Good Day Good News สำหรับแฟนลิเวอร์พูลอย่างเราๆ กัปตันตลอดกาล 'สตีเว่น เจอร์ราร์ด '
กลับมารับตำแหน่งโค้ชคุมทีมเยาวชน โดยรับหน้าที่โค้ชสลับไปมาระหว่างชุด U16 & U23
ก่อนที่ตำแหน่งจะชัดเจนขึ้นหลังจบฤดูกาลนี้ ส่วนงาน BT Sport ก็ยังคงทำอยู่เช่มเดิม
ถึงแม้ว่าลึกๆเราอยากจะเห็นกัปตันมาเป็นสต๊าฟโค้ชชุดใหญ่เคียงข้างกับคล็อปป์ก็ตาม
แต่ตอนนี้ เอาเถอะ อะไรก็ได้ทั้งนั้น แค่กัปตันกลับบ้าน ก็ดีใจแล้ว
ในอนาคตไม่ช้าก็เร็วมันต้องเกิดขึ้นแน่นอน
ไหนๆก็มีข่าวดีแล้วเลยอยากจะเขียนถึงเจอร์ราร์ดสักหน่อย ฤกษ์งามยามดีจริงๆ
เจอร์ราร์ดในบทบากัปตัน ภาพที่เห็นบ่อยๆเจอร์ราร์ดอาจจะเป็นกัปตันทีมที่เงียบๆ
เราไม่ค่อยได้เห็นเขาตะโกนโหวกเหวก โวยวาย เสียงดังในสนามหรือไล่กดดันกรรมการสักเท่าไหร่ หน้าที่นั้นเห็นคงจะเป็นคาราเกอร์ ไม่ก็แอ็กเกอร์เสียมากกว่า
แต่สิ่งที่เห็นอยู่บ่อยๆคือ การปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างกับทุกคนทั้งในและนอกสนาม
เราไม่เคยเห็นข่าวเสียๆหายๆของกัปตันเลยสักครั้ง ผู้เล่นในทีมไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบันต่างให้ความเคารพในตัวกัปตันอย่างมาก (ยกเว้นดิยุฟ ฮ่าๆ) สิ่งนี้เราชื่นชมในตัวกัปตันเสมอ
ไม่รู้ต่อกี่ครั้งที่ทีมตกอยู่ในภาวะยากลำบาก หลายครั้งที่เราคิดว่าเรากำลังจะแพ้ ไม่มีความหวัง
ไม่มีคนพลิกเกม ขาดแรงกระตุ้น ขาดความกระหาย ชัยชนะเริ่มมองไม่เห็น
เจอร์ราร์ดมักจะเป็นคนฉุดทีมขึ้นมาเสมอ เป็นคนเรียกความหวังกลับสู่ทีมทุกครั้ง
แมตช์คลาสสิคอย่าง โอลิมเปียกอส เราต้องการ 3 ประตูเพื่อเข้ารอบต่อไป
เจอร์ราร์ดยิงประตูสุดท้ายพาทีมเข้ารอบไปได้
ย้อนดูคลิปลูกนั้นกี่ทีก็ยังสะใจเหมือนกับเสียงผู้บรรยาย what a hit! what a hit! what a hit!
สุดท้ายฤดูกาลนั้นเราก็เข้าชิงชนะเลิศกับเอซีมิลานจนได้
ค่ำคืนที่อิสตันบูล ค่ำคืนแห่งมหัศจรรย์ ค่ำคืนแห่งปาฎิหารย์ ตอนจบครึ่งแรกตาม 3-0
พี่ชายนั่งเซง น้องชายหลับ ส่วนเรานอนหงอย สารภาพตรงๆไม่คิดว่าจะกลับมาได้ แม้จะหวังนิดๆก็ตาม
ลูกโหม่งของเจอราร์ดจุดประกายความหวังให้ลิเวอร์พูลอีกครั้ง
ภาพที่กัปตันโบกมือกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม กระตุ้นแฟนๆในสนามยังติดตาอยู่เลย
เช่นเดียวกับภาพจูบถ้วยแชมป์ และภาพจูบกับอลอนโซ่ Oops!!
ฤดูกาลถัดมานัดชิงเอฟเอคัพกับเวสต์แฮมนี่เป็นเกมนึงที่ดูไปหงุดหงิดไปจริงๆ
ตั้งแต่คาร่าสกัดเข้าประตูตัวเอง เรน่ารับบอลกระฉอกเสียลูกที่สอง
แม้จะตามตีเสมอได้จากซิสเซ่และเจอราร์ด แต่ก็มาเสียลูกที่สาม ลูกยิงบ้าๆ ที่งงว่าแม่งเข้าได้ยังไงวะ
คนพากษ์ในวันนั้นพูดขึ้นมาว่า 'ปาฎิหารย์จะมีซ้ำสองหรือไม่' เราตอบในใจ มีดิวะะ!!!
แต่ไม่รู้ตอนไหนแค่นั้นเอง เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
ตอนนั้นคิดในใจปาฎิหารย์เอ็งจะมาก็รีบมาเถอะ!!! จะแพ้อยู่แล้วนะเว้ย และเหมือนเขาได้ยินสิ่งที่เราคิด
เจอราร์ดตะบันยิงไกลเกือบๆ 30 หลา เข้าประตูไป ตาข่ายแทบขาด ความหวังกลับมาอีกแล้ว
เรน่าแก้ตัวเซฟลูกโทษได้ แล้วเราก็คว้าแชมป์ได้ในที่สุด
เจอร์ราร์ดเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของลิเวอร์พูล
ผู้เล่น One Man Club เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในโลกของฟุตบอล
เราเคยร้องไห้ด้วยครั้งนึงตอนที่มีข่าวว่าตกลงย้ายไปเชลซี ตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงเราอยู่มัธยม
ยังไม่รู้แหล่งข่าวในเน็ท เลยเสพข่าวสารและรับรู้ความเคลื่อนไหวจากหนังสือพิมพ์ตลอด
หรือไม่ก็ข่าวกีฬาทีวีช่องต่างๆ เหตุการณ์วันนั้นแม่งโคตรบีบหัวใจเลยจริงๆ
ทุกๆวันเราต้องเข้าเซเว่นเพื่อไปอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ ในแต่ละวันก็อัพเดทความคืบหน้าการย้ายทีม
ยิ่งอ่าน ยิ่งเสียใจ เขาจะทิ้งเราจริงๆหรอ จนวันนึงหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวเจอร์ราร์ดตกลงย้ายไปเชลซี
หัวใจสลาย เราโตมากับฟุตบอลที่มีเจอร์ราร์ดอยู่ในสนามและสวมเสื้อสีแดงเสมอ
นึกแล้วก็ใจหาย ไม่ไปได้มั้ย ได้แต่นั่งบ่นกับตัวเอง
ไม่กี่วันหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวใหม่ เจอร์ราร์ดพลิกลิ้นเปลี่ยนใจอยู่ลิเวอร์พูลต่อ
โฮกกกกกกก//// เราคงมีกระแสจิตส่งถึงกัน กัปตันได้ยินความคิดเราด้วย T^T
การย้ายไปเชลซีเป็นการการันตีความสำเร็จได้อย่างแน่นอน ถ้วยแชมป์ลีกที่เฝ้ารอมานาน
เขามีโอกาสได้สัมผัสมันแล้ว แต่เขาปฏิเสธมัน
มันจะไปสำคัญอะไรถ้าเขาไม่ได้ชูถ้วยในฐานะกัปตันทีมลิเวอร์พูล (แล้วก็ไม่ได้ชูจริงๆ T_T)
เอาจริงๆนึกภาพเจอร์ราร์ดใส่ชุดทีมอื่นที่ไม่ใช่ลิเวอร์พูลไม่ออกจริงๆนั้นแหละ
แม้กระทั่งที่ตอนที่ย้ายไปแอลเอก็ทำใจอยู่นาน ชุดสีขาวใส่แล้วไม่หล่อเหมือนสีแดงเลยสักนิด
แต่วันนี้เขากลับมาแล้วถึงจะไม่ได้ใส่ยูนิฟอร์มชุดแข่ง จะอยู่ในชุดอื่นแต่มันสำคัญตรงชุดที่เขาใส่
มีโลโก้ นกลิเวอร์เบิร์ดสีแดงอยู่ที่อกของเขา นั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า
เจอร์ราร์ดเป็นของเรา เขากลับมาแล้ว เขาอยู่ที่ลิเวอร์พูล ยินดีต้อนรับกลับบ้าน Welcome Back Home
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in