง ตายตอนนี้หรือตายตอนไหน แล้วทำไมจะต้องเบอร์เกอร์ที่ชีสยังเยิ้ม ๆ? แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบ และปล่อยให้ผู้หมวดได้ดื่มด่ำกับมื้ออาหารข้างถนนอบอวลด้วยกลิ่นควันไอเสียและเสียงคนทะเลาะกันอึงอลห่างไปอีกสองบล็อกนั่นต่อไป
ถึงอย่างงั้น สายตาและหน่วยประมวลผลของเขายังคงไม่หยุดนิ่ง ยังทำงานของมันไปอย่างต่อเนื่อง มองคนกำลังกินประหนึ่งว่านั่นเป็นหลักฐานชิ้นเขื่องจากคดีที่รอให้เขาถอดรหัสเพื่อต่อยอดนำไปสู่การจับกุมคนร้าย และจะไม่หยุดจนกว่าจะได้รับคำตอบที่ค้างคาอยู่ในระบบ
ในที่สุดสายตาก็วนมาหยุดอยู่ที่ของเหลวลักษณะข้นหนืดสีออกเหลืองเข้มค่อนไปทางส้มซึ่งเกาะเลอะอยู่บนหนวดของแฮงค์ (แถมข้างมุมปากนั่นก็ยังมีร่องรอยของซอสมะเขือเทศเปรอะอยู่อีก) ประมวลผลไว ๆ ได้ความว่ามันคือชีส ผลิตภัณฑ์จากนมแปรรูปที่ดูเหมือนมนุษย์จะชอบมาใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารหลายอย่าง
คอนเนอร์ไม่สามารถรับรู้รสได้ แน่นอนว่าแฮงค์เคยบอกว่าเขาการที่เขาใช้นิ้วแตะบลูบลัดเข้าปากมาเพื่อวิเคราะห์หารุ่นและข้อมูลต่าง ๆ นั้น ‘ขยะแขยงชวนอ้วกสิ้นดี’ แต่ใช่ว่าเขาจะรู้รส มันเป็นแค่การคำนวณและทดสอบ ลิ้นของเขาไม่ได้ทำงานเหมือนกับมนุษย์เสียทีเดียว จึงไม่เคยรู้สึกถึงรสของสิ่งที่นำเข้าปาก
แต่ชั่วขณะนั้นเขากลับอยากรู้ เป็นความสงสัยใคร่รู้ ตามวิสัยของแอนดรอยด์ที่ขยันเก็บข้อมูลเพื่อนำไปคิด วิเคราะห์และค้นคว้าแทบจะตลอดเวลา อยากจะรู้จริง ๆ ว่าเจ้าชีสเยิ้ม ๆ นั้นมันเป็นอย่างไรนะ มีรสแบบไหน ถึงทำให้ใครต่อใครและแฮงค์นิยมชมชอบมันนัก
ปฏิกิริยาต่าง ๆ ของแอนดรอยด์นั้นฉับไวเสมอ ฉะนั้น เมื่อมีความคิดนี้แวบเข้ามาในระบบประมวลผล ระบบภายในร่างก็สั่งการแขนของเขาให้ยืดออกไปทันที นิ้วชี้และนิ้วกลางสัมผัสลงไปเบา ๆ บนชีสที่เลอะอยู่ ปาดออกมาอย่างรวดเร็วในปริมาณไม่มากไม่น้อย เอาแค่พอดี ๆ และไม่แม้แต่จะลังเลหรือรีรอที่จะนำเข้าปากไปแตะลงบนลิ้นตัวเอง
แฮงค์ชะงักกึก เบอร์เกอร์ยังงับลงไปไม่ทันจมฟันดีก็ปล่อยให้มันค้างอยู่อย่างนั้น เบิกตากว้างมองสิ่งที่เกิดขึ้นเร็วแทบจะในช่วงกะพริบตา รู้สึกหัวตื้อจนคิดตามไม่ทันว่ามันพึ่งเกิดเรื่องบ้าอะไรกันขึ้น
นี่เจ้าคอนเนอร์พึ่งจะ...
ว้อท เดอะ ฟ--
นี่เขาแก่จนเลอะเลือนไปแล้วหรือไงวะ!? หรือที่กระดกลงคอหอยไปเมื่อคืนมันแรงเกินไปจนป่านนี้ก็ยังไม่สร่างดี? คอนเนอร์เนี่ยนะจะปาดชีสที่เลอะบนหนวดเขาเข้าปาก...ไปชิม?
ในหัวตอนนี้มีแต่เจ้าคำที่ขึ้นต้นด้วยตัวเอฟและมีพยางค์เดียวเต็มไปหมด ย้ำซ้ำ ๆ ไม่รู้จบ เหมือนสายตามองไม่เห็นสิ่งใดอื่นนอกจากแอนดรอยด์ที่นิ้วยังคาปาก ยืนทื่อเหมือนแบตหมดแต่ที่จริงน่าจะกำลังคิดคำนวณอะไรก็แล้วแต่สุดจะคาดเดาอยู่ หูตัดทุกสรรพเสียงรอบกาย ปากพลันไม่รับรู้รสเบอร์เกอร์เนื้อแน่นชีสฉ่ำแสนอร่อยอีกต่อไป แถมช่วงที่กำลังอึ้งยังเผลอปล่อยมันหลุดมือหล่นไปกองแผละเละเทะกับพื้นที่ปลายเท้าเรียบร้อยแล้ว แต่ใครเล่าจะมีกะใจก้มลงไปเก็บหรือสนใจโวยวายว่าเบอร์เกอร์อาหารสุดที่รักมีสภาพน่าอเนจอนาถไปแล้วหรือรองเท้าจะเลอะชีสและซอสมะเขือเทศเป็นปื้นไปขนาดไหน
“นี่…”
“อืม...ผู้หมวดครับ คุณช่วยบรรยายให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับว่าชีสมันมีรสอย่างไร ผมอยากลองชิมดู เพราะเห็นคุณและรู้มาว่ามนุษย์ส่วนมากชอบรสชาติของมัน แต่ลิ้นของผมมันไม่ได้มีไว้เพื่อรับรส จึงไม่สามารถบอกได้จริง ๆ...หมวดครับ? หมวด?”
เจ้าตัวร้ายในที่สุดก็รู้ว่านายตำรวจอาวุโสบางคนนิ่งเงียบนานเกินไปแล้ว จึงโคลงหัวมองอย่างฉงนสงสัย กะพริบตาน้อย ๆ และรีบวิเคราะห์หาคำตอบในประเด็นใหม่ทันที แต่ก็ไม่เป็นผล
ดี!
ดีจริง ๆ
เป็นตำรวจมาก็นานกว่าครึ่งค่อนชีวิต ไล่จับผู้ร้ายข่มขู่ใช้กำลังกับผู้ต้องสงสัยมาก็มาก ถึงขั้นยิงกันตายก็นับไม่ถ้วน ผ่านทั้งร้อนและหนาว มีทั้งขึ้นสูงและลงมาต่ำสุด เรียกได้ว่าใช้ชีวิตคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แต่ในชีวิตหมวดแอนเดอร์สันไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์ที่ชวนให้รู้สึก...รู้สึกอะไรบางอย่างแบบนี้มาก่อนเลย เวรเอ๊ย! ไอ้หุ่นกระป๋องเวรตะไล!
ฟัค!!
ฟัคเอ๊ย!
ฟัคตัวเอง! แล้วก็ฟัคเจ้าหุ่นบ้านี่! มันน่าทุบทิ้งนัก!
นึกแล้วก็ชักโมโห...กลบเกลื่อน กลับหลังหันกระทืบเท้าก้าวเดินตึง ๆ เป็นพายุโหมกระหน่ำไปทางรถบุโรทั่งคันโปรดทันทีอย่างไม่รอใครบางคนที่พามาด้วยกันแต่แรก
คอนเนอร์ที่ไม่เข้าใจอะไรเลยและได้เพิ่มเรื่องที่ยังคิดไม่ตกเข้ามาในคลังข้อมูลอีกเรื่องรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไว ๆ ตามไปทันที
“ผู้หมวด? จะไปไหนน่ะครับ แล้วเบอร์เกอร์นั่น ไม่ทานแล้วหรือครับ คุณพึ่งจะทานไปได้นิดเดียวเองนะครับ ให้ผมซื้อให้ใหม่ไหมครับ?”
“ช่างหัวเบอร์เกอร์มันสิวะ!” หันกลับมากระชากเสียงไปสักที แต่พอเห็นนัยน์ตาใส่แจ๋วเป็นลูกหมา แล้วยังหางในจินตนาการที่กวัดแกว่งไปมาพึ่บพั่บอยู่ข้างหลังนั่น แฮงค์ก็สบถกับตัวเองแล้วรีบหันกลับไปทันที เปิดประตูรถเข้าไปนั่งก่อนจะปิดตามหลังดังโครม
รอจนแอนดรอยด์โมเดล RK800 ตามเข้ามานั่งและใส่เข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย ก็สตาร์ทเครื่อง ก่อนจะเปิดเพลงดาร์กเฮวีเมทัลเสียกระหึ่มรถแล้วเหยียบคันเร่งกระชากตัวออกไปทันที
,
,
,
“ผู้หมวดครับ?”
“..”
“ทำไมไม่ทานแล้วล่ะครับ”
“...ก็ไม่นึกอยากกินแล้ว”
“ทำไมหรือครับ”
“......ก็ไม่อยากกิน อยากกินอย่างอื่นแทน.." (สายตาเผลอละจากถนนด้านหน้ามองไปที่ปากของคอนเนอร์ ก่อนจะรู้สึกตัว) “อะไร มองทำไม ไม่ได้หรือไงล่ะ?...ทีเมื่อกี้ใครล่ะอยากให้ฉันเลิกกินนักหนาฮะ”
“อ้อ” (พยักหน้าน้อย ๆ เหมือนจะยิ้มหน่อย ๆ)
“...”
“...หมวดครับ?”
“...อะไร”
“นี่จะรีบร้อนไปไหนหรือครับ หรือว่ามีคดีเกิดขึ้น?”
“...ก็ งั้นมั้ง”
“อ๋อ ครับ”
“...”
“...”
“...เฮ้ คอนเนอร์”
“ครับ?”
“...เลิกเรียกหมวด ๆ ซะที จนป่านนี้แล้ว นี่เรียกแต่หมวดจนฉันจะลืมชื่อตัวเองแล้วนึกว่าชื่อหมวดนามสกุลแอนเดอร์สันไปซะแล้ว พอเหอะ เก็บไว้ให้พวกที่สถานีมันเรียกก็พอ”
“? ได้ครับ” (พยักหน้าอย่างว่าง่ายแม้จะไม่ค่อยเข้าใจ)
“...เรียกฉันแฮงค์ก็พอ”
“ครับแฮงค์”
“...” (เหมือนจะยิ้มนิด ๆ ที่ได้ยินชื่อตัวเอง)
“...”
“หันไปซะทีสิวะ มองทำไมอยู่ได้! ฟัค!” (รถแฉลบออกข้างทางไปเฉี่ยวคนเดินบนทางเท้าเล็กน้อยและได้คำด่ากลับมา ก่อนคนขับอารมณ์ร้ายจะลดกระจกตะโกนด่ากลับไป)
"แฮงค์ครับ"
"อะไร!?"
"เหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนะครับ คุณมีอะไรก็คุยกับผมได--"
"เรื่องของฉัน! หุบปากไป!"
ขอบคุณสำหรับฟิคน่ารักๆค่ะ ชอบมากมาก <3
ความคีพคาแร็กเตอร์ ความเรียล ความทุกสิ่ง บรรยายถึงตาใสๆคู่นั้นที่สุดจะตะมิน้องก็ไม่สามารถรอดไปไหนได้แล้วค่ะ
ขอบคุณมากๆสำหรับฟิคนะคะ
// วงแหวนหมุนติ้วเป็นสีแดงและเข้าสู่เซฟโหมดไปเงียบๆ