‘สวัสดีครับท่านผู้โดยสาร…’
ปรมัตถ์หูผึ่ง ท่าทางที่กำลังเท้าคางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบานใหญ่ก็กลับมายึดตัวตรงตั้งใจฟังประกาศจากห้องนักบิน
ถึงเด็กน้อยจะเพิ่งได้ยินแค่ช่วงต้นๆ แต่เสียงนี้เขาจำได้ขึ้นใจ เป็นอาธาดาคนดีของเขาไม่ผิดแน่นอน
‘...ผมโคไพล็อตธาดา ในนามของสายการบิน…’
เห็นไหมล่ะ…
ปรมัตถ์เผยรอยยิ้มที่น้อยคนจะได้เห็น แขนสองข้างเท้าเบาะ ตีขาเล็กๆ ขึ้นลงไม่เป็นจังหวะ ท่าทางดูลุกลี้ลุกลน ตื่นเต้นจนปิดไม่มิด
‘...กัปตันมานพและลูกเรือทุกคน มีความยินดีต้อนรับท่านผู้โดยสารทุกท่าน สู่เที่ยวบิน…’
“น้องมัตถ์… ดีใจที่ได้ยินเสียงคุณอาเหรอคะ”
พี่จิตที่เพิ่งกลับมาจากเข้าห้องน้ำเดินเข้ามาลูบศีรษะปรมัตถ์ ก่อนจะถามขึ้นเบาๆ และเมื่อได้รับคำตอบเป็นความเงียบกับแก้มขาวๆ ที่ค่อยๆ ขึ้นสีเปล่งปลั่งแดงระเรื่อ เธอจึงอมยิ้มให้กับท่าทางเขินอายของเด็กน้อย
“เสียงคุณธาดานี่เท่จังเลยเนอะ น้องมัตถ์”
พี่เลี้ยงร่างท้วมเย้า
ลำพังไม่มีคนทัก ปรมัตถ์ก็ยังตื่นเต้นกับเสียงประกาศจากธาดาจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ นี่พี่จิตทำเป็นแกล้งถามแต่จงใจพูดแหย่ออกมาซึ่งๆ หน้า ถ้าไม่อายจนตัวแดงก็คงไม่ใช่ปรมัตถ์แล้ว
เจ้าตัวเล็กก้มหน้างุด ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นจับมือที่วางอยู่บนศีรษะ อีกข้างยกเปะปะขึ้นจับแก้มพี่จิตไว้ เสียงเล็กกระซิบกับหน้าอกตัวเองเบาๆ
“มัตถ์อยากฟังชัดๆ”
เอ๋…
“หมายความว่ายังไงคะน้องมัตถ์”
พี่จิตก้มตัวลงถามใกล้ๆ เจ้าตัวเล็ก ก่อนจะได้ยินเสียงพึมพำตอบกลับมาทำนองว่า ‘เสียงพี่จิตดังกลบประกาศหมดเลย…’
โถ… เรื่องคุณธาดานี่ไม่ยอมใครจริงๆ เลย น้องมัตถ์ของพี่จิต
จิตราจึงปั้นหน้าเหลอหลาทำตาโต เอานิ้วชี้แตะริมฝีปากก่อนเปลี่ยนเป็นทำท่าเหมือนมือจีบด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้ง ลากจากริมฝีปากด้านซ้ายไปสุดทางด้านขวา แสดงให้ปรมัตถ์เห็นว่า ‘พี่จิตรูดซิปปากเงียบสนิทเลยค่ะ!’
ปรมัตถ์ยิ้มเขิน หนูน้อยเอียงคอทำท่าสงสัยก่อนจะเข้าใจในเวลาต่อมา เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ขึ้นพร้อมกันจากทั้งพี่เลี้ยงและเด็กชาย
จิตรามองภาพรอยยิ้มสดใสของปรมัตถ์ แล้วก็ได้แต่ส่งยิ้มอ่อนโยนที่ออกมาจากเรียวปากจนลามถึงขอบตากลับไปให้อีกฝ่าย…
เพราะปกติปรมัตถ์ยิ้มยาก…
ครั้งแรกที่เด็กน้อยยิ้มให้ มันสว่างสดใสและบริสุทธิ์เจิดจ้าราวกับแสงแดด จนทำให้เธอเพิ่มการทำให้เด็กน้อยคนนี้ยิ้มได้ทุกวันเข้าไปในกฏการเป็นพี่เลี้ยงที่ดีของตัวเอง
เธอรู้สึกตื้นตันที่สามารถทำให้เด็กคนนี้มีความสุข เธอจึงภูมิใจตัวเองทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มน่ารักๆ แบบนี้ของปรมัตถ์
พี่จิตนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เด็กน้อย ตัวที่เธอเคยนั่งอยู่ก่อนที่จะย้ายไปแทนพีระ
ภาพผู้ใหญ่หนึ่งคนนั่งอมยิ้มมองเด็กน้อยอีกหนึ่งคนเงยหน้ามองเพดาน ฟังประกาศจากห้องนักบินอย่างตั้งอกตั้งใจ
จึงเป็นภาพที่น่ารักของคนเดินผ่านไปผ่านมาจริงๆ
จิตราได้แต่มองเพลินๆ แล้วก็ฟังเสียงนุ่มๆ ของคุณธาดาประกาศต่อ
‘...จะเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ เที่ยวบินนี้ให้บริการการเดินทางด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 787-9 ดรีมไลน์เนอร์ครับ
และขณะนี้เรากำลังบินที่ระดับความสูง 29,000 ฟิตเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ด้วยความเร็วเฉลี่ย 450 น็อต อุณภูมิภายนอกขณะนี้คือ -37 องศาเซลเซียส สภาพอากาศตามเส้นทางบินโดยทั่วไปท้องฟ้าแจ่มใส ทำให้ท่านผู้โดยสารท่านใดที่ต้องการชมความสวยงามของแหลมตะลุมพุกจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากที่นั่งทางด้านขวาของเครื่องบินในขณะที่เครื่องทำการลดระดับครับ
เราคาดว่าจะถึงท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ในเวลาประมาณสิบเอ็ดนาฬิกาสามสิบห้านาที ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศไทย
รายงานสภาพอากาศล่าสุด ได้รับรายงานว่าจะมีอุณภูมิภาคพื้นดินประมาณ 36 องศาเซลเซียส
ผม กัปตันมานพ และลูกเรือทุกคนขอให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย และสะดวกสบายไปกับบริการต่างๆ ของเรา
ขอบพระคุณที่ทุกท่านเลือกใช้บริการของสายการบิน…’
ปรมัตถ์แทบจะลุกขึ้นยืนปรบมือเมื่อได้ยินเสียงนุ่มนวลของอาธาดากล่าวปิดเป็นคำสุดท้าย
‘...สวัสดีครับ’
เสียงประกาศนุ่ม ฟังเพลินแต่อัดแน่นด้วยข้อมูลครบถ้วน ทว่ามีความใส่ใจคนฟังด้วยการเพิ่มจุดเล็กๆ อย่างการแนะนำวิวแหลมตะลุมพุก...
ดีใจจัง… ที่ได้มาหาดใหญ่กับอาธาดา
ไฟล์ทนี้… คุณอานักบินของปรมัตถ์ทำเอาเขาภูมิใจเหลือเกิน…
แต่ในสายตาพี่จิิต… แววตาของเด็กน้อยที่มองอาธาดาไม่ใช่แค่เพียงความภาคภูมิใจ หากแต่พี่เลี้ยงร่างท้วมรู้สึกว่า ปรมัตถ์เทิดทูนคุณธาดาถึงขนาดถ้าออกไปตะโกนที่ปีกว่า ‘อาธาดาเท่ที่สุด’ ได้ เจ้าตัวเล็กคงทำไปแล้ว...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in