ห่างหายจากการเที่ยวภาคเหนือไปนานเริ่มต้นที่แรกเราก็มาเริ่มที่เมืองน่านก่อน เตรียมสมองที่โล่ง ๆแบกเป้พร้อมเที่ยวเมือง 1 วัน เพื่อมาหาว่า เสน่ห์เมืองน่านคืออะไรกัน
วัดพระธาตุเขาน้อยกับบันได 303 ขั้น เราเริ่มต้นวันด้วยการขึ้นเขาตั้งแต่ 8โมงเช้ากับอากาศประมาณ 20 องศา กำลังสบาย ๆ เป็นการขึ้นเขาที่เกือบท้อไปหลายรอบแต่เขาว่าข้างบนสวยมาก จนเรามาเห็น
สวยจริงงงงงงเห็นเมืองน่านทั้งเมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยทิวเขาจาง ๆ มีหมอกจาง ๆ ในตอนเช้าอีกชอบที่สุดคือเสน่ห์ความเป็นวัดของทางภาคเหนือที่จะมีโคมล้านนาอยู่ในทุก ๆ วัดซึ่งเป็นสิ่งที่ตื่นตาตื่นใจมาก แบบสิ่งนี้คือเสน่ห์เล็ก ๆ ของภาคเหนือเลยก็ว่าได้
วัดพระธาตุแช่แห้ง อากาศเริ่มร้อนระอุ แต่เรายังสู้ต่อมาถึงตรงนี้เราจะเห็นโคมและผ้าทอแบบล้านนาประดับเป็นสีสันอยู่เต็มวัดตัวเจดีย์สีขาวและทองส่องประกายท่ามกลางแสงแดดประทับใจอากาศเมืองนี้นิดหน่อยที่ถ้าหาที่ร่ม ๆ บังแดดสักหน่อยก็จะมีลมเย็น ๆโกรกพัดให้ชื่นใจอยู่บ้าง
ถัดมาเมื่อท้องเริ่มหิว ร้านข้าวซอยคลาสสิคที่ตั้งอยู่ข้าง ๆกับวัดก็เรียกหา รสชาติอร่อยล้ำขนาด กินในบรรยากาศเย็นสบายแบบนี้ ฟิน....คุณน้าเจ้าของร้านก็ใจดี เล่าเรื่องวัฒนธรรมชาวน่านในสมัยโบราณให้ฟังด้วย
เสร็จจากกินข้าว พวกเราก็ไปต่อกันที่โฮงเจ้าฟองคำบ้านของเจ้าฟองคำที่มาพำนักในช่วงบั้นปลายชีวิตเราจะเห็นความเป็นบ้านชาวล้านนาสมัยโบราณแท้ ๆ แบบถ้าให้นึกถึงละครสักเรื่องอาจจะนึกถึงกลิ่นกาสะลอง เราได้กลิ่นอายแบบล้านนาออกมาจากบ้านนี้จริง ๆและเรายังเห็นความเป็นภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาของชาวน่านอย่างการทอผ้าที่ผู้หญิงทุกคนจะต้องทอผ้าเป็นถึงจะออกเรือนได้
ถัดมาต่อกันที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่านเหมือนเป็นหอเก็บประวัติความเป็นน่านทุกอย่างเอาไว้ในที่เดียว พี่ ๆวิทยากรก็เล่าเรื่องได้อย่างอรรถรสถึงที่มาที่ไปของสิ่งของต่าง ๆ ในพิพิทธภัณฑ์เชื่อมโยงกับความรู้ของเมื่อเช้าทำให้เราเห็นภาพของจังหวัดแห่งนี้ที่ชัดขึ้น
และมาถึงไฮท์ไลท์ วัดภูมินทร์ กระซิบรักแห่งเมืองน่านภาพจิตกรรมฝาผนังที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ยังคงถูกเก็บรักษาอยู่ที่วัดรอให้คนมาพบเจออยู่
https://maps.app.goo.gl/52btQ4qdBsfHmWoZ9
แต่ออกมาจากวัดภูมินทร์แล้ว ถ้ายังไม่เหนื่อยเกินไปเดินไปอีกสักหน่อยจะเจอกับวัดศรีพันต้นและวัดมิ่งเมือง ที่อยู่ไม่ไกลกันแต่ถ้าเริ่มหิวและอยากพักผ่อน แนะนำให้จบวันด้วยกาดข่วงเมืองน่าน ตลาดถนนคนเดินสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่คือการที่มีขันโตกให้คนที่เดินตลาดได้มานั่งกินข้าวที่ซื้อมาเป็นเหมือนลานคนเมืองให้คนได้มาพบปะสังสรรค์กันซึ่งเป็นสิ่งที่มีเสน่ห์อย่างมากและคิดว่าเป็นเอกลักษณ์สำคัญของเมืองน่านที่ยังคงรักษาเอาไว้ผสานกับความเป็นสมัยใหม่ที่เข้ามาได้เป็นอย่างดี
จริง ๆ ถ้าให้เปรียบเมืองน่านกับภาพที่นึกออกด้วยความที่ทุกครั้งที่เรานึกถึงภาคเหนือเราจะนึกถึงหัวเมืองใหญ่อย่างเชียงใหม่หรือเชียงราย ซึ่งจริง ๆน่านก็เป็นอีกจังหวัดเล็ก ๆ สำหรับคนรักความสงบที่ชอบบรรยากาศแบบภาคเหนือนี่ว่าน่านมีองค์ประกอบและเสน่ห์ทุกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก ๆคิดว่าถ้าช่วงปีใหม่ยังไม่มีที่เที่ยวในใจอยากไปเค้าท์ดาวน์แต่เป็นสายอินโทรเวิร์ท น่านก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in