" ยังไม่นอนอีกหรอ " ห้องที่มืดเหลือเพียงเเสงสว่างจากโคมไฟทำให้เห็นคนตรงหน้าเหมือนกำลังตั้งใจทำอะไรสักอย่าง ผมพูดก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องที่ถูกเปิดเเง้มไว้
" อื้อ พึ่งกลับบ้านมาหรอ " เขาตอบเเละหันหน้ากลับไปทำสิ่งตรงหน้าต่อ จากตรงนี้ผมมองเห็นเเต่กองหนังสือ กระดาษเอ4 เต็มโต๊ะ เเละ ปากกาสีที่ถูกวางไว้กระจายเต็มโต๊ะ
" เเล้วนี่ทำไรอะ " ผมเม้มปากก่อนที่จะพูดออกไป
" ออกเเบบบ้านให้ลูกค้าอยู่อ่ะ อยากดูหรือปล่าว " เขาพูดเเละลุกออกจากเก้าอี้เเละเดินตรงมาที่ผมกระดาษที่ในมือมีรูปบ้านเเละสวนที่ตกเเต่งด้วยสีสันสวยงาม
" อะ อื้อ สวยจังเลย " ผมพูดก่อนที่จะพูดออกไปอีก " งั้นผมไม่กวนนะ สู้ๆนะครับ " พูดจบผมรีบเดินออกจากห้องเเละปิดประตู
ผมเดินขึ้นบันไดอย่างเร่งรีบ เมื่อถึงห้องผมโยนข้าวของทุกอย่างลงบนที่นอนเเละกางเกงนักเรียนที่ใส่มาทั้งวันลงกระกร้าผ้าที่ใช้เเล้ว ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำเเละจัดการตัวเอง ผมทิ้งตัวลงบนที่นอนพร้อมเข้านอน
ตรึ้ง ตรึ้ง เสียงมือถือดังขึ้น ข้อความจากกล่องข้อความเเสดงขึ้นมาบนหน้าจอ
109231514 - "สนใจไปหาอะไรกินไหม "
81142914 - " ได้ครับ เเต่รอเเปปนึงนะ ผมเปลี่ยนชุดนอนเเล้วอ่ะ "
109231514 - "อยู่หน้าห้องนายเเล้ว"
หลังจากได้รับคำตอบจากคนตรงหน้า ผมรู้สึกตกใจกับการที่อยู่ๆเขาตอบมาเเบบนั้น ผมหยิบกระเป๋าตังค์ที่วางเเอ้งเเม้งอยู่บนที่นอนเเละฮูดดี้สีชมพูนีออนออกมาใส่หลังจากนั้นเดินไปใส่รองเท้าเเตะ
" ขอโทษที่ให้รอนานนะ " ผมเปิดประตูเเละบอกคนตรงหน้า ผมไม่เคยเห็นหน้าเขาชัดขนาดนี้ ผิวเนียนสวย กลุ่มผมสีเข้ม เเละตาที่มีเสนห์ทำเอาผมหยุดมองไม่ได้ รู้ตัวอีกทีอีกฝ่ายก็พูดอะไรสักอย่างทำให้ผมกลับมาโฟกัสอีกครั้ง
" อื้อ จะไปกันได้ยัง เอาเเต่มองเราเเบบนี้ อาหารไม่ตกถึงท้องหรอกนะ " เขาพูดออกมาพร้อมยิ้มหัวเราะจนตาหยี
ผมรีบเดินตามเขา เราเดินไปยังร้านอาหารที่เปิดจนถึงตี2 เราสั่งอาหารมาคนละหนึ่งอย่างเเละขนมซึ่งเเน่นอนมันเป็นของผมส่วนตัวเขาก็คงจะนั่งรอ ก่อนที่อาหารจะมาถึงเราก็พูดคุยกันนิดหน่อย เราพูดคุยกันตามภาษา เรื่องมีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง เราหัวเราะเเละขำกับสิงที่เราเจอมาทั้งวัน เราเเลกเปลี่ยนความคิดเรื่องราวกัน
" เอาจริงวันนี้คุยเยอะสุดเเล้วมั้ง .. คุยกันตั้งนาน สรุปชื่ออะไรหรอ " ผมถามออกไป
" นี่ไม่รู้จริงๆหรอ เเต่เราขอเดา นายชื่อฮันบิน "
ใช่ เราเจอกันพบหน้ากันเกือบทุกวัน เราพูดคุยกันไม่บ่อยมากบางทีก็สองสามประโยคต่อวัน บางทีก็ต่อเดือนย้ำว่าเดือน ส่วนใหญ่จะยิ้มเเละโบกมือทักทายกันมากกว่า
" เห้ย ใครบอกมา รู้ได้ไง "" ก็นายตั้งตัวเลขเป็นชื่อเราเลยลองเเกะดู เผื่อจะใช่ "
ผมอึ้งไปในคำตอบของคนตรงหน้าเล็กน้อย เเต่คนตรงหน้ากลับทำหน้าเหมือนรอคำตอบอะไรสักอย่าง
" นายว่าเราชื่ออะไร" เขาถามออกมาพร้อมกับกอดอกเเละรอคำตอบ
อาหารถูกวางบนโต๊ะก่อน ในตอนนี้อาหารดึงดูดความสนใจของเราทั้งคู่ เเต่เรายังไม่หยุดพูดคุยกัน อาจจะน้องลงกว่าตอนที่อาหารมาถึง ทันทีที่ของคาวเสร็จ ผมตบท้ายด้วยของหวานอย่างเค้กเวลเวท ส่วนเขาอีกคนก็นั่งรอผมล่ะ
" นี่ อร่อยนะไม่เอาจริงดิ " ผมถามคนตรงหน้าที่กำลังนั่งรอผม ในมือถือโทรศัพท์เหมือนกำลังหาอะไรสุกอย่าง
เขาเงยหน้าจากมือถือเเละมองมาที่ผม
" ลองดูก็ได้ "
" ได้ ไม่อร่อยให้ตบอ่ะ " ผมพูดออกไปพร้อมกับเรียกพนังงานเพื่อที่จะขอช้อนเพื่ม
" พี่ครับ ขอช้อนอี-"
" ไม่ต้องครับ ขอบคุณครับ "
พนังงานสาวที่ได้ยินก็เดินเกาหัวออกไปบริการโต๊ะอื่นต่อ
" บ้าหรอไม่ขอเพื่มละจะกินยังไง " ผมพูดก่อนที่จะวางช้อนลง เเปลกคน ตอนนี้ในหัวผมคิดเเบบนั้น
" ช้อนเดียวกันไม่เห็นจะเป็นอะไร " เขาพูดก่อนที่จะหยิบช้อนของผมไป
ทำไมวันนี้คนๆนี้ถึงมาเเปลก เขาไม่รังเกียจผมหรอ เราไม่ใช่คนที่จะสนิทอะไรกันขนาดนี้ปะ ตอนนี้คำถามเต็มหัวไปหมด
เราสองคนเป็นรูมเมทกันตั้งเเต่ที่ผมย้ายมาอยู่ที่โซล นับตั้งเเต่วันนั้นก็ร่วมไป 1 ปีเต็ม ส่วนเขาก็พึ่งจะมาอยู่หลังผมเพียงไม่กี่เดือน พ่อเเม่ของผมย้ายมาทำงานที่นี่จึงส่งผมมาอยู่ที่เกาหลี พวกเขาหาที่พักให้ผมก่อนที่จะตัดสินใจซื้อเพนท์เฮ้าส์ให้ผม เมื่อพ่อของผมได้ข่าวว่าลูกของเพื่อนจะมาที่นี่ด้วยเหมือนกัน ด้วยความเป็นห่วงของพ่อเพราะผมเป็นคนที่ขี้เหงา พ่อของผมจึงถามว่าเป็นไปได้ไหมที่จะพาคนนั้นๆมาอยู่กับผม เเละเขาก็ยินดีมาก
ทันทีที่เราพลัดกันกินเค้ก มันก็ใช้เวลาเพียงสั้นๆที่จะจัดการเจ้าขนมก้อนกลม เราเดินออกจากร้านเเละมุ่งหน้าไปยังคอนโดที่มีเพนท์เฮ้าส์ของเราทั้งคู่อยู่
" อยากกลับเเล้วหรอ "
" จริงๆก็ยังเเต่นายมีทำงานต่อไปใช่ไหม ดึกมากเเล้ว เรามากวนนายอีกเนี่--" เราหยุดเดินเเละพูดคุยกัน
" ก็ใช่นะเรื่องที่ว่ามีงานต่อ เเต่ว่านี่พึ่งจะเที่ยงคืนเอง พรุ่งนี้นายไปเรียนหรือเปล่า " เขาถามออกมาก่อนที่ผมจะพูดจบประโยค
" เรามีเรียนบ่ายโมงอ่ะ เเต่ว่าจะไม่ไป เพราะไม่มีเช็คชื่อ" ผมพูดออกไปเเละยิ้มเล็กน้อย เเอบรู้สึกเป็นเด็กที่โดดเรียนเเต่คำพูดของผมก็ทำให้คนตรงหน้ายิ้มออกมา เขาหัวเราะกับคำพูดของผม
" ฮ่าๆ เด็กน้อย .. งั้นเราไปเดินเล่นกันต่อไหม " เขาถามออกมาก่อนที่จะหยุดเดินเเละหันหน้ามาหาผม
" กะ ก็ได้หมดอ่ะ เเถวเเม่น้ำฮันก็ดีนะ "
เราสองคนเดินไปเลยๆจนถึงที่หมาย ย้ำว่าเดินมาเลื่อยๆ เราสองคนพูดคุยกันระหว่างเดิน
" นี่เเล้ว ที่ผ่านมานายไม่รู้จักชื่อเรา เเล้วนายเเทนเราว่าอะไรหรอ" คำถามที่ผมไม่คิดว่าชาตินี้ผมจะได้ยินจากคนที่พูดด้วยอย่างมากวันละสองประโยค
" บางทีก็ เพื่อนร่วมบ้าน นายข้างห้อง เพื่อนโต๊ะข้างล่าง เขาคนนั้น อะไรทำนองนี้ "
" เเล้วนายเรียกเราว่าอะไรหรอ " ผมตอบพร้อมกับถามคำถามต่อ ตอนนี้เราหยุดเดินเเละนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวที่หันหน้าเข้าทางเเม่น้ำ เเสงจันทร์กระทบน้ำกลายเป็นภาพที่สวยต่างกับวันไหนๆอาจะเป็นเพราะมันนานเเล้วที่ผมไม่ได้ออกมาเดินในตอนกลางคืน เเต่อีกใจก็อาจจะเพราะวันนี้ผมมีเพื่อนมานั่งที่นี่ด้วย
ผมนั่งมองคนข้างๆอย่างมีความหวังว่าคำตอบนั้นจะออกมาดี ไม่ใช่พวกเเบบสรรพนามที่ผมเรียกเขา
" ก็เรียกว่าคนนั้น นายห้องข้างๆ ล่ะมั้ง " เราหัวเราะให้กับชื่อที่พวกเราตั้งขึ้นมาเพราะเราสองคนต่างไม่รู้สึกชื่อซึ่งกันเเละกันเราเลยหาคำขยายเพื่อให้มันพูดออกมาเเล้วสื่อถึงคนๆนั้น
" สรุป นายชื่อฮันบินใช่ปะ " เขาหันมาถามผมด้วยสีหน้าที่ขี้เล่น
" อื้ม เราฮันบิน " ผมตอบเเละมองหน้าของอีกฝ่าย ผมไม่เเปลกใจที่เวลาเดินไปไหนทั้งวัยรุ่นเเละวัยกลางคนต่างมองเขา หรือเป็นเพราะเสนห์ที่เขามีเเต่ตัวเขานั้นไม่เคยรู้ตัว
" สรุป นายรู้จักชื่อของคนที่นั่งข้างๆนายหรือยัง " ทันทีที่คำถามนั้นถูกถามมาอีกครั้ง สติของผมที่ลอยไปกลับมาโดยทันที
" ก็คงจะ เเปปนะ " ผมลองใช้ตะกระของคนตรงหน้าที่ถอดชื่อผมออกมา จริงๆนั่นก็คือการที่ผมตั้งชื่อของผมเเหล่ะ ไม่อยากให้มันซ้ำกับคนอื่นเพราะส่วนมากก็ตั้งเเต่ตัวอักษร เเต่ผมว่ามันเหมือนกันคนอื่นมากไป
ผมละสายตาออกจากคนจากคนข้างๆ เเละหยิบมือถือเข้าไปหาชื่อของอีกฝ่ายที่ตั้งไว้
109231514 ผมเริ่มเทียบตัวเลยตามตะกระของตัวเองซึ่งผมก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันซึ่งผมว่ามันอาจจะใช่ก็ได้
" ถ้า H คือ 8 A คือ 1 ... " ผมงึมงัมกันตัวเอง ผมใช้เวลาสักพัก่อนที่จะถอดไอ้เจ้าปัญหาเชาว์ตอนกลางคืนนี้ ทันทีที่ผมพอจะเเกะรหัสลับนี้ออกมา ผมก็หันไปมองหน้าของคนที่เขานั่งข้างๆ เราสองคนมองหน้ากัน
" จีวอน " เราสองคนพูดออกมาพร้อมกัน
" ในที่สุดอยู่ด้วยกันมาหนึ่งปีเต็มพึ่งจะรู้จักชื่อกันอย่างเป็นทางการเนี่ย " ผมพูดก่อนที่จะมองหน้าของอีกฝ่าย เราหัวเราะกัน
ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เวลาเกือบตี1 นี่เเหล่ะนะที่เขาบอก เวลาเเห่งความสุขย่อมผ่านไปเร็ว
" กลับกันเถอะ นายต้องทำงานอีกนะ "
" อื้อ "
เราเดินจากเเม่น้ำฮันมายังคอนโดที่เราอาศัยอยู่ด้วยกัน จากที่นั่นมานี่เราใช้เวลาเดินทาง 20 นาที ทันทีที่เราเดินทางมาถึงห้อง เราเเยกย้ายกันหลังจากที่ถึงห้องโถง ผมวิ่งขึ้นบันไดเพื่อที่จะเข้าห้องของตัวเอง ส่วนเขาก็เดินไปที่โต๊ะทำงานตัวเดิมที่มีเเต่งานวางอยู่ เราโบกมือลาก่อนที่จะเเยกย้ายกันอีกครั้ง
เสียงฟ้าผ่าที่ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ ผมลุกขึ้นจากที่นอนเเละค่อยๆเเง้มประตูเพื่อดูว่าข้างล่างนั่นยังมีใครนั่งทำงานอยู่ไหม
" เเอบมองหรอ " เขาพูดเเต่ก็ไม่ได้เงยหน้าออกจากงานที่กำลังทำอยู่
" ปะ ป่าว เเค่หิวอ่ะ "
เปรี้ยง วูบ
เสียงฟ้าบผ่าที่เกิดจึ้นทำให้ไฟในห้องดับลง จากนั้นรู้ตัวอีกทีผมก็นั่งกองข้างประตูอยู่ที่พื้น ขาอ่อนเเรงลงเเบบอัตโนมัติ ไม่นานมากนัก ไฟฉุกเฉินก็สวางขึ้น มันไม่สว่างมากเเต่ก็ทำให้มองเห็นได้ในระดับนึง
ผมมองตรงไปยังคนที่ถึงเเม้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่มีวี่เเววที่จะตกใจ
" ฮ่าๆ ตลก นายกลัวฟ้าผ่าหรอ "
เขาขำเเละมองมาที่ผม หลังจากนั้นเราก็หัวเราะ ผมก็หัวเราะในความกลัวเหมือนเด็กของตัวเอง ส่วนเขาก็หัวเราะเพราะตอนนี้คนที่เเอบดูเขานั้นอยู่ที่พื้น
" อยากลงมาอยู่ข้างล่างก่อนไหมล่ะ อยู่คนเดียวข้างบนระวังนะ "
ยังไม่ทันสิ้นเสียงของคนตรงหน้า ผมก็รีบวิ่งลงไปนั่งตรงข้ามคนข้างล่าง ผมนั่งมองเขาทำงาน หยิบปากกาสีระบายลงเพื่อให้ส่วนประกอบในภาพชัดขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปผมก็ยังอยู่ที่เดิม ผมฟุบหน้าลงที่โต๊ะได้ยินเสียงไม้บรรทัดเหมือนเดิมของคนตรงหน้า ผมได้ยินเสียงเก้าอี้เลื่อน คงจะเดินไปหยิบของ เเต่สิ่งที่กระตุ้นความสนใจผมในตอนนี้มันเกิดขึ้นมาจากเขา เขาเดินไปหยิบเทียนหอมออกมาจุดและมองมาที่ผม
หลังจากจุดเทียนหอมทั้งหมด เขาก็มานั่งทำงานต่อ จากการที่นับคราวๆ มันประมาณ 9 จุด บนโต๊ะทำงาน 4 จุด ขั้นวางของด้านหลัง 2 จุด หน้าประตู 1 จุด ทางขึ้นบันได 2 จุด ผมยอมรับเลยว่าบรรยากาศในตอนนี้ถ้าให้เปรียบเทียบคงเหมือนการที่เราไปเดท
" วันหลัง ถ้านอนไม่หลับหรือมีงานต้องทำตอนกลางคืนก็ลงมาข้างล่างได้นะ นั่งทำงานที่นี่ตลอดเเหล่ะ "
" อื้อ "
ตอนนี้ก็เวลาปาไปเกือบๆตี 3 ถ้าเป็นวันปกติผมคงจะหลับไปเเล้ว เเต่วันนี้ผมไม่รู้สึกง่วงเลย ผมลุกขึ้นก่อนที่จะค่อยๆขึ้นบันไดไปหยิบกระเป๋าที่อยู่ในห้อง
ผมหยิบข้างของออกมาทำบ้าง ผมหยิบชีทออกมา ในบางวิชาไม่มีการบ้านผมก็ทบทวน บางทีก็เอาออกมาเพื่มเติมให้งานสมบูรณ์ขึ้น
ผมน่ั่งมองผลงานที่ถูกสั่งมาวันนี้ที่เข้าเรียน จริงๆกำหนดส่งอีก 1 อาทิตย์ เเต่มันก็ดีกว่าที่จะนั่งทำมันเลยตอนนี้ ผมหยิบอุปกรณ์ขึ้นมา ลบเเล้วลบอีก เเก้เเล้วเเก้อีก มันก็ยังไม่สวยตามเเบบที่ต้องการ
ในตอนนี้ผมไม่ได้สนใจคนที่อยู่ตรงหน้า รู้ตัวอีกทีผมก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมา
" เรียนสถาปัตถ์หรอ "
" อื้อ "
เราไม่ได้พูดคุยกันต่อ ผมกลับมาให้ความสนใจกับงาน ผมเหลือบมองคนตรงหน้า ในตอนนี้เขากำลังเก็บของ ผมคิดว่าเขาน่าจะทำงานเสร็จเเล้ว ผมมองหน้าเขาโดยบังเอิน
" เม่อหรือเเอบมองเราอีกเเล้ว ช่วยทำไหม เรางานเสร็จเเล้ว " เขามองมาที่ผมเเละยิ้มตายี๋ อีกใจผมก็รู้สึกดีที่เขาจะมาช่วยทำ เเต่อีกใจก็รู้สึกว่าเป็นการรบกวน กระดาษตรงหน้าของผมในตอนนี้ถูกเเย่งไปโดยคนตรงหน้า
" จะวาดเเบบนี้ใช่ปะ "
" อื้อ เเต่ตรงนี้ไม้รู้จะเพื่มหรือตัดอะไรออกดีอ่ะ "
เขาพูดก่อนที่จะดูกระดาษที่ผมวาดไว้ ผมชี้เเละอธิบายผมงานของตัวเองเเละอธิบายสิ่งที่เขาถามมา
"โอเค ไหนดู อ่อ โอเค จะวาดเเบบนี้ ต้องเริ่มจาก perspective 2 จุด นี่ตรงนี้ ส่วนตรงนี้วาดเป็นเเบบสวนก็สวยนะ ไม่เอา เอาเป็นรูปปั่นดีกว่า ... "
เขาพูดอธิบายไปเลื่อยๆพร้อมกับลากดินสอลงบนกระดาษอย่างคล่อเเคล่ว หมุนกระดาษเพื่อให้ได้มุม ผมตั้งใจฟังอย่างที่เขาบอก เราสลับกันเเก้จุดนู้นจุดนี้ เเก้ไขในสิ่งที่เขาบอก เเก้เส้นที่ไม่ตรง ลงเเรงเงาเพื่มในส่วนที่สมควร ผมควงปากกาที่อยู่ในมือเเละละสายตาออกมาจากกระดาษ ในตอนนี้ทั้งน้ำเสียง ใบหน้า กลุ่มผมของเขาดึงดูดความสนใจของผมมาก หลังจากนั้นไม่นานมาก เขาก็เงยหน้าจากกระดาษขึ้นมา
" อ่ะ เสร็จละ " เขาพูดขึ้นมาก่อนที่จะโชว์งานของผมขึ้นมา
" จ้องเราอีกเเล้ว "
ผมหลุดจากการเม่อเเละสะดุ้งกับสิ่งที่เขาพูด
" ฮ่าๆ ขอบคุณครับ" ผมพูดก่อนที่จะเม้มปากเเละก้มหน้าจมอก
" ทำไมวันนี้นักเรียนไม่ตั้งใจเรียนเลยครับ หื้ม ก่อนไปกินข้าวก็เม่อ ตอนทำงานก็เม่อ เม่อบ่อยๆ เเบบนี้หลอกให้เราทำงานให้หรือเปล่าเนี่ย" เขาพูดก่อนที่จะหัวเราะอีกครั้ง เขานั่งกอดอกเเละโน้มตัวมาใกล้ๆ
" อะ เออะ อะไรล่ะ นายเอาไปเองเหอะ ชวนเราลงมาทำงานด้วยนี่ "
" ฮ่าๆ ล้อเล่นครับเด็กน้อย "
" อู้ย ไฟมาเเล้ว ไปนอนไหม " ผมพูดก่อนที่จะเก็บของเเละถามคนตรงหน้า ในตอนนี้ผมเอาเเต่ก้มหน้าจมอก ในตอนนี้ผมมีความคิดว่าผมไม่กล้ามองหน้าคนตรงหน้าเเบบตรงๆได้อีกต่อไป
-ช่วงไรท์แอบเเถม อิิอิ-
ผมลุกจากเก้าอี้ก่อนที่จะรีบเดินขึ้นบันได
" ฝันดีนะ " เขาพูดออกมาเเล้วหันหน้ามาทางผมด้วยสายตาที่ขี้เเกล้งเเต่ในอีกทางก็อบอุ่น
" อื้อ เหมือนกันนะ " ผมรีบเข้ามายังห้องนอนของตัวเอง ผมพยายามข่มตานอนอีกครั้ง เเต่ทำยังไงก็นอนไม่หลับ
" ไอ้บ้าเอ้ย คนบ้าอะไรโคตรอบอุ่น เขินทำไมวะเนี่ย " ผมพูดกับตัวเองเเละเม้มปากด้วยความเขินอาย พอหลับตาผมก็ยังเห็นเเต่คนที่ผมเรียกมาตลอดว่าคนข้างล่าง
40%
180102 - 00:99
ตรวจคำผิด : -
You look like a drug addict but in a good way
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in