.
.
Manuel Neuer & Uchida Atsuto
นอนไม่หลับ...
พยายามข่มตาตัวเองยังไงก็นอนไม่หลับ
อุจิดะยอมแพ้แล้วพลิกตัวตะแคงหานาฬิกาปลุกที่วางอยู่ข้างหัวเตียง อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา จะ เที่ยงคืนแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายระหว่างทีมชาติเยอรมันและอาร์เจนติน่ากำลังจะเริ่มขึ้น ถึงแม้ทีมชาติญี่ปุ่นจะไปไม่ถึงจุดหมาย แต่ทั้งเขาและเพื่อนร่วมทีมชาติต่างได้เรียนรู้อะไรมากมาย แต่มันไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้เขานอนไม่หลับสักหน่อย อุจิดะลุกขึ้นนั่ง ขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดก่อนที่จะเดินไปเปิดไฟและกลับมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่เดิม
เสื้อบอลแขนยาวสีดำที่ปักเลขโดดนำโชคพร้อมชื่อใครบางคนที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า
นั่นแหละตัวปัญหาที่ทำให้เขานอนไม่หลับ
.
.
“เดี๋ยวแวะไปซื้อเสื้อที่ช็อปชาลเก้หน่อยนะ เออ...ถ้าไม่รบกวนนายจนเกินไป ช่วยเซ็นชื่อให้ด้วยได้ไหม”
“นายจะซื้อเสื้อช็อปไปทำไม”
“ก็...”
“ไม่ต้องซื้อ เอาเสื้อฉันไปเนี่ยแหละ เก็บดีๆล่ะ”
.
.
ถ้าอุจิดะนับเลขไม่ผิด ก็สามปีเข้าไปแล้วที่ได้เสื้อมาจากมานูเอล นอยเออร์ กัปตันทีมชาลเก้ในตอนนั้น อุจิดะเซ็นสัญญาย้ายจากญี่ปุ่นไปยังสโมสรชาลเก้ซึ่งอยู่ในลีคเยอรมันตั้งแต่ปี2010 ซึ่งนอยเออร์ก็เป็นคนที่คอยให้ความช่วยเหลือนักเตะญี่ปุ่นตัวจ้อยที่ภาษาเยอรมันก็พูดไม่ค่อยได้ ฟังก็ไม่ค่อยออกอย่างเขาตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้าร่วมทีม หากไม่มีนอยเออร์ในตอนนั้น อุจิดะก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าเขาจะผ่านช่วงเวลาอันแสนยากลำบากในการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆได้ยังไง ความทรงจำดีๆมากมายส่วนหนึ่งก็มาจากนอยเออร์ ทั้งตอนแมตช์ชาลเก้แฟรงเฟิร์ตหลังแผ่นดินไหวใหญ่โฮขุ ทั้งตอนฉลองแชมป์เดเอฟเบโพคาล และอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน จนนอยเออร์ย้ายไปอยู่บาเยิร์นแล้วยกเสื้อเบอร์1ที่คนตัวโตใส่เล่นให้ชาลเก้เป็นครั้งสุดท้ายให้เขามาแขวนอยู่ตรงหน้าเนี่ยแหละ
หลังจากนั้น ถึงจะติดต่อกันบ้าง เจอกันตามแมตช์บ้าง
แต่วันที่ได้นั่งรถเล่นกับนอยเออร์ก่อนที่เจ้าตัวจะย้ายวันนั้น
เป็นวันสุดท้ายที่ได้ใช้เวลาร่วมกันสองคนจริงๆ
“ให้ตายสิ ฉันจะเอายังไงกับแกดีนะ”อุจิดะบ่นพึมพำ เขาจะไม่เครียดจนนอนไม่หลับเลยหากตัดสินใจส่งข้อความให้กำลังใจนอยเออร์เหมือนที่ส่งให้เพื่อนคนอื่นๆในทีมเยอรมันตั้งแต่แรก ไม่รู้เป็นเพราะความคิดถึงหรือนึกคึกอะไรทำให้อุจิดะไม่ไปเชียร์แมตช์สุดท้ายที่ร้านอาหารร่วมกับเพื่อนทีมชาติคนอื่นๆ อยู่ๆก็อยากกลับบ้านมาถ่ายรูปตัวเองใส่เสื้อที่นอยเออร์ยกให้ส่งไปแทนข้อความ แต่ด้วยความที่ค่อนข้างย้ำคิดย้ำทำ เขาจึงไม่กล้าหยิบมันออกมาใส่แล้วถ่ายรูปสักที
ได้แต่นั่งมองเสื้อแล้วนึกย้อนกลับไปวันที่นั่งรถเล่นด้วยกัน อุจิดะยังจำสีหน้าและแววตาของนอยเออร์ได้ดี คนตัวโตดูตื่นเต้นเอามากๆกับการได้พาเขาไปยังสถานที่ต่างๆที่เติบโตมา หนำซ้ำยังพาไปกินไอศกรีมร้านโปรดอีกต่างหาก ถึงระยะเวลาที่ได้อยู่กับนอยเออร์มันสั้นแสนสั้น แต่อุจิดะรู้จักเพื่อนของเขาดีพอที่จะรู้ว่ามันยากสำหรับนอยเออร์ที่ต้องจากเมืองเกิดไป อุจิดะเดาเอาเองว่าที่นอยเออร์ทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้เขาคอยอยู่ดูแลชาลเก้พร้อมๆกับบอกลาไปในตัว
เวลามองไปรอบๆสนามแล้วไม่เห็นนอยเออร์ ไม่มีอ้อมกอดจากคนตัวโตหลังจากจบเกมส์
บางทีก็อดคิดถึงเพื่อนไม่ได้จริงๆ
แต่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ นอยเออร์ของเขาเติบโตและแข็งแกร่งกลายเป็นผู้รักษาประตูระดับโลก และในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ทีมชาติเยอรมันกำลังจะลงแข่งขันแชมป์โลก บางทีเขาควรเลิกย้ำคิดย้ำทำแล้วส่งกำลังใจไปให้นอยเออร์อย่างที่ใจอยากทำสักที
“เอาวะ”
อุจิดะลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมที่จะล้างหน้าให้สดชื่นก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแชะภาพ ลังเลอยู่พักหนึ่งกับการพิมพ์ข้อความ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจพิมพ์แค่ ‘สู้ๆ’ เป็นภาษาเยอรมันแล้วกดส่งในทันที อุจิดะโยนโทรศัพท์ไปอีกฝั่งของเตียงพร้อมทิ้งตัวลงนอน พยายามไม่ใส่ใจหัวใจที่กำลังเต้นรัวเป็นกลองแซมบ้า พยายามปิดรอยยิ้มไม่ให้ใครเห็นทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่ในห้อง
ไม่ถึงห้านาที เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
อุจิดะเด้งตัวเองลุกขึ้นนั่ง รีบคว้าโทรศัพท์ที่เพิ่งจะโยนไปกลับมาอยู่ในสองมือที่สั่นหงิกๆด้วยความตื่นเต้น ปลายสายโชว์เบอร์จากต่างประเทศชัดเจนว่าใครเป็นคนโทรมา อุจิดะกดรับ แต่รอ... รอให้อีกฝ่ายเป็นคนเริ่มก่อน
“...อุจจี้?”
“ไง”
“ดีจังที่ได้ยินเสียงนาย”
บ้าเอ้ย... แล้วยังงี้เขาจะกลั้นยิ้มไว้ได้ยังไงเล่า
“ตอนแรกว่าจะส่งข้อความกลับ แต่คิดถึงนาย เลยคิดว่าโทรมาดีกว่า ตอนนี้อยู่คนเดียวเหรอ ฉันคิดว่านายจะไปเชียร์ข้างนอกกับพวกเพื่อนๆซะอีก”
“ไม่อ่ะ ไม่อยากออกไปไหน”
“งั้นเหรอ”
“มานู...”
“ว่าไง”
“เอ่อ... นาย..เห็น....เห็นรูปรึเปล่า”
“อ๋อ รูปเสื้อใช่ไหม ฉันดีใจนะที่เห็นนายเก็บรักษามันไว้อย่างดี ขอบคุณนะ อุจจี้”
“อืม...”
อุจิดะทิ้งช่วงไปพักหนึ่ง ความคิดกับคำพูดเขาตีกันอีกแล้ว ใจไปอีกทาง สมองไปอีกทาง แต่สุดท้ายแล้ว เขาเลือกที่จะฟังหัวใจ
“ฉันเชียร์นายอยู่นะ มานู”
คราวนี้เป็นฝ่ายนอยเออร์ที่ทิ้งช่วงไป อุจิดะหายใจแทบไม่ทั่วท้อง หนึ่งวินาทีก็ดูจะยาวนานสำหรับเขาเหลือเกิน
.
“ฉันรู้...”
“ฉันรู้ว่านายเชียร์ฉันอยู่เสมอ”
.
หลังจากประโยคนั้นของนอยเออร์ อุจิดะไม่รู้ว่าเขาได้ตอบอะไรกลับไปไหม เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสายตัดไปตอนไหน บางทีอาจจะเป็นตอนที่นอยเออร์บอกว่าต้องลงจากบัสเพื่อไปวอร์มร่างกาย บางทีอาจจะเป็นตอนนั้นก็ได้ อุจิดะเผลอจับเสื้อแน่น เขานั่งนิ่งขณะคิดอะไรหลายๆอย่างอยู่ในหัว ความรู้สึกคิดถึง ดีใจ เศร้า ตื่นเต้น อะไรหลายๆอย่างตีกันอยู่ภายในนั้น
ทันทีที่ได้สติ เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความให้คนที่เพิ่งวางสายไปอีกครั้ง
‘No matter what’s happened,
I’ll always stand by you, the same way you stand by me.
Do your best Manu! I know you can do it. I believe in you.
Love, Uchida.’
และภายในไม่ถึงห้านาที...
‘When the world cup is over, make some time for me.
So we can go to that ice cream shop together again.
I’ll wait, Manu’
เผลอยิ้มกว้างออกมาไม่รู้ตัว แต่คราวนี้อุจิดะไม่พยายามปิดมันเอาไว้ เขากดเซฟข้อความ เปิดโทรทัศน์รอการถ่ายทอดสดแมตช์สุดท้าย อุจิดะตื่นเต้นกับการแข่งขันนี้พอๆกับที่ตื่นเต้นกับการไปร้านไอศกรีมร้านโปรดของนอยเออร์อีกครั้ง
แต่ที่มากไปกว่านั้น
เขาหวังว่าการกลับไปครั้งนี้
นอยเออร์จะมีถ้วยแชมป์โลกติดมือกลับไปด้วย
เขาหวังให้มันเป็นอย่างนั้น
เขาเชื่อว่ามานูของเขาทำได้...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ทันทีที่สัญญาณการถ่ายทอดสิ้นสุดลง
อุจิดะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้อความอีกครั้ง เขาปาดน้ำตาแห่งความปิติออกอย่างลวกๆ
แน่นอนว่ามานูทำได้ เยอรมันทำได้
พวกเขาเป็นแชมป์โลก
และอุจิดะดีใจกับพวกเขาจริงๆ
‘Congrats Manu! You did it!
And I think I need Chocolate chip ice cream when I meet you.
Uchida’
‘Sure!
You can have every flavor you want. It’s on me!
I miss you Uchi. can’t wait to see you.
Manuel’
.
.
.
ฉันก็คิดถึงนายเหมือนกัน
แล้วเจอกันนะ…
มานูของฉัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in