(엔디브와 함께 잠에 드는 것)
By: jangnamooa
[Trans]
สวัสดีครับ ตอนนี้ผมนั่งเขียนบล็อกนี้ไปพร้อมกับฟังเพลงอยู่ เพลงนี้เข้ากับวันที่ฝนโปรยเบาๆ อย่างวันนี้
จริงๆ ช่วงนี้ผมฟังบ่อยมากเลยครับ รู้สึกว่ามันช่างเข้ากับบรรยากาศของวันฝนตกแบบนี้เหลือเกิน
ครั้งก่อนผมก็เขียนเปิดบล็อกด้วยท่าทีเขินๆ ไปแล้ว คราวนี้เลยขอปรากฏตัวอีกครั้งแบบเนียนๆ พร้อมกับแนะนำเพลงแทนครับ ถ้าใครที่เผลอรอบล็อกของผมอยู่ ต้องขอโทษและขอบคุณมากๆ ครับ เอาล่ะ ไหนๆ ก็พูดถึงเพลงแล้ว งั้นขอแชร์ความรู้สึกที่ผมมีต่อเพลงนี้สักหน่อยแล้วกันครับ
Asleep Among Endives เป็นซิงเกิลของ Ichiko Aoba ที่ปล่อยออกมาในปี 2021 เพลงนี้โดดเด่นด้วยเสียงกีตาร์ไนลอนที่อ่อนโยน และเสียงร้องที่ชวนให้รู้สึกถึงความคิดถึงในอดีตอย่างสงบ ฟังแล้วผมมักจะนึกถึงภาพท้องฟ้าและหน้าต่างยามเช้ามืดในวัยเด็ก ตอนที่ตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วมองออกไปเห็นโลกภายนอกที่เงียบสนิท
ภาพปกที่มีหมอกปกคลุมหนาทึบก็ยิ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกนั้นขึ้นมาอีก ผมเคยอยู่ในย่านที่หมอกลงบ่อยมากครับ เวลาที่ออกไปเดินเล่นตอนดึก จะรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในเมืองที่ถูกหมอกยึดครอง ถนนดูเหมือนถูกขังไว้ในความเงียบ หมอกมักจะถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของ “ความไม่แน่นอน” หรือ “การตัดขาดจากโลกภายนอก” ใช่ไหมครับ
สำหรับผมแล้ว เวลาที่เห็นหมอกในงานศิลปะหรือในเพลง มักจะรู้สึกถึงความอบอุ่นบางอย่างเสมอ หมอกถึงจะบดบังการมองเห็น แต่มันก็เหมือนเกราะป้องกันที่อ่อนโยน ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย เหมือนอยู่คนเดียวในโลกนี้เลยครับ เพราะแบบนั้น เพลงนี้เลยทำให้ผมรู้สึกทั้งเหงาและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน
เวลามองภาพปกของเพลง ผมก็มักจะคิดว่า—บางที ที่ปลายหมอกนั้นอาจเป็น “ขอบของโลก” ก็ได้
---
세상의 끝자락에서
은하의 숨소리에 귀 기울이며
살랑이는 바람, 발목에 빛나는 용담꽃
둥글게 말린 대지의 손바닥에
감싸인다면, 달콤하고 쌉싸래한
엔디브와 함께 잠들리
지금은, 세상도 눈을 감고
우리를 숨겨줘
엔디브와 함께 잠들리
지금은, 세상도 눈을 감고
우리를 숨겨줘
몽카브와 함께 웃으며
언젠가, 세상은 눈을 뜨고
우리를 비추겠지
[Ichiko Aoba - Asleep Among Endives 가사 번역]
พูดแบบแปลกๆ หน่อย แต่ผมว่านี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยที่ผมลองใช้ฟังก์ชันอ้างอิงเนื้อเพลงแบบนี้ในบล็อกนะครับ ฮ่าๆ
ตอนแรกผมก็ฟังเพลงนี้โดยไม่รู้ความหมายของเนื้อเพลง ก็ยังรู้สึกดีอยู่แล้ว แต่พอฟังหลายรอบเข้า ก็เริ่มอยากรู้ว่ามันพูดถึงอะไร
คำว่า “엔디브 (เอนดิฟ)” ในชื่อเพลงและเนื้อร้องสะดุดตามากเลยครับ ตอนแรกผมนึกว่าเป็นอะไรอย่าง “อีเทอร์” หรือสัญลักษณ์ทางกวีอะไรแบบนั้น แต่พอหาดูจริงๆ ปรากฏว่ามันคือผักชนิดหนึ่ง มักจะสับสนกับ “ชิโครี” เป็นผักใบขมที่ใช้กินกับสลัดหรือห่ออาหารได้
แน่นอนว่าผักสลัดมันไม่ค่อยเข้ากับอารมณ์ของบล็อกตอนนี้เท่าไหร่ งั้นเราลืมภาพนั้นไปก่อนก็แล้วกันครับ
นี่คือต้นเอนดิฟครับ ดอกของมันดูแปลกตา ผมรู้สึกว่ามันคล้ายกับเงาร่างในภาพปกของเพลงเลย เอนดิฟมีรสขมเฉพาะตัว แต่ขณะเดียวกันก็มีความหวานบางๆ ซ่อนอยู่
ผมเลยคิดเล่นๆ ว่า ถ้าเรายืนอยู่ปลายโลก ท่ามกลางหมอกที่หนาแน่น สูดอากาศเข้าเต็มปอด มันจะมีรสชาติแบบเอนดิฟไหมนะ เพลงนี้ก็ให้ความรู้สึกแบบนั้นเลยครับ ทั้งหวานและขมในเวลาเดียวกัน
การซ่อนตัวอยู่ในหมอกอาจเป็นเรื่องที่ทั้งหวานและขมเหมือนกัน การที่เราเลือกจะหลบอยู่ในเงา มันช่างอ่อนโยนแต่ก็เศร้าเล็กๆ รสหวานปนขมแบบนี้ มันคือรสหวาน หรือรสขมกันแน่? ผมเองก็ตอบไม่ได้ แต่คิดว่าสุดท้ายไม่ว่าจะรสไหน มันก็คงหลงเหลือร่องรอยไว้ในใจเราเหมือนรสติดปลายลิ้นนั่นแหละครับ
สำหรับผม “เอนดิฟ” กลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของอารมณ์สองขั้วที่อยู่ร่วมกัน ความสุขปนเศร้า ความอบอุ่นปนเหงา เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถนิยามได้ด้วยคำใดคำหนึ่งแน่นอน
ดังนั้น “การหลับไปพร้อมกับเอนดิฟ” อาจหมายถึงการที่เรายอมปล่อยตัวเองให้คงอยู่ในภาวะคลุมเครือนั้น ปล่อยให้ความเป็นตัวเราซ่อนอยู่ในหมอก ก่อนที่โลกจะรีบมาตัดสินว่าเราคือใคร เป็นการหายไปอย่างเงียบงัน แต่ในความเงียบนั้นกลับอ่อนโยนเหลือเกินครับ
ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกแบบนี้มาจากส่วนไหนของจิตใจมนุษย์ แต่ผมนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Decision to Leave (헤어질 결심) ขึ้นมาทันที (อาจเพราะทั้งคู่มีหมอกเหมือนกันก็ได้ครับ)
ซอแรในเรื่อง เลือกจะหายไปจากแฮจุน โดยปล่อยให้ความสัมพันธ์ค้างคาอยู่ในสถานะยังไม่จบ การตัดสินใจนั้นคล้ายกับการ “หลับไปพร้อมกับเอนดิฟ” เลยครับ คือการหลับใหลอย่างสงบในความคลุมเครือ และเลือกจะเป็นนิรันดร์ผ่านการหายสาบสูญ
บางทีนี่อาจเป็นอารมณ์ที่มาจากความปรารถนาที่อยากคงอยู่ตลอดไปก็ได้นะครับ การหายไปเพื่อให้ยังอยู่ในความทรงจำตลอดไป มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งเศร้าและงดงามในเวลาเดียวกัน
พูดมาซะยาวเลย
แต่เอาเข้าจริง ผมไม่ได้ตั้งใจจะวิเคราะห์เพลงอะไรหรอกครับ แค่เล่าให้ฟังว่าผมรู้สึกแบบนี้ก็เท่านั้นเอง
เวลาที่เพลงหนึ่งสะท้อนหัวใจเรา แล้วทำให้บางอย่างในใจระยิบระยับขึ้นมา มันเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นและน่าดีใจเสมอครับ
เพลงอื่นๆ ของ Ichiko Aoba ก็เพราะมากเหมือนกัน ผมอยากให้ทุกคนลองฟังในวันที่ฝนตกก่อนฤดูใบไม้ร่วงจะหมดไป เพราะฤดูใบไม้ร่วงไม่ได้มีแค่ปูหรือกุ้งเป็นของดีนะครับ
ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้วครับ ฤดูร้อนไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกเหมือนยังไม่ได้เอ่ยคำลาสักคำเลย แต่ก็รู้สึกขอบคุณครับ ที่ฤดูกาลยังหมุนเวียนกลับมาเหมือนเดิม เพราะปีหน้าก็จะมีฤดูร้อนอีกแน่นอน
ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพดีๆ นะครับ ขอให้มีความสุขมากๆ และขอให้โชคดีเข้ามาหาแต่สิ่งดีๆ แบบที่ดีจนรู้สึกว่า “เอ๊ะ ทำไมชีวิตดีขนาดนี้ แปลกจังเลย” อะไรแบบนั้นเลย
แล้วเจอกันใหม่ครับ
🤍
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in