ชีวิตคนเรานี่อยู่ในโลก
ไม่เคยมานั่งคำนวณหรอกเพราะทุกครั้งที่ก้าวเข้ามารู้ตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็หายไปเหลือเพียงความมืดและพระจันทร์
ไม่อยากใช้ชีวิตในโลกแบบนี้เลยอยากพาตัวเองออกไปเจอสังคมจริงๆบาง อยากพูดคุย ฟังเสียงคน เสียงเพลง เสียงรถสัมผัสสายลมของฤดูร้อนช่วงสุดท้ายก่อนที่ความหนาวจะมาพลัดเวร
หลังจากนั่งไถมือถือดูโลก
หลังจากนัดเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทั้งคืนฉันก็เฝ้ารอที่จะให้ถึงเช้าวันอาทิตย์การเฝ้ารออะไรโดยมีความหวังมันคือความสุขอย่างหนึ่งของชีวิต เรามีเป้าหมายเรารู้จุดหมาย และ ผลลัพธ์ของมัน
ฉันตื่นก่อนนาฬิกาปลุกครั้งแรกของเดือนนี้ที่ ตื่นมาพร้อมความสดชื่น
และมารู้ตัวอีกทีก็อยู่ในร้านเค้กที่เฝ้ารอตู้เค้กที่เกือบว่างเปล่าแต่ยังคงมีความหวังอยู่ ฉันรีบเดินไปสั่งเค้กชุดพิเศษพร้อมสั่งเพิ่มเค้กทุกชิ้นที่ยังมีเหลือ ความหวังเถือกสุดท้ายขอบคุณชีวิตที่อยู่รอดและได้มีโอกาสกินของอร่อย มันคือรางวัลของชีวิต ขณะที่พนักงานจัดเค้กใส่กล่องนั้นฉันก็เริ่มบทสนทนาเล็กๆน้อยๆ
“เสียดายจังเลยนะคะกว่าจะได้เจอร้านโปรดทื่ทำเค้กได้อร่อยถูกใจ” ฉันเอ่ย
“ขอบคุณมากครับคุณลูกค้าทางร้านเองก็ไม่อยากปิด แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างไม่อาจพาเราได้อยู่รอดได้นี่คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้วครับ เพราะสุดท้ายถ้าฝืนทนเปิดต่อไปก็ต้องมีคนที่ทนเจ็บอยู่ดี”พนักงานกล่าว
ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้านแต่ก็ไม่แน่ใจว่าที่เขาพูดนั่นหมายถึงธุรกิจใช่ไหม
“นั่นสินะคะช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วจะกลับมาเปิดอีกไหมคะ”ฉันถามด้วยความหวังว่าเขาจะกลับมาอีกครั้ง
“คงอีกสักพักครับอยากให้เวลา และ โอกาสตัวเองได้พักและคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาว่าสิ่งที่ผมทำนั้นมีความหมายบางไหม แต่อย่างน้อยความสุขที่ผมมอบให้จะยังคงเป็นความทรงจำที่ดีเค้กเรียบร้อยแล้วครับคุณลูกค้า”
“คะ ค่ะขอบคุณมากนะคะ หวังว่าจะมีโอกาศได้ไปชิมเค้กอีกครั้งนะคะ จนกว่าจะถึงตอนนั้นขอบคุณมากนะคะ”
ฉันไม่แน่ใจว่าบทสนทนานี้มันเป็นบทสนทนาปรกติใช่ไหมสายตาเขาดูเศร้าแต่ร้อยยิ้มกลับมีความสุข ดูไม่ออกเลยอันไหนที่ออกมาจากใจและความรู้สึกจริงบางเรื่องของบางคนนั้นซับซ้อนมากเกินกว่าจะเข้าใจและไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนเพื่อที่จะเข้าใจแต่ถ้าอยากได้คำตอบที่ชัดเจนและไม่ซันซ้อนนั่นอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว เค้กจ๋าความอร่อยที่ไม่ซับซ้อน อร่อยบอกอร่อย แน่นอนทุกคำที่ตักเข้าปาก
โต๊ะไม้ต้นไม้ใหญ่ แสงแดดอ่อนๆ ลมพัดเบาๆในย่ามบ่ายบางทีก็ไม่แน่ใจว่านี่ความฝันหรือความจริง ทุกอย่างรอบข้างฉันเบอลไปหมดมีเพียงฉันกับเค้กที่ดูชันเจนที่สุด ณ นาทีนี้พึ่งเข้าใจว่าเวลามีความรักกอย่างนั้นเบลอมีเพียงภาพตรงหน้าที่ชัดเจน ถึงแม้จะเป็นเค้กก็ตามเพราะไม่มีใครระบุว่าความรักต้องเป็นคนหรือสัตว์เท่านั้น
“มาเข้าเรียนคณะวิทยาศาตร์ด้วยนะ”เสียงมาจากด้านหลัง ฉันคงมั่วแต่กินจนลืมดูรอบข้างและเพื่อนตรงหน้า
“หืม”
“มาเข้าเรียนคณะวิทย์ฯสิ”
ฉันเรียนจบมาเป็นสิบปีแล้วคงคุยกับคนอื่นแหละแต่เสียงมันใกล้และชัดขึ้นเรื่อยเลย ช่วงนี้พวกเด็กๆเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยกันเหรอแล้วฉันมานั่งในมหาลัยอะไรล่ะเนี่ย มั่วแต่อยากกินเค้กจนลืมดู
“หลิว หลิวต้นหลิว มาเรียนคณะวิทย์ด้วยกันสิ”
โอเคคงต้องหันไปมองเพราะเพราะเหมือนมีคนเรียกชื่อฉันแต่ เอ๊ะ เดี๊ยวก่อน ชื่ออ่ะใช่ แต่ฉันไม่ได้จบคณะวิทย์เลย ฉันจบมัณฐนาศิลป์คงจะเป็นคนชื่อซ้ำแหละ กินต่อได้บางทีเราก็ไม่ต้องสนใจทุกอย่างก็ได้มั้งแต่ภาพตรงหน้าความสุขตรงหน้าเท่านั้นที่อยากจะสนใจ
“ต้นหลิวต้นหลิว” เสียงและมือที่สัมผัสที่ไหล่
ฉันสะดุงทันทีและรีบหันไปมองเพราะแน่ใจว่านั่นแหละคือชื่อฉันและคงเป็นคนรู้จักฉัน
“เบนซ์”ฉันทักทาย แต่ก็ตกใจไปพร้อมกันเพื่อนสมัยมหาลัยที่ไม่ได้เจอนานมากตั้งแต่จบมหาลัยไปไม่ได้ติดต่อเลยว่าเพื่อนเป็นยังไงบ้าง แต่เดี๊ยวก่อนมันเป็นบาริสต้านิแล้วมาทำอะไรที่นี่ หรือว่าเปลี่ยนงานมาทำอยู่ในมหาลัยหรอ
“มาเรียนคณะวิทย์ฯสิ”ยังคงพูดประโยคเดิม
“อ่อ ขอกินเค้กก่อนแล้วกันนะ” ฉันรีบตัดบทก่อนเลย เปิดก่อนได้เปรียบ
มาชวนอะไรตอนนี้ตรงนี้ว่ะ แล้วอะไรของมันเนี่ยพูดแต่ประโยคเดิมๆตลอด ไม่ใช่ว่าไม่อยากคุยกับมันนะแต่กินเค้กอยู่ หรือว่าจะหนีมันดี มาขายตรงหรือเปล่านะ หนีไปเข้าห้องน้ำล่ะกัน
“เมื่อไหร่จะมาเข้าเรียนหลิว” เสียงดังมาจากหน้าประตูห้องน้ำ
แต่เดี๊ยวนี่ห้องน้ำหญิง เบนซ์แต่เป็นผู้ชายเข้ามาได้ยังไง แล้วอะไรเนี่ยทนไม่ไหวแล้วนะ
ฉันเปิดประตูห้องน้ำพร้อมที่จะบวกกับไอ่เบนซ์สักตั้งแล้ว
“ปัง”เสียงกระเปิดประตูพร้อมความโมโหขั้นสุด
แต่พบกับความว่างเปล่าไม่มีไอ่เบนซ์ ใจเต้นตึกตักไม่หยุดเริ่มไม่แน่ใจว่าเพราะความโกรธหรือว่าเพราะความกลัวและสับสนแต่ฉันกลับไม่สนใจและหยิบเค้กออกมากินต่อในห้องน้ำ
“มาเรียนคณะวิทย์เหอะ”เสียงเบนซ์ยังคงหลอกหลอน
ตอนนี้ฉันทนไม่ไหวแล้วไม่ใช่เพราะความกลัวแต่กลับเป็นความโมโหแทนฉันเลยตะโกนสุดแรงเสียงเท่าที่ความโมโหจะแสดงพลังอำนาจได้
“กู แค่ อยากกิน เค้ก โว้ย”
ฉันตะโกนสุดเสียงเท่าที่จะทำได้ทุกอย่างเงียบ และว่างเปล่า
ฉันลืมตาดูและพบว่า
อ่อ แค่ฝันสินะ
มองดูนาฬิกาใกล้เวลาที่ร้านเค้กจะเปิดแล้วงั้นขออีก 5นาทีแล้วกันนะ
พอลืมตาอีกทีก็11 โมง
ฉันรีบนั่งรถเมล์ไปร้านเค้กด้วยความสบายใจและความหวังพร้อมกับความฝันที่จะได้กินเค้กพร้อมกับความรู้สึกว่าเราจะได้ทำความฝันให้เป็นจริงแล้ว
จริงๆช่วงเวลา
ในที่สุดก็มาถึงหน้าร้านเค้กสักทีแปลกใจจังคนไม่มีเลย
“กริ๊ง”เสียงกระดิ่งจากประตูเปิดเข้าร้าน
“สวัสดีค่ะ”ฉันทักทาย แต่สายตามองไปที่ตู้เค้ก วะวะว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย อยู่ๆก็เจ็บตรงที่หัวใจขึ้นมาทันที
“เค้กหมดแล้วหรอคะ”ฉันถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่เห็นเป็นแค่ภาพลวงตาจากชาเห็ดที่ดื่มเมื่อคืนและก็หวังว่าพนักงานจะบอกว่ามีอีกคะอยู่ด้านหลัง
“หมดแล้วคะเหลือแค่พายผักและก็พายเนื้อค่า” พนักงานกล่าว
ความรู้สึกเหมือนโดนบอกเลิกโดยไม่มีคำบอกลาเจ็บแต่ทำอะไรไม่ได้ หน้ามันชา ชาไปทั้งตัวและหัวใจและความรู้สึกที่ว่างเปล่า
บางเรื่องเราก็ทำได้แค่เพียงก้าวข้ามมันออกมาและยอมรับความจริงเท่านั้น
ความรู้สึกพังทลายมีอยู่จริงแต่ไม่ใช่ว่าใครทุกคนจะสัมผัสและเข้าใจได้
ถ้าเราเสียงใจเรื่องอาหารก็ต้องใช้อาหารมาเยี่ยวยาอีกที
ขอขอบคุณความโหดร้ายและความโชคดีมีคาเฟ่อยู่ใกล้ๆค่อยเยี่ยวยาจิตใจที่แตกสลายตอนนี้ได้กาแฟร้อนๆและขนมปังอุ่นๆจะช่วยให้ผ่านวันนี้ไปได้
น่าแปลกที่เวลาเราผิดหวังภาพทุกอย่างตรงหน้าดูช้าลงกว่าปรกติเราเห็นทุกอย่างดำเนิดไปอย่างช้าๆแม้เพลงที่ดูสนุกกลับดูช้าลงจนน่าตกใจสุดท้ายเลยเลือกที่จะอยู่กับโลกที่เงียบๆของเราต่อไปขอบคุณหูฟังที่ทำให้เราได้เข้ามาอยู่ในโลกของเราที่มีเพียงเราที่ได้ยินเท่านั้น แม้สิ่งที่เห็นรอบข้างจะมีแต่คนมาเป็นคู่บางทีจังหวะชีวิตมันก็กวนตีนเราอยู่เหมือนกันนะ เหมือนโดนโชคชะตาบลูลี่อ่ะ ว๊ายยยยมาคนเดียว งั้นจงดูคนอื่นที่มาเป็นคู่ซะ
จังหวะที่เครื่องดื่มและอาหารมาเสริฟเพลงในลิตส์ก็ขึ้นเพลง อีกแล้ว ของ โยคีเพลย์บอย
น่าแปลกมากที่บรรยากาศและเพลงที่ฟังมันกลมกลืนไม่หมดเลยอากาศเย็นๆในเช้าวันอาทิตย์ที่ผู้คนออกมาจิบกาแฟ มากับแฟน พาสุนัขมาเดินเล่น ครอบครัวมาทานอาหาร พาสาวมาเดต มากับกลุ่มเพื่อนแต่ฉันที่ผ่านเข้ามาคนเดียวพร้อมกับเพลงเศร้าที่ทำให้คิดถึงความรักที่พึ่งผ่านพ้นมาจากบทเพลงก็รู้ว่าไม่ใช่รักที่สมหวังแน่นอน ต่อให้เวลามันเดินทางผ่านมาสักพักแต่ก็มีวูบหนึ่งที่เราแอบนึกถึงรักครั้งเก่า
“โครก ครืออออ”เสียงปั่นป่วนจากภายในท้อง
ไม่เข้ากันเลย ไม่เข้ากับบรรยากาศแบบนี้เลย ขัดไปหมดเลย เปลี่ยนอารมณ์ไปเลย ชิคคอมป่าวเนี่ยจะมาปวดอึอะไรตอนนี้ยังกินไม่หมดเลยอดทนไว้ก่อน ฮึบไว้ก่อนเราทำได้
พอปวดอึบรรยากาศและความรู้สึกมันเปลี่ยนไปเลยเพลงเศร้าก็หายไป ภาพตรงหน้าดูไม่มีความหมายเลย กาแฟ ไม่อร่อยไม่สามารถรบรู้ถึงรสชาติของขนมปังเลยแต่ถ้าจะลุกตอนนี้ก็กลัวว่าพนักงานจะมาเก็บจานไปยังกินไม่หมด อดทนไว้ก่อนแล้วกันนะ
“โคร้กกกกคร้ากกกกก ครืออออ” เสียงเตือนสุดท้ายที่มาถึงขีดจำกัดแล้ว ทนต่อไม่ไหวแล้ว
รีบลุกถามทางจากพนักงาน แม้ว่าจะฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าไปทางไหน รู้แค่ว่าต้องไปแล้ว ไปตายเอาด่านหน้าและไม่ลืมที่จะบอกพนักงานว่าอย่าพึ่งเก็บจานนะ ยังกินอยู่ ต้องย้ำนะ
“เฮ่ออออออออ”โล่ง เหมือนตกนรกและได้ขึ้นสวรรค์ต่อ
แต่
ขนมปังหาย
คนเรามันจะผิดหวังได้กี่ครั้งกันในหนึ่งวัน ความรู้สึกที่ว่างเปล่าทั้งจิตใจ และท้องไส้ มันบรรยายไม่ได้เลย
เราต้องเรียนรู้และอยู่กับความผิดหวังซ้ำๆคนชินและเข้าใจ
ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะสมหวังเหมือนที่เราวาดฝันไว้หรือคาดหวังว่าจะไม่เกิด
ช่วงเวลาของความเหงามันเงียบแต่ก็เสียงดังที่สุด เราจะได้ยินเสียงตัวและใจเราที่บอกความต้องการหน้าที่เราคือฟังเสียงใจบ้าง บางเรื่องราวที่ผ่านมาก็ปล่อยไปเก็บไว้เป็นเพียงเรื่องที่เรานึกถึงตอนจิบกาแฟก็เท่านั้นพออย่าพยายามรื้อฟื้นมันมาให้อยู่กับช่วงเวลาปัจจุบันเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in