อ๊ะ ช้าก่อน ใครอ่านชื่อเรื่องนี้ก็อาจมีความคิดว่ามันจะต้องเศร้า ชนิดอ่านไป น้ำตาไหลพรากใช่มั้ย
เราจะบอกว่า มันไม่ใช่แบบนั้นเลย! ไม่เชื่อลองมาอ่านเรื่องย่อดูก่อน
ในยุคที่คนเรามีบริการโทรแจ้งเมื่อถึงวันตายของคุณ สายเรียกเข้าเรียบง่ายที่เมื่อรับแล้ว มันจะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดการ บริการนี้นั้น คุณจะมีเวลา 24 ชั่วโมงหลังจากได้รับสาย(หรือน้อยกว่านั้น) ในการตัดสินใจว่าจะใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างไร อาจจะหมกตัวอยู่ในห้องเพราะหวังว่าอาจจะโชคดี หลุดรอดจากเงื้อมมือของความตาย หรือจะออกไปใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยงก่อนที่จะไม่มีโอกาส แต่ไม่ว่าเราจะตัดสินใจยังไง มีสิ่งหนึ่งที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน นั้นคือ "เราจะตาย" แบบไม่มีทางเลี่ยงได้
การดำเนินเรื่องนั้น หนังสือจะติดตามชีวิตของสองคน คือ Mateo หนุ่มเนิร์ด introvert อายุ 18 กับ Rufus หนุ่มนักปั่น อายุ17 ที่แทบจะเป็นขั้วตรงข้ามของ Mateo โดยเล่าเป็น 2 narrative โดยอาจมี narrative ของคนอื่นสอดแทรกเข้ามาเติมเต็มให้เรื่องสมบูรณ์ขึ้นนั่นเอง
เราชอบการที่่หนังสือเล่มนี้ จับประเด็นของโอกาส การใช้ชีวิต และการสูญเสีย มาเล่าให้ออกมาในรูปแบบย่อยง่าย ไม่น่ากลัว และเมื่อเราอ่านจบ มันทำให้เราได้หยุดและครุ่นคิดอย่างจริงจังว่า ถ้าวันหนึ่งเราตื่นมาและพบว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเราบนโลก เราจะใช้เวลาที่เหลือของเรายังไง ตลอดระยะเวลาที่เราใช้ในการอ่านหนังสือเล่มนี้ เราคิดเสมอว่า "เออ บางทีเราอาจจะไม่มีพรุ่งนี้ก็ได้นะ อยากทำอะไรก็ต้องรีบทำ อยากพูดอะไรกับใครก็ต้องพูดแล้วก่อนมันจะสายเกินไป"
ส่วนตัวเราเอง คิดว่าถ้าเรารู้วันตายของตัวเอง ก็คงมีการจัดงานศพเรียบง่ายให้ตัวเอง พูดคุยกับคนที่เราสนิทด้วยและคนในครอบครัว ร่ำลากันตอนที่เรายังมีโอกาสได้ยินสิ่งที่เขาพูดอยู่ หลังจากนั้นก็คงออกไปใช้ชีิวิตให้สมใจอยาก ให้ลืมไปเลยว่านี่เป็นวันตายของเรา ให้ขึ้นว่าเราได้ตายอย่างไม่เสียดายอะไรแล้วนั่นเอง
ปิดท้ายด้วยสองโควทที่เราชอบมาก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in