สั้นๆ : เกาะ , ที่เที่ยวอันดับ 1 ของเฮลซิงกิ , เข้าฟรี , มรดกโลก , เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์
วิธีไป : นั่งเรือข้ามฝาก 15 นาที ถึง จบ ฟิน
เวลาพูดถึงฟินแลนด์เนี่ย ภาพแรกๆที่ผุดขึ้นมาในหัว คือแสงเหนือ แซลม่อน ภูเขาหิมะลูกใหญ่ๆเยอะๆ และวิถีชีวิตแบบ Wild Wild ต้นปีที่ผ่านมาผมได้มีโอกาส ไปแลกเปลี่ยนที่เมืองเฮลซิงกิ เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ อยู่พักหนึง
ก่อนไปคิดไว้ว่า จะต้องได้เห็นแสงเหนือทุกคืนจนเบื่อ มีรูปแสงเขียวๆบนท้องฟ้ายามค่ำทุกวันบนไทม์ไลน์ จนเพื่อนต้องถามว่า เบื่อเลยมั้ยมึง ? , กินแซลม่อนจนร่างกายเริ่มกลายเป็นสีส้ม (ไอ้สัส เว่อร์ไป) , เลิกเรียนเสร็จ ก็ไปปีนเขาหลังหอพัก , จิบเบียร์ริมแม่ทะเลสาปตามสไตล์นอร์วีเจี้ยน , อีกมากมาย เท่าที่ไทยเลี่ยนคนหนึงจะคาดหวังไว้ได้
ตัดภาพมาถึงต้นเดือนมกรา ณ เมืองเฮลซิงกิ สิ่งที่เราพูดไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่มีทั้งแสงเหนือ แซลม่อน ราคาก็แรงเกินกว่าบุฟเฟ่ต์แซลม่อนย่านสยาม , และหนาวขนาดนั้น ไม่มีใครบ้ามานั่งกินเบียร์ริมทะเลหรอก
เราเพิ่งรู้ว่าเมืองเฮลซิงกิ คือเมืองที่อยู่ใต้สุดของฟินแลนด์ ข้อดีคือไม่หนาวมาก และติดทะเล ผมไม่ค่อยแปลกใจ ที่ที่เที่ยวที่ดังสุดของเมืองนี้คือเกาะ ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมาก ต่อคิว , จ่าย 5 ยูโร (~200 บาท) , นั่งเรือ 15 นาที , ถึง , ง่าย , จบ
ประวัติความเป็นมาของที่นี่ คือเคยเป็นป้อมปราการสมัยสงครามโลกมาก่อน หลังจากสงครามจบลง ก็เริ่มเปลี่ยนให้คนเข้ามาอาศัย และท่องเที่ยว ที่ชอบอีกอย่างคือมันฟรี และอีกหลายๆอย่างคือ สวยดี
เกาะค่อนข้างใหญ่ แต่ไม่ถึงกับใหญ่มาก เดินรอบเกาะแบบครบๆ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง ที่นี่มีสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างครบ ในแง่ของการมาเที่ยว ทะเล , ต้นไม้ , บ้าน , โบถส์ และทุกอย่างลงท้ายด้วยคำว่านอร์วีเจี้ยน มาที่เดียวได้เห็นวิถีชีวิตชาวเฮลซิงกิไปเกินครึ่งเลย เป็นที่เที่ยวเดอะมัสต์ และเราแนะนำมากๆ สำหรับคนที่ผ่านมาเที่ยวเฮลซิงกิ
Noted
- ภาพเซ็ตนี้ ถ่ายช่วงเดือนมกรา ช่วงนั้นเป็นหน้าหนาวมากของฟินแลนด์ แดดไม่ค่อยออก อาทิตย์หนึงจะมีมาให้เห็นซัก 1-2 วัน แต่วันนั้นที่เราโชคดีแสงสวย
- ช่วงนั้นพระอาทิตย์ตกตอน 15.00 ต้องรีบเดิน เพราะถ้ามืดแล้ว คงจะแอบสยองไม่น้อย
- ย้ำอีกทีว่ามันฟรี ถ้าใครไปเที่ยวฟินแลนด์อย่าพลาดที่นี่เชียวล่ะครับ มีเพื่อนเราจากเกาหลี มาเที่ยวเฮลซิงกิ 3 วัน วันสุดท้าย เธอเพิ่งรู้ว่ามีที่แบบนี้ด้วย (และบ่นพรึมพรำว่าทำไมยูไม่บอกไอตั้งแต่แรก)
- จริงๆทีี่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์ และคาเฟ่ อีกมากมาย แต่ช่วงหน้าหนาว มันปิด เลยเดินได้แต่ข้างนอก
- ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทริปนี้เราใช้ไป 10 ยูโร (ค่าเรือ) หรือประมาณ 400 บาท
มาพูดคุยกันได้ที่
" สัส กูว่าแล้ว มึงต้องฝากเพจ "
" เออ เอาหน่อย "
PS. รอชมภาพแบบเต็มๆอยู่นะ 55