5. อยู่คนเดียว
วันเวลาในแต่ละวันที่ผ่านไป ผมรู้สึกว่ามันช่างยาวนานรึเกิน ตั้งแต่ไม่มีใครอีกคนที่อยู่ข้างกาย บางทีเราก็ไม่มีความกล้าไม่พอที่จะเดินเข้าไปขอโทษ ได้แต่นั่งคิดนอนคิดไปมาซ้ำๆ เฮ้อ พาตัวเองลุกอาบน้ำตั้งแต่เช้า แล้วมาเรียนด้วยรถแท็กซี่ แล้วฝนก็ตกลงมายิ่งทำให้การจราจรติดหนักเข้าไปอีก แต่ไม่ได้รีบเพราะออกมาเช้ามาก เห็นฝนตกแล้วคิดถึงอีกคนขึ้นมา
“พี่สิง วันนี้คริสว่าฝนจะตกแน่ คริสเอาร่มใส่ในกระเป๋าให้แล้วนะ”
พอผมเปิดกระเป๋าดู ก็พบว่ามีร่มพับขนาดเล็กอยู่หนึ่งอัน แต่ผมเห็นไม่จำเป็นใช้ก็เลยเอาจากกระเป๋า พอตกเย็นฝนก็ตกจริงๆ ผมที่วิ่งตากฝนขึ้นรถเมย์กลับบ้านเองในวันนั่น โดนเจ้าของร่มบ่นชุดใหญ่ แถมป่วยหนักอีก
ไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีหยุดน้ำตาไหลออกมา จนรู้สึกอุ่นๆ ที่ข้างแก้ม ผมรีบยกแขนเสื้อเช็คทันที ความทรงจำระหว่างเรามันช่างมากมายเหลือเกิน สิ่งดีๆ ที่คริสทำให้ผมมันมีเยอะมากจริงๆ
“เอ่อ... เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณ”
“ปะ...เปล่าๆ ครับ ” ผมหันไปตอบคุณลุงขับแท็กซี่ ก่อนจะรีบยิ้มตอบอีกฝ่ายไป คุณลุงแกก็พยักหน้ารับ
“ตอนลุงอายุเท่าคุณ ลุงก็เคยมาร้องไห้ที่บนรถแท็กซี่นะ”
ลุงแกพูดขึ้น ผมก็นั่งเงียบฟังแกพูดไปเรื่อย
“ลุงโดนแฟนบอกเลิก แล้วเขาก็ไล่ลุงออกจากห้องด้วย แต่ก็นะ ลุงก็สมควรโดนเขาบอกเลิกจริงๆ นั่นและ เราก็เอาแต่ทำงานไม่มีเวลาดูแลเขาเลย พอมีเวลาก็ไม่ได้สนใจเขา เพราะคิดว่าเขารักเรามาก เขาไม่มีทางทิ้งเราไปหรอก ... แต่ชีวิตคนเรามันก็ไม่ได้มีอะไรแน่นอน ถ้าตอนนี้เรายังมีโอกาสที่จะแก้ไข ก็รีบทำเถอะ อย่าปล่อยเวลาทิ้งไว้เลย”
ประโยคของลุงมันเตือนสติผมในเวลานั่น จากที่คิดว่าน้องคงไม่อยากคุยกับเราแล้ว เอาแต่ไม่กล้าเผชิญหน้า คิดไปเองสารพัด ผมต้องไปตามเจ้าก้อนกลับมา
“ขอบคุณครับลุง” ผมขอบคุณลุงขับแท็กซี่
เลิกเรียนผมรีบเก็บของเพื่อที่จะไปหาคนที่ผมคิดถึง แต่ก็เหมือนอะไรๆ ก็ไม่ได้เป็นใจให้ผมขนาดนั่น จังหวะที่เดินข้ามถนนก็มีรถคันหนึ่งตรงมาทางผม ร่างกายของผมปะทะเข้ากับด้านหน้าของรถจนกลิ้งขึ้นฝากระโปรงหน้ารถแล้วตกลงมาบนพื้น สติที่เหลืออยู่น้อยนิดของผม...กำลังคิดถึงรอยยิ้มของเจ้าก้อน ผมพอจะมีโอกาสกลับไปเห็นรอยยิ้มแบบนั่นอีกไหม
ผมเดินอยู่ท่ามกลางหมอกสีขาวที่หนาตามาก เดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย แต่กับเหมือนได้ยินเสียงใครเรียกชื่อตัวเองซ้ำไปซ้ำมา แล้วเสียงก็คุ้นมากด้วย คริสเหรอ ใช่คริสใช่ไหม คริสได้ยินช่วยตอบพี่ที ผมเอาแต่มองหาเสียงนั่น เหมือนเสียงมันดังออกไปไกลเรื่อยๆ ผมที่วิ่งตามจนเหนื่อย นั่งลงอย่างหมดแรง ผมอยากกลับไปหาเจ้าก้อนผมคิดถึงน้อง ได้โปรด ช่วยให้ผมกลับไปหาเขาที
ขนตาที่ปิดสนิทขยับเล็กน้อย จนเปลือกตาที่ปิดอยู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แต่ด้วยแสงที่จ้ามากจนเขาหรี่ตาลง หันมองข้างตัวก็พบกับกลุ่มผมสีดำนอนซบอยู่กับฝ่ามือเขา มือที่จับกันจนแน่น เหมือนกลัวผมจะหายไปไหน คริส...พี่กลับมาแล้วนะคนดี
“คะ...คริส” เสียงที่ผมคิดว่าดังมากติดแหบจนนึกว่าไม่ใช่เสียงผม แต่คนที่นอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นทันที
“พี่สิง พี่ฟื้นแล้ว อึก พี่ฟื้นแล้ว ฮืออออ”
“อืม พี่ฟื้นแล้วครับ ขอน้ำหน่อย”
แก้วที่มีน้ำถูกยื่นมาที่ผมพร้อมกับหลอด ผมค่อยๆ ดูดน้ำเข้าไป คริสที่ร้องไห้ก็ยังคงร้องไห้ต่ออยู่แบบนั่น ผมเอาแต่มองคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง คนที่คิดถึงมากที่สุดในเวลานี้ ผมทำเขาร้องไห้อีกแล้วเหรอ
“พี่ขอโทษครับ”
“พี่จะขอโทษผมทำไม อึก พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” มือขาวปาดน้ำตาออกจากหน้าตัวเอง ใจจริงผมอยากเป็นคนให้มากกว่าแต่ติดว่าแขนยังไม่มีแรง
“ผมไปตามหมอดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอก พี่ไม่เจ็บอะไร”
“พี่อยากอยู่กับเรามากกว่า” ผมบอกอย่างนั่นก่อนจะจะกวักมือให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้
“กอดได้ไหม”
คริสค่อยๆโน้มตัวเองเข้ามากอดผมอย่างแผ่วเบาเพราะว่ากลัวผมจะสะเทือนแผลได้
“พี่อยากกอดคริสแน่นๆ อยากจูบด้วย”
เจ้าก้อนที่กอดผมอยู่แก้มแดงขึ้นมาซะงั้น ผมอดใจกับแก้มกลมๆ ไม่ไหว จนต้องกดหอมลงไป โอ๊ยยยยยย แก้มเมียมันชื่นใจจริงๆ
“พอเลย ห่วงตัวเองก่อนไหม” ว่าผมด้วยเสียงอ่อนขนาดนี้ คิดว่าผมลจะกลัวไหม
รอให้ออกจากโรงบาลก่อนเถอะ จะฟัดให้ร้องไม่ออกเลย
เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้เราผละออกจากกัน เป็นพ่อผมที่เดินเข้ามา
“พ่อครับ”
พ่อเดินตรงเข้ามากอดผมทั้งน้ำตา ความเจ็บปวดทางร่างกายที่ผมได้รับ ไม่เท่ากับตื่นขึ้นมาเห็นน้ำตาคนที่เรารัก ที่เขากำลังกอดเราพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย
“ดีใจที่ลูกกลับมาหาพ่อ อย่าทิ้งพ่อกับคริสไปแบบนี้อีกรู้ไหม”
มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวผม ก่อนที่หมอจะเข้าตรวจอาการผม อีกสองสามวันผมก็สามารถออกจากโรงพยาบาลแล้ว แผลตามตัวมีช้ำบาง หัวที่กระแทกพื้นก็ไม่มีอะไรหน้าเป็นห่วง คริสเล่าให้ฟังว่าผมสลบไปถึงสองวันเต็มๆ นั่นคือทำไมทุกคนต่างร้องไห้ที่ผมฟื้นขึ้นมา
วันนี้ต่อมาครอบครัวคู่กรณีของผมเขาก็เขามาเยี่ยมและขอโทษ พร้อมกับรับผิดชอบค่าใช้ทุกอย่าง แต่ขออย่างเดียวคืออย่าเอาเรื่องลูกชายเขา แต่เหมือนทางเจ้าก้อนจะไม่ยอมความ เพราะทางนั่นขับรถด้วยความประมาท ผ่าไฟแดงมาชนผมที่กำลังเดินข้ามถนนอยู่
ผมไม่ได้ติดใจที่จะเอาเรื่องเขา เพราะผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก เลยขอร้องคริสให้ยอมความเขาไปเถอะ เจ้าก้อนมีท่าทางฮึดฮัดแต่ก็ยอมตกลงตามที่ผมขอ
“มานั่งใกล้ๆ หน่อยสิ ไปนั่งตรงโซฟาทำไม”
ผมเรียกเจ้าก้อนเข้ามาใกล้ๆ ทำท่าเหมือนไม่พอใจแต่ก็ยอมมาอยู่ดี
“ยิ้มอะไร” ดูทำเสียงเหวี่ยงเข้า
“ยิ้มให้แฟน พี่ผิดเหรอ” ผมเอือมมือไปดึงแก้มคนข้างๆ
“พอเลย ใครเป็นแฟนกัน”
“อ่อ...ต้องเมียสินะ”
เพี้ยะ!
“โอ๊ยยยย ก้อนตีพี่ทำไม พี่ยังเจ็บอยู่นะ” ผมลูบแขนตัวเองปอยๆ
“ตีคนปากดีไง สม”
ผมมองตามอีกคนที่ลุกออกไป คาดโทษไว้ใจ รอให้ออกโรงบาลก่อนเถอะ
ถึงวันที่ผมออกโรงพยาบาล กลายเป็นพ่อผมที่มารับแทน เพราะเจ้าก้อนไม่ว่างขึ้นมากะทันหัน ผมนี้งงมาก แล้วหลายวันที่เฝ้าโรงพยาบาลล่ะ ทำไมถึงว่างมาเฝ้าได้ อารมณ์คล้ายน้อยใจตีขึ้นมาเต็มอก พอโทรหาก็ไม่รับ ทักไลน์ไปก็ไม่ตอบ จนมาถึงบ้านผม ก้มมองโทรศัพท์ที่ไร้สัญญาณจากอีกฝ่าย
“น้องบอกพ่อรึเปล่าครับว่าไปไหน ทำไมสิงติดต่อน้องไม่ได้เลย”
“เอาน่า เดี๋ยวน้องก็มาหาเองและ พ่อว่าเรารีบเข้าบ้านไปพักผ่อนเถอะ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาเอง”
นี้คือสิ่งที่ผมทำได้ตอนนั่น คือ นอน ตื่น กิน วนลูปอยู่แบบนั่น เป็นอาทิตย์แล้วที่ผมเฝ้าโทรศัพท์ไม่ขาดตัวเลยแม้แต่วินาทีเดียว คนๆ เดียวที่ผมคิดถึง เขาไม่สนใจที่จะรับสายจากผมเลย ทำไมก้อนใจร้ายกับพี่จังวะ ไม่รักพี่จริงๆ แล้วใช่ไหม
เฮ้อ ได้แต่ยืนถอนหายใจอยู่ตรงระเบียงบ้าน เวลาเย็นที่อากาศกำลังสบายมีลมพัดเอื่อยๆ พระอาทิตย์กำลังค่อยๆ ลับขอบฟ้า ความคิดต่างๆนาๆกำลังตีกันอย่างยุ่งเหยิงอยู่ในหัวผม
“ขมวดคิ้วขนาดนั่น หน้าแกหมดดี”
ผมหันตัวกลับมากก็เจอกับคนที่ผมคิดถึง... รอยยิ้มกว้างถูกส่งมาให้ จนต้องพาตัวเองเข้าไปกอดอีกฝ่ายจนแน่น
“หือ พี่สิง คริสหายใจไม่ออกแล้ว”
“คริส พี่ไม่ได้ฝันใช่ไหม คริสกลับมาหาพี่จริงๆ ใช่ไหม”
ผมพูดอยู่กับคออีกฝ่าย ไม่รู้ทำไมตัวเองเสียงสั่นขนาดนั่น กลัวว่ามันจะเป็นแค่ฝัน
“คริสตัวจริงเสียงเลยครับ กอดแน่นขนาดนี้ยังไม่มั่นใจอีกเหรอ”
ผมพยัก เจ้าก้อนที่อยู่ในอ้อมกอดผมกอดกระชับเข้าไปอีก เราเองต่างก็คิดถึงกันและกัน คริสค่อยๆ ลูบหลังผมอย่างต้องการปลอบคนอ่อนแอตรงนี้
“พี่...ขอโทษ”
“...”
“ขอโทษที่เป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลย ชอบทำแต่ให้เราเสียใจอยู่ตลอดเวลา ชอบละเลยความใส่ใจที่เรามีให้ ไม่สนใจความรักที่เรามีให้พี่ พี่ขอโทษ”
“...”
ผมดึงตัวคริสออกมา ใบหน้ากลมเต็มไปด้วยน้ำตา ผมบรรจงน้ำตาให้อย่างเบามือ พร้อมกับจับมือไว้แน่น แล้วผมก็คุกเข่าลง
“พะ...พี่สิง ฮึก ลุกขึ้นเถอะนะ”
“พี่ขอโอกาสได้ไหมคริส ให้พี่มีโอกาสรักเราและดูแลเราคืนบ้าง สำหรับพี่ยังพอมีโอกาสนั่นไหม”
“ฮือๆ ไอ้พี่สิงคนบ้า”
ผมลุกขึ้นแล้วรวบตัวของคริสเข้ามากอดไว้
“คริสรักพี่สิงมาตลอด...รักมากๆ ด้วย อึก ฮือๆ”
“ครับๆ พี่ก็รักคริสนะครับ หยุดร้องไห้เถอะนะ ใจพี่จะขาดตามแล้วรู้ไหม เห็นน้ำตาเราแบบนี้พี่ทำอะไรไม่ถูกแล้ว” ผมยิ้มให้กับคนที่ซุกอกผมอยู่ ถึงหน้าจะเลอะน้ำตา แต่ก็ไม่สามารถปิดความน่ารักของคริสได้เลย ผมคงไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ
พ่อครับ...ยกขบวนขันหมากไปขอเด็กคนนี้ให้สิงด้วยครับ!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in