เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บ้านที่อยู่ในบ้านSALMONBOOKS
คำนำ




  • คำนำสำนักพิมพ์

              ระหว่างอ่านหนังสือเล่มนี้ เราต่างมองหา‘บ้าน’
              ไม่ใช่ในความหมายอยากเปลี่ยนที่อยู่ แต่เป็นความหมายของการมองหาฐานที่มั่น
              ด้วยการหยิบเอาสิ่งละอันพันละน้อยที่สัมพันธ์กับบ้าน มาพูดผ่านน้ำเสียงอ่อนโยน (แต่ก็แฝงความจริงจัง) ของ โตมร ศุขปรีชา ผสมกับบรรยากาศละมุนละไมที่ฟุ้งกระจายอยู่ในเล่มนี่เองที่ชวนให้เราคิดอย่างนั้น เพราะแต่ละบทแต่ละตอนในเรื่องเล่าคล้ายว่าโตมรเปิดบ้านต้อนรับ พาไปชมส่วนต่างๆ พร้อมบอกเล่าเรื่องราว ที่ไม่เพียงเปิดกรุความทรงจำของโตมรเท่านั้น แต่ยังเป็นการรื้อความทรงจำเกี่ยวกับบ้านของเราอีกด้วย
              บางบทบางตอนอาจทำให้เรานึกถึงบ้านที่เคยใช้เวลาตลอดวันขลุกอยู่ในนั้น เราอาจนึกถึงบ้านที่เริ่มและจบความสัมพันธ์กับผู้คนมากมาย เราอาจนึกถึงบ้านที่ทิ้งมันไป เมื่อวันวัยเริ่มแปรเปลี่ยน เราอาจนึกถึงบ้านที่อยากกลับไปอีกครั้งหลังจากพ่ายแพ้ให้กับโลกภายนอกจนหมดท่าหรือเราอาจนึกถึงบ้านที่ซุกซ่อนอยู่ข้างใน รอให้เราไขไปพบเจอ

              น่าแปลกที่ไม่ว่าจะเป็นบ้านแบบไหน ก็เหมือนเราอยากย้อนกลับไปหาบ้านหลังนั้นอีกครั้ง
              อาจด้วยวันวัยที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และภาระหน้าที่ซึ่งนับวันยิ่งดูมากกว่าเดิม ทำให้หลายครั้งเราลืมไปว่ามีบ้านให้กลับ เราต่างมองไปข้างหน้าจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่ ทำให้เมื่อโดนกระตุก—จากข้อเขียนที่อ่อนโยนและอ่อนไหว เหมือนแดดยามเช้าที่ส่องผ่านมุ้งลวดมาเป็นสาย เราก็พากันมองหาบ้าน
             ทั้งบ้านที่ตั้งตัวอยู่ตรงนั้นรอวันให้เรากลับ
             และบ้านที่อยู่ข้างในรอวันให้เราเปิดเข้าไป
             เพื่อพบกับสิ่งที่เราคุ้นเคย และอยู่กับมันมาทั้งชีวิต




    สำนักพิมพ์แซลมอน

  • เสมือนคำนำ
    บ้านที่อยู่ภายใน

    1
            บ้านที่อยู่ภายในคอยกำหนดบ้านที่อยู่ภายนอก
            รอยเท้าที่อยู่บนดินรอคอยการชะล้างของเม็ดฝน
            ค้างคาวที่เกาะอยู่บนขื่อ รอคอยค่ำคืนที่จะได้บินออกไปสู่ท้องฟ้า
            แมวที่นั่งมองผีเสื้อ เต่าทองที่เพียรไต่ขึ้นยอดหญ้าการชำระล้างของสายฝน บ่งบอกว่าอากาศของฤดูร้อนกำลังจะหมดไป
            บ้านยังคงตั้งอยู่ที่นั่น,
            เดียวดาย...

    2
            แม่ชีเทเรซาเคยกล่าวไว้ว่า
            ชีวิตคือโอกาส จงแสวงประโยชน์
            ชีวิตคือความงาม จงชื่นชม
            ชีวิตคือความฝัน จงตระหนักรู้
            ชีวิตคือความท้าทาย จงเผชิญหน้า
            ชีวิตคือหน้าที่ จงทำให้บรรลุ
            ชีวิตคือเกม จงเล่น
            ชีวิตคือสัญญา จงเติมเต็ม
            ชีวิตคือความเศร้า จงผ่านพ้นไปให้ได้
            ชีวิตคือบทเพลง จงเปล่งเสียงร้อง


            ชีวิตคือการต่อสู้ จงยอมรับ
            ชีวิตคือโศกนาฏกรรม จงพร้อมเผชิญ
            ชีวิตคือการผจญภัย จงกล้าหาญ
            ชีวิตคือโชค จงสร้างมันขึ้นมา
            ชีวิตมีคุณค่ามากเกินกว่าจะทำลายมันลง
            ชีวิตคือชีวิต จงต่อสู้เพื่อชีวิต

            
             ชีวิตนั้นซับซ้อน และเป็นอะไรๆ ได้หลายอย่างเกินกว่าที่เราคาดคิด
             ชีวิตดำเนินไปในม่านอันมืดมิดของกาลเวลาเราไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งวินาทีข้างหน้าและในเวลาเดียวกัน เราก็มักลืมเลือนสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้วยาวนาน เมื่อหวนรำลึกถึง เรามักไม่ได้ย้อนตัวเองกลับไปในห้วงเวลานั้น ทว่ามักสร้างความทรงจำนั้นขึ้นมาใหม่ ด้วยการปะติดปะต่อเศษเสี้ยวความทรงจำที่ยังหลงเหลืออยู่เข้าด้วยกัน
             ชีวิตคือการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
             บางอย่างสิ้นสุดลง แต่ทุกการสิ้นสุด ล้วนมีการเริ่มต้นใหม่ของอะไรบางอย่าง
             อาจไม่ใช่สิ่งเดิม แต่ก็พูดไม่ได้หรอกว่าเป็นสิ่งใหม่เอี่ยมที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งเดิมเลย


    3

             บางครั้งชีวิตก็เป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้น แต่บางครั้งก็ไม่ใช่
            ชีวิตมีองค์ประกอบที่จะว่าซับซ้อนก็ได้ ไม่ซับซ้อนก็ได้ เราไม่ได้เลือกที่จะเกิดมาแต่ผลพวงของการเกิดก็คือ เราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะเลือกสิ่งต่างๆ ในชีวิต
    ไม่หรอก เราไม่มีโอกาสได้เลือกทุกสิ่งในชีวิต เราเลือกได้เมื่อมีทางเลือกเท่านั้น ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่คลับคล้ายการเกิดของเรานั่นคือเราไม่สามารถเลือกได้ และสิ่งเหล่านั้นมักเป็นกรอบขีดวงจำกัดทางเลือกที่ยังหลงเหลืออยู่ให้กับเรา
             ดอกไม้มีส่วนเลือกด้วยเจตจำนงของมันเองไหม—ว่ามันจะบานออกมาเป็นสีอะไร
          สีของดอกไม้มีหลักพันธุกรรมของเมนเดลเป็นตัวกำหนดส่วนหนึ่ง แต่ดิน สายลม พรำสายของฝน ความสว่างจ้าหรือมืดหม่นของแสงแดด และปัจจัยอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน คือผู้กล่อมเกลาว่าดอกไม้จะบานออกมาเป็นสีอะไร
             แล้วดอกไม้มีทางเลือกไหมเล่า?
             อาจจะมีก็ได้


    4

             บ้านที่อยู่ภายในคอยกำหนดบ้านที่อยู่ภายนอก
             อย่างเงียบๆ บ้านที่อยู่ภายในเปิดออก
             ประตูบานนั้นค่อยๆ แง้ม เพื่อให้เราเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน
             ทุกคนต่างมีบ้านที่อยู่ภายใน บ้านหลังนั้นจะสวยงามหรือโศกเศร้าล้วนขึ้นอยู่กับว่าบ้านหลังนั้นวางตัวอยู่ตรงไหนในหัวใจของเรา
            บ้านที่อยู่ภายในเป็นบ้านที่อยู่ภายใน มันมักอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน เป็นบ้านเก่าแก่ที่รอคอยการกลับมาปัดกวาดมันอยู่อย่างที่เคยเป็นเสมอ
            เมื่อเราเติบโตขึ้น เรามักคิดว่าเราเดินห่างออกจากบ้านที่อยู่ภายในไปไกลลิบ
    แต่ไม่หรอก,
           เชื่อเถิด,
           วันหนึ่งเราจะเดินกลับมาหาบ้านหลังนี้อีกครั้ง
           ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม


    5

           อย่างเงียบงัน บ้านที่อยู่ภายในจะเปิดออกเมื่อถึงเวลาของมัน
           เมื่อความเยาว์วัยชราลง เมื่อริ้วรอยเหี่ยวย่นกลับเต่งตึงในมายา
           ดอกไม้เดินนาฬิกาให้ถอยหลัง ดวงจันทร์หายลับไปในถังไม้และความงามว่ายวนอยู่ในถ้วยกาแฟ
           ประตูบานนั้นจะค่อยๆ แง้มออก เพื่อให้เราเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน
           มีพระอาทิตย์ดวงโตอยู่ในนั้น
           แต่ก็ยังมีเด็กที่เหน็บหนาว
           มีแมวนอนอุ่น แต่ก็มีแมงป่องชูหางสีทอง และมีความทรงจำสีขุ่น
           ทุกคนต่างมีบ้านที่อยู่ภายใน บ้านหลังนั้นจะสวยงามหรือโศกเศร้าล้วนขึ้นอยู่กับว่าบ้านหลังนั้นวางตัวอยู่ตรงไหนในหัวใจของเรา
           ใช่แล้ว, ในหัวใจของเราเอง



    โตมร ศุขปรีชา


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in