เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storyzainanalizar
Getting over self-doubt is not easy, it’s torment
  • สงสัยในตัวเองเกินไปมันไม่ง่ายเลย มันทรมาน

    ครั้งหนึ่งเคยเขียนบทความลงบนเว็บไซต์หนึ่งที่ถูกปิดทิ้งไปแล้ว และหาบทความไม่เจออีก

    ตอนนั้นเขียนบทความที่มีชื่อว่า "จาก extrovert เปลี่ยนเป็น introvert ได้หรือไม่"

    เนื่องจากฉันเคยเป็น extrovert ชนิด ENFJ ตอนนั้น รู้สึกมีพลังมากในการเข้าหาผู้คน เป็นผู้นำ วางแผนการทำงานได้ดีเยี่ยม สนุก เอ็นจอย มี connection เยอะ แต่ก็ร้องไห้บ่อย จนหลายๆครั้งก็ทรมานที่ต้องมานั่งรู้สึกว่าตัวเองไม่มีใครเลย

    ฉันพลิกไดอารี่ที่เคยเขียนว่า "ถ้าเปลี่ยนได้แล้วเป็นยังไง กลับมาอัพเดตด้วยนะ"

    ฉันเรียนจิตวิทยา หลายๆครั้งก็จะได้ยินจากปากอาจารย์ หรือเพื่อนตัวเองว่า เรื่องแบบนี้มันไม่ตายตัวหรอก มันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ฉันไม่มีอะไรต้องเถียง เพราะถ้าไม่เกิดขึ้นกับพวกเขา พวกเขาก็จะไม่รู้สึก จำแนกไม่ได้ และไม่เข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงจริงๆมันไม่ง่ายเลย

    แล้วฉันรู้ได้อย่างไรว่ามันเปลี่ยนแปลงจริงๆ?

    ตอนที่เข้ามหาลัยช่วงแรกๆ อาจยังติดนิสัยตอนวัยมัธยม คือฉันพยายามทำความรู้จักผู้คน ไปกินข้าวกันหลายๆคน เล่นกีฬา หลังจากทำกิจกรรมเหล่านั้นเสร็จแล้ว ฉันกลับมาระเบิดน้ำตาที่ห้องทุกครั้ง จนทำให้ฉันกลัวการมีความสุุข กลัวการสร้างความสัมพันธ์อีก ไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตาม

    ฉันพยายามที่จะปฏิเสธคน พยายาม และพยายามจนฉันสามารถปฏิเสธคนเป็น ปฏิเสธบ่อยขึ้น เลือกตัวเองมากขึ้น ดีใจที่เพื่อนๆตัวเองก็เข้าใจ ช่วงเวลานั้น เป็นความรู้สึกที่ดีเยี่ยมเหลือเกิน เป็นไท และฉันจะทำอะไรก็ได้

    จนมาถึงตอนนี้ ความเป็น HSP และ ISFP ของฉันก็พาทำให้ฉันวุ่นวายใจอีกครั้ง

    หลังจากที่เป็น introvert แน่นอนฉันร้องไห้น้อยลง แข็งกระด้างมากขึ้น แต่ก็ยังเหลือความเป็น HSP (Highly Sensitive Person : อ่อนไหวต่อความรู้สึกมากๆ) ที่ทำให้ฉันไวต่อความรู้สึกทั้งอาการทางกาย และทัศนคติ

    อาการทางกายที่เกิดขึ้นคือ ใจสั่น (เรื่องใจสั่น ได้เขียนเต็มๆไว้ ในอีกบทความหนึ่ง ชื่อว่า "หัวใจกำลังโดนทุกอย่าง (ในตัวเอง) กัดกิน" บนเว็บไซต์ minimore) ซึ่งตอนนี้รับมือกับมันได้บ้างแล้ว

    ปัญหาคือตอนนี้ ฉันจะรับมือกับทัศนคติตัวเองอย่างไร ฉันรู้สึกสับสน ไม่อยากจะทน ในขณะเดียวเดียวกันหัวสมองก็พยายามบอกตัวเองว่าช่างแม่งสิ

    การทำงานกลุ่มบ่อยๆ มีเพื่อนเยอะๆ มีอีเว้นท์เยอะๆ หรือทุกอย่างที่ต้องพบปะผู้คนทำให้ฉันรำคาญ และรู้สึกไม่ชอบพวกเขาง่ายเหลือเกิน

    ทุกครั้งที่ประชุมทำงานกลุ่ม รู้สึกรำคาญ อยากจะหนี ทำไมผู้คนมัน toxic ได้ถึงขนาดนี้เชียวนะ

    ทุกครั้งที่มีการแจ้งเตือนขึ้นมาในโทรศัพท์ หรือไอแพด ไม่ว่าจะมาจากผู้คน หรือข่าวสารที่ติดตามไว้ก็รู้สึกไม่อาจทนกับมันได้ ในหัวสมองรู้สึกเหมือนมีอะไรมาไต่ยุกยิกจนอยากจะให้มันระเบิดสักที

    ความรู้สึกเหล่านี้ทำให้ฉันต้องการที่อยากจะออกห่างจากผู้คนมากขึ้น อยากจะอยู่คนเดียวเงียบๆ เพราะฉันไม่อยากจะให้ความรู้สึกไม่ดีเหล่านี้เกิดขึ้นกับคนรอบข้างอีกแล้ว ในขณะเดียวกัน ฉันเป็นคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่มีความรับผิดชอบไม่ใช่หรือ อย่ามายุ่งกับฉันเลย ฉันมันไว้ใจไม่ได้

    เพราะแค่ความคิด ความรู้สึกตัวเอง ฉันยังควบคุมมันไม่ได้ ตัดสินใจอะไรล่วงหน้าไม่ได้ ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ และดูเหมือนจะเป็นคนอวดดีด้วย

    ฉันพยายามอยู่ทุกครั้งนะ ฉันไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่เข้าใจหรอก ภายนอกเหมือนฉันจะทำมันออกมาได้ดี แต่ข้างในมันยากที่จะสำเร็จจริงๆ นะ

    ฉันหนีทุกครั้ง ฉันรู้ว่ามันไม่ดี แต่เหนื่อยที่จะเผชิญเหลือเกิน

    ขอบคุณเพื่อนสนิท และผู้คนรอบข้างที่คอยช่วยเหลือฉันในหลายๆ เรื่อง ขอบคุณมากๆ และฉันนี่โชคดีเหลือเกินที่มีพวกเขาอยู่ตรงนั้นทุกครั้งที่ฉันต้องการ

    ตอนนี้ฉันพยายามที่จะขอความช่วยเหลือให้น้อยที่สุด ฉันพยายามที่จะไม่เล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเองให้คนอื่นฟัง เพราะอะไรนะหรอ เพราะฉันนี่มันน่ารำคาญจริงๆ การที่ฉันทำแบบนั้นไปบ่อยๆ แล้วเมื่อไรฉันจะเข้มแข็งด้วยตัวเองล่ะ แต่โอเค

    ฉันพยายามอยู่นะ ^^

    สุดท้ายแล้ว จากตอนนั้นที่เคยเขียนบทความว่าอยากจะเปลี่ยนจาก extrovert เป็น introvert ตอน ม.5 จนตอนนี้จะขึ้น ปี 3 แล้ว ฉันคิดว่ามันกำลังดำเนินการด้วยตัวของมันอยู่ ฉันรู้สึก ฉันสัมผัสได้ มันกำลังเกิดขึ้นกับฉัน ฉันรู้สึกยาก และทรมานอยู่ทุกครั้งที่เกิด self-doubt (ความสงสัยในตัวเอง)

    ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะเกิดขึ้น หรือไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณ ก็ขอให้คุณตั้งใจที่จะเรียนรู้ตัวเอง พอๆกับที่คุณพยายามเรียนรู้ผู้อื่นนะคะ

    zainanalizar
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in