เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
DREAM ATTACK มหกรรม สกรัมฝันSALMONBOOKS
ฝันอยากเป็นผู้กำกับหนังอินดี้
  • ผมคิดว่าความเท่ของการเป็นอินดี้มีจุดร่วมที่คล้ายกัน คือมีโลกส่วนตัวสูง ตั้งคำถามกับชีวิต สังคม และดินฟ้าอากาศตลอดเวลา ทำสิ่งที่อยากจะทำ ในวิธีที่อยากจะทำจริงๆ และแน่นอนที่สุด หนึ่งในคำตอบของมันคือหนังอินดี้ที่ไม่ทำตาม ‘ระบบ’

    ใจจริงตอนนี้อยากได้เต๋อมาเป็นแนวร่วมยุติฝัน แต่ช่วงเวลาเราไม่ตรงกัน

    ตอนที่ต้องสัมภาษณ์ก็ไม่รู้ว่าเต๋ออยู่พิกัดใดของโลก กระทั่งตอนเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ถ้ารอเต๋อ—นวพล ต้นฉบับเล่มนี้ก็คงทำตัวอินดี้แหวกกระแสด้วยการเขียนไม่เสร็จ...ผมเลยล้มเลิกความคิดนั้นไป จนมาได้ผู้กำกับหนังอินดี้อีกคนที่ยินดีให้สัมภาษณ์ ซึ่งคำถามแรกที่ผมอยากถาม คือ “ทำไมหนังสั้นถึงต้องดูไม่รู้เรื่อง”

    สงสัยเหมือนผมใช่มั้ยครับ ลำพังหนังมึงก็สั้นอยู่แล้ว มึงยังจะมาทำอาร์ตๆ ถ่ายหลอดไฟ ท้องฟ้า ใบไม้ปลิว ตัวละครยืนมองหน้า ทำไมไม่พูดไม่จากัน คืออะไร? ทำไปทำไมวะเนี่ย?

    “จริงๆ หนังสั้นที่ดูรู้เรื่องมันก็มีนะ แต่เราไม่ค่อยจะได้ดูกัน ส่วนหนังสั้นที่ดูไม่รู้เรื่อง มันก็มีเหตุผลง่ายๆ ว่า ไอ้หนังพวกนี้ส่วนใหญ่จะทำโดยเด็กเรียนฟิล์ม ซึ่งไอ้เด็กพวกนี้มันจะดูพวกหนังอาร์ตยากๆ เยอะ พอคิด (เอาเอง) ว่าเท่ ก็เอามาทำหนัง...มันก็เลยดูไม่รู้เรื่อง เออ อันที่จริงบางครั้งพวกเราคนทำหนังเองก็ดูไม่รู้เรื่องเหมือนกันครับ”

    “จะเป็นผู้กำกับทั้งที ทำไมต้องทำหนังอินดี้ด้วยวะ ไปทำหนังแมสจริงจังเลยดีกว่ามั้ย ได้เงินเยอะกว่านะ” แนวร่วมฯ บอกพร้อมหัวเราะ

    แต่ก็นั่นแหละ วัยนึงของมนุษย์ทุกคน ความเท่มันสำคัญกว่าเงินทองอยู่แล้ว แต่ไอ้ที่คิดว่าการเป็นผู้กำกับหนังอินดี้แล้วจะเท่ได้เลย มันก็เด็กน้อยไปหน่อยครับ เพราะนอกจากหนังอินดี้จะไม่ได้เงินแล้ว มันยังไม่อินดี้อย่างที่เราคิดอีกด้วยนะครับ


  • ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าจริงๆ แล้วหนังอินดี้คืออะไร?

    หนังอินดี้ไม่ได้แปลว่าหนังที่ดูไม่รู้เรื่อง หนังพูดน้อยๆ หรือหนังภาพไม่ชัด (ครับ บางเรื่องภาพแม่งแตกซะจนกูสงสัยว่าตกลงพวกมึงถ่ายด้วยกล้องวิดีโอหรือเครื่องคิดเลข)

    หนังอินดี้ คือการทำทุกอย่างด้วยตัวเองให้มากที่สุด

    “ซึ่งจริงๆ ไม่ได้อยากจะอินดี้ขนาดนั้นนะ แค่ไม่มีตังค์”

    ครับ หนังอินดี้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการควบแน่นของความร้อน มันเกิดขึ้นได้ด้วยเงินครับ แล้วไอ้เงินเนี่ย หายากมากครับ ลำพังจะหากินหาเที่ยวก็ยากแล้ว นี่จะหาเงินมาทำหนังอินดี้ (ที่เสือกดูไม่รู้เรื่องอีก) แม่งยิ่งยากครับ

    หนังอินดี้ส่วนใหญ่ก็เลยต้องถ่ายที่โลเคชั่นซ้ำๆ เพราะไม่ค่อยมีเงิน นักแสดงก็เอาเพื่อนๆ กัน หรือไม่ก็ผู้กำกับด้วยกันเองนั่นแหละมาเล่น จริงๆ ก็อยากหานักแสดงสวยๆ มาเหมือนกัน แต่ไม่มีตังค์ การที่มีงบจำกัดจำเขี่ยไม่ได้เป็นเรื่องเท่หรอกนะครับ เพราะทุกอย่างที่คิดไว้ตั้งแต่ตอนต้นจะโดนฆ่าฟันตายไปต่อหน้าต่อตาด้วยคำว่า “ตังค์ไม่พอว่ะ” ไอ้ครั้นจะไปขอเงินชาวบ้านก็ไม่สะดวกเท่าไหร่...ก็ลำพังหนังแม่งก็ดูไม่ค่อยจะรู้เรื่อง มันจะมีใครอยากให้เงินวะ เออ ลืมไป ขอตังค์ชาวบ้านไม่ได้ เดี๋ยวไม่เท่ ไม่อินดี้อีก …เอ้อ เป็นอินดี้นี่มันลำบากฉิบหายเลย



  • ไฮไลต์ความฝันของการเป็นผู้กำกับหนังอินดี้ คือการส่งประกวดและได้รางวัล ได้เที่ยวเมืองนอก

    แต่จะบอกว่า ไอ้การส่งหนังประกวดมันไม่ได้แปลว่าจะได้เที่ยวฟรีทุกครั้งนะแก เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับตัวเทศกาลด้วย บางเทศกาลที่เก่าแก่หน่อย เขาก็ออกค่าเครื่องบินไปกลับให้ ส่วนค่าอยู่ค่ากินต้องออกเอง... แล้วแกจะไปเที่ยวไหนล่ะ...ได้ข่าวว่าจนไม่ใช่เรอะ?

    บางเทศกาลเขาก็ไม่ออกค่าเครื่องบิน แต่ออกค่าที่พักให้ (กูอดไปตั้งแต่ไม่มีตั๋วเครื่องบินละ) หรือบางเทศกาลก็ออกให้แค่ครึ่งเดียว (อืม อย่าว่าแต่ต้องออกเองครึ่งนึงเลย สามพันยังลำบาก) คือถ้าอยากเที่ยวเมืองนอกนะ...ไปทำงาน เก็บเงิน ซื้อตั๋วเครื่องบินถูกๆ แล้วไปเที่ยวเองให้สบายใจเหอะ อย่ามาเสียเวลาส่งหนังประกงประกวดเลย

    ไหนๆ ก็พูดเรื่องประกวดแล้ว มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอก มันอาจจะทำให้ตกใจนิดหน่อย แต่หนังประกวดมันไม่ได้ไปประกวดเองหรอกนะ ทุกอย่างมันคือเรื่องเงินทองครับ

    ลองคิดดูครับว่าเทศกาลประกวดหนังอินดี้ มันจะมีหนังส่งเข้าประกวดกันกี่เรื่อง กรรมการจะต้องดูหนังที่ไม่สนุกเป็นร้อยๆ เรื่อง กูว่ากรรมการแม่งต้องคอหักเพราะหลับในแล้วว่ะ ดังนั้นมันก็จะมีเอเย่นต์ส่งหนังประกวด มีโปรดิวเซอร์ที่รู้จักคนนั้นคนนี้ มีเส้นสายในการส่งหนังเข้าประกวด

    หนังอินดี้เดินทางได้ด้วยเงินครับ และทุกเส้นทางของมันมีเงินเป็นเชื้อเพลิง อะไรก็ตามถ้ามันถึงขั้นมีการประกวดระดับนานาชาติ มันก็เป็นเรื่องธุรกิจทั้งนั้นล่ะครับ

    “มันไม่มีใครมาทุ่มทุนจัดประกวดโดยไม่คิดหากำไรทางธุรกิจหรอก” แนวร่วมยุติฝันสายอินดี้สรุป


  • เกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนต้น หนังอินดี้มักไม่ค่อยมีเงิน แล้วคิดว่าผู้กำกับมันจะได้เงินมั้ย?

    แต่ถ้ากำลังคิดว่า “ก็ไม่เห็นยาก ไปขอทุนสิ” และกำลังคิดต่อว่า “ถ้าขอทุนเมืองไทยไม่ได้ ก็ไปขอทุนเมืองนอกสิ”

    อันนี้ต้องเรียกสติกันนิดหน่อยนะฮะ ลองนึกถึงตัวเองที่เป็นผู้กำกับหนังอินดี้หน้าใหม่ ไม่มีใครรู้จัก เราก็จะมีสถานะเท่ากับคนแปลกหน้าที่หาได้ตามอนุสาวรีย์หรือไม่ก็แถวเซ็นทรัลเวิลด์ เรามีไอเดียหนังหนึ่งเรื่องไปขอตังค์นายทุนสักสองสามแสน คิดว่านายทุนจะให้มั้ย โชคดีหน่อยก็คงจะได้ดื่มน้ำส้มระหว่างรอเข้าพบแล้วโดนตะเพิดกลับ โชคร้ายหน่อยก็คงจะได้เงินมานิดหน่อยแล้วนายทุนก็ขอเปลี่ยนนู่นนี่นั่นจนสุดท้ายหนังอินดี้จะกลายเป็นหนังโฆษณาสินค้าให้กับนายทุนไป

    ทีนี้ เราลองมาขอทุนเมืองนอกบ้าง…

    ลองนึกถึงตัวเองที่เป็นผู้กำกับหนังอินดี้หน้าใหม่ ไม่มีใครรู้จัก คำถามตรงนี้คือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตรงไหนที่ไหนมีทุนให้เราบ้าง และคิดหรือไม่ว่า สมมติเราเจอนายทุนฝรั่งที่จะให้เงิน เงินก้อนนั้นมันจะหล่นถึงเราเหรอ (มันก็คงจะมีแหละนะ แต่ก็ยากมาก) ณ จุดนี้ก็จะย้อนกลับไปหาโปรดิวเซอร์อีกรอบ

    มันก็ต้องโปรดิวเซอร์นั่นแหละครับ ที่รู้จักเส้นทางการเข้าหาคนภายในที่จะทำให้โปรเจ็กต์ของเราได้รับความสนใจจากกรรมการบ้าง ส่วนเงินที่ได้มาทำหนังมันก็ไม่ได้เป็นสัดเป็นส่วนมาพร้อมสรรพหรอกนะครับ เขาจะให้เงินเรามาบริหารกันเอง แล้วคิดว่าผู้กำกับสายอินดี้ส่วนใหญ่เป็นคนรู้เรื่องบัญชีมั้ย (...อืม ก็รู้แหละ แต่ขอคิดสักสามวันนะ) นั่นแหละครับ สิ่งที่เราหนีมาตลอดชีวิตก็ได้มาเจอตอนเป็นผู้กำกับหนังอินดี้นี่แหละ (อินดี้สมชื่อมั้ยล่ะมึง)


  • ผู้บริโภคเดี๋ยวนี้เถื่อนนะครับ ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้

    พอทำหนังดีออกมาสักเรื่อง คนดูก็จะบ่นว่าไม่เข้าใจ น่าเบื่อ ไม่สนุก ไม่ตลก แต่พอทำหนังตลกเอาถาดตีหัว คนดูก็บ่นว่า “หนังเมืองไทยก็มีแค่นี้ รัก ผี ตลก”

    สำหรับหนังอินดี้นี่ยิ่งไปกันใหญ่ กว่าจะดันให้เข้าโรงใหญ่ได้แม่ง เจรจาฉี่แทบเล็ด แล้วยังต้องมาลุ้นต่อว่าคนจะดูรู้เรื่องมั้ย จะชอบหรือเปล่า หรือจะไม่มีคนมาดูเลย...ถ้าฉายกันเองตามร้านกาแฟ ตามแกลเลอรี นี่ยังพอรับไหวนะครับ แต่ถ้าเข้าโรงใหญ่แล้วหลุดผังตั้งแต่วันแรกๆ กูรับไม่ได้จริงๆ

    ถึงคนไทยส่วนใหญ่จะยังไม่เปิดใจกับหนังนอกกระแสมากนัก เพราะขี้เกียจคิด เสพติดความง่าย เวลาดูหนังผีก็ต้องน่ากลัว หนังรักต้องโรแมนติก เศร้าก็ต้องโดนกีดกัน อะไรก็ว่าไป ถ้าคนไทยไม่เสพอะไรแบบนี้ ละครหลังข่าวก็คงเปลี่ยนแนวไปนานแล้วล่ะ ไม่มาตบจูบ ข่มขืน ปืนลั่น คิดมีเสียงแบบนี้หรอกครับ นั่นแสดงให้เห็นว่าเรายังไม่พร้อมเปิดใจจริงๆ นั่นแหละ

    แต่ยุคนี้ก็ถือเป็นยุครุ่งเรืองของหนังอินดี้ในประเทศไทยกว่าทุกยุคแล้ว ปัจจุบันมีหนังนอกกระแสหลายเรื่องที่ดูสนุก ดูรู้เรื่อง และทำให้คนดูเริ่มเกิดไอเดียว่า มันไม่ได้ยากขนาดนั้นนี่หว่า

    มันเหมือนกับคนทั้งประเทศชอบกินไข่ดาวสุกๆ แล้ววันนึงก็มีคนกลุ่มนึงออกมาบอกว่า จริงๆ แล้วไข่ดาวมันกินแบบไม่สุกก็ได้นะเว้ย เดี๋ยวทำให้กิน

    การทำหนังอินดี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไม่ใช่เรื่องความเท่ ผู้กำกับหนังอินดี้ที่เรามองว่าเท่ คือคนที่ทำไข่ดาวไม่สุกมาแล้วเป็นร้อยๆ ฟอง ทำจนรู้ว่าคนกินชอบแบบไหน ไม่ชอบแบบไหน

    แต่ถามจริงๆ  แน่ใจแล้วเหรอว่าเราจะทำไข่ขาย ทั้งที่เราสามารถหากินเองในร้านที่ชอบได้?


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in