เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
shallwewatchjaypiter
Review - Youth of May : ความรักและวัยเยาว์ที่สูญหาย
  •      Youth of Mayซีรีส์เกาหลีย้อนยุคที่จะพาเราย้อนกลับไปยังเดือนพฤษภาคม ปี 1980 ณ เมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ โดยเล่าเรื่องราวผ่านความรักของคนสองคนท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติ และซีรีส์เรื่องนี้อ้างอิงถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ผู้ชุมนุมที่ปักหลักเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นเวลา 10 วันที่กวางจูหรือที่รู้จักกันว่า Gwangju Uprising

         หลายคนอาจรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตากับอีโดฮยอนในบทเด่นจากเรื่อง Hotel Del Luna, 18 Again และโกมินชีจากเรื่อง Hello, my twenties 2, Love Alarm, etc. และทั้งสองยังได้รับบทเป็นพี่น้องกันในเรื่อง Sweet Home ซึ่งใครที่ดูไปแล้วจะรู้ว่าพี่น้องคู่นี้ดูไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไร  เมื่อกลายมาเป็นบทพระเอกนางเอกในเรื่อง Youth of May ก็จัดว่าเคมีเข้ากันสุด ๆ 

         นอกจากความคุ้นหน้าคุ้นตาพระเอกและนางเอกของเรื่องแล้ว เราเชื่อว่ามีหลายคนที่แม้จะยังไม่ได้ดู ก็ได้เห็นบางฉากในเรื่องนี้มาจากทวิตเตอร์ ส่วนตัวเราเห็นทวีตที่พูดถึงตอนจบของเรื่อง เรียกได้ว่าโดนสปอยล์ยับตั้งแต่ยังไม่เริ่มดูเลยค่ะ แต่ก็เป็นตอนจบที่ทำให้เราตัดสินใจกดดูซีรีส์เรื่องนี้เช่นกัน

         Youth of May รับชมได้ทาง VIU นะคะ กดเข้าไปจะเห็นว่ามี 24 ตอน แต่จริง ๆ แล้วเป็น 12 ตอนที่แบ่งแต่ละตอนออกเป็น 2 พาร์ท ไม่ยาวเลย โต้รุ่งดูคืนเดียวจบสบาย ๆ ค่ะ


    เรื่องย่อ

         เดือนพฤษภาคม ปี 1980 ฮวังฮีแท นักศึกษาแพทย์มหาวิทยาลัยโซลเดินทางกลับบ้านเกิดที่เมืองกวางจูเพื่อทำเรื่องย้ายผู้ป่วยติดเตียงคนหนึ่ง และได้พบกับคิมมยองฮี พยาบาลสาวในห้องฉุกเฉินที่ทำงานส่งเงินให้ครอบครัวที่อาศัยอยู่อีกเมือง ทั้งสองคนพบกันในเดือนพฤษภาคมที่ดอกไม้ผลิบาน เช่นเดียวกับความรักที่ผลิบานในใจคนทั้งสองภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวายและไม่สามารถรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า

    ตัวละครเรียงจากซ้ายไปขวา ฮวังฮีแท คิมมยองฮี อีซูชาน อีซูรยอน

    ตัวละครหลัก

    ฮวังฮีแท - นักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยโซล บ้านเกิดอยู่ที่เมืองกวางจู มีพ่อ, ฮวังกีนัม ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสืบสวนต่อต้านคอมมิวนิสต์ที่ร่ำรวยและดูมีอิทธิพล ชีวิตในบ้านของฮีแทจะต้องทำตามคำสั่งพ่อและทำตัวเป็นลูกชายแสนดีอยู่ตลอด

    คิมมยองฮี - พยาบาลห้องฉุกเฉินประจำโรงพยาบาลในกวางจู เป็นคนที่ทำงานหาเงินส่งให้ครอบครัวที่อาศัยอยู่อีกเมือง ไม่ได้มีฐานะมากนัก เรียนไม่จบมัธยมเพราะเคยเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องออกจากโรงเรียน มีความฝันที่จะไปเรียนต่อและใช้ชีวิตที่ต่างประเทศโดยไม่กลับไปที่เกาหลีอีก

    อีซูรยอน - เพื่อนสนิทของมยองฮี หนึ่งในแกนนำการประท้วงที่กวางจู เป็นลูกสาวนายทุนที่ร่ำรวย แม้พ่อจะไม่อยากให้ลูกสาวไปยุ่งกับการประท้วงนัก ซูรยอนก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อการเรียกร้องประชาธิปไตยเสมอ

    อีซูชาน - พี่ชายซูรยอน เพิ่งเดินทางกลับจากการเรียนต่อที่ต่างประเทศมาทำธุรกิจเวชภัณฑ์ที่บ้าน

    มีสปอยล์น้อยมาก ๆ คนยังไม่ดูอ่านได้ค่ะ ◡̈


    Youth of May

         ฉากแรกเปิดมาด้วยการพบโครงกระดูกที่ไซต์ก่อสร้างในเมืองกวางจู ปี 2021 เท่านี้ก็รู้เลยค่ะว่าเรื่องนี้ต้องมีคนตาย และเกิดเป็นคำถามให้ผู้ชมได้เดากันว่าโครงกระดูกที่พบนั้นคือใคร จากนั้นเรื่องก็เล่าย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม ปี 1980 ที่เกาหลีใต้ยังคงถูกปกครองด้วยรัฐบาลเผด็จการและยังมีทีท่าว่าจะเกิดการรัฐประหารขึ้น ปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน มีการข่มขู่คุกคามถึงขั้นทำร้ายร่างกายอย่างสาหัสหรือถึงกับทำให้หายสาบสูญกับผู้ต่อต้านรัฐบาล ผู้ต่อต้านรัฐบาลเหล่านั้นถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์และมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง (คำว่าคอมมิวนิสต์ของเกาหลีใต้ ณ เวลานั้น น่าจะหมายถึงเป็นสายลับจากเกาหลีเหนือ)

         แม้จะเป็นช่วงเวลาหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์เกาหลีที่โหดร้ายและตึงเครียด ซีรีส์เรื่องนี้ค่อนข้างชูประเด็นความรักของพระเอกและนางเอกเป็นหลักโดยมีความเกี่ยวข้องทางการเมืองของทั้งคู่และคนรอบตัวคอยส่งให้ความรักครั้งนี้มีทั้งรสหวานและขมในเวลาเดียวกัน หวานด้วยความรักอย่างสุดหัวใจที่มีให้กันแม้พบเจอไม่กี่ครั้ง แต่ก็ขมด้วยอุปสรรคอย่างสิ่งที่ไม่สามารถหลีกหนีได้อย่างครอบครัวของทั้งคู่ที่มีสถานะทางสังคมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง รวมทั้งอุดมการณ์ทางการเมืองที่เห็นได้ชัดว่าฮวังกีนัม, พ่อของฮีแทอยู่ฝ่ายเผด็จการอย่างชัดเจนในขณะที่คนรอบตัวฮีแทและมยองฮีนั้นเรียกร้องประชาธิปไตยกันสุดความสามารถ แต่ด้วยรสหวานและขมนี้ก็ทำให้มีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครด้วยเป็นอย่างดีและยังคงนำเสนอผลกระทบจากการปกครองแบบเผด็จการต่อประชาชนในตอนนั้นได้ดีเช่นกัน

         เอาตรง ๆ ตอนแรกนึกว่าเนื้อเรื่องจะโฟกัสไปที่การประท้วงต่อต้านรัฐบาล เรียกร้องประชาธิปไตยเป็นหลัก แต่พอดูจนจบแล้วเราคิดว่าเนื้อเรื่องส่วนที่พูดถึงการเป็นแอคทิวิสต์ของซูรยอนและเพื่อน ๆ แกนนำน้อยแล้วก็จางไปหน่อย ซูชานที่เป็นพี่ชายซูรยอนก็ไม่ได้เข้าใจน้องสาวขนาดนั้น ขนาดฮีแทกับมยองฮีที่มีเพื่อนเป็นแกนนำนักศึกษาก็ดูไม่ได้สนใจและมีส่วนร่วมทางการเมืองอะไรมากมาย โดยเฉพาะฮีแทที่ต้องทำตัวเชื่อฟังพ่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่วนของมยองฮีนี่เราเดาเอาเองว่าอาจเป็นเพราะมยองฮีตกอยู่ใต้ความหวาดกลัวจากเรื่องในอดีตเลยเลือกที่จะอยู่อย่างเงียบ ๆ


              อย่างไรก็ตาม การถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละครที่ดูเหมือนไม่ตื่นตัวทางการเมืองคงมีเหตุผลแหละค่ะ อย่างแรกคือทางผู้สร้างตั้งใจให้ออกมาโรแมนติก จากที่เราบอกไปข้างบนว่าเรื่องนี้ค่อนข้างโฟกัสความสัมพันธ์ฮีแทและมยองฮี ทำให้เป็นเรื่องราวความรักท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติรวมทั้งปัญหาจากครอบครัวด้วย เหตุผลต่อมาที่เราตีความเอาเองคือทุกคนหนีไม่พ้นการเมือง ถึงใครจะเลี่ยงหรือเมินเฉยกับการแสดงออกทางการเมืองเพราะไม่อยากโดนจับตัวไปสอบสวนหรืออะไรก็แล้วแต่ การใช้ชีวิตประจำวันปกติแต่หวาดกลัวกับการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง การถูกลิดรอนเสรีภาพ หากใครคิดต่างจากสิ่งที่รัฐอยากให้คิดก็จะตกอยู่ในอันตราย นั่นก็คือความไม่ปกติและผลกระทบจากการเมืองต่อทุก ๆ คน อะไรทำนองนี้ และเพื่อให้มีตัวละครที่เป็นตัวแทนของ privileged people ที่ 'ถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่มีวันเข้าใจ' ด้วย

          กว่าฮีแทและมยองฮีจะได้มีความสุขด้วยกันในเวลาสั้น ๆ ก็ต้องผ่านอุปสรรคที่เกิดจากทั้งคนรอบข้างและตัวเองเยอะแยะไปหมด คือตอนที่ดูเหมือนโดนเหวี่ยงให้ขึ้นไปบนฟ้าแล้วโดนกระชากกลับลงมากระแทกพื้นอีกที เป็นความรู้สึกแบบนี้อยู่แทบทั้งเรื่องเลยค่ะ นี่ดูซีรีส์หรือนั่งรถไฟเหาะก็ไม่รู้ แล้วความรักและความสัมพันธ์ของทั้งคู่คือเหมือนกับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการหลังจากทั้งชีวิตที่ผ่านมาฮีแทต้องทำตามคำสั่งพ่อกับมยองฮีที่มีปมในใจจนไม่กล้าทำในสิ่งที่ต้องการ แต่ทั้งคู่ก็ใช้ความพยายามและความกล้าทั้งหมดในชีวิตเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่มีค่านี้ไว้สุด ๆ

        อ่านมาจนถึงย่อหน้าเมื่อกี้แล้วอาจจะรู้สึกว่าแอบน้ำเน่าไปหน่อย(หรือไม่แอบนะ) นั่นแหละค่ะ ถึงจะดูน้ำเน่าแต่ก็เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่สามารถเป็นตัวแทนสะท้อนถึงความสูญเสีย ความเจ็บปวดที่เคยเกิดขึ้นกับผู้คนในเหตุการณ์จริง นำเสนอผลกระทบและความโหดร้ายที่เกิดจากรัฐบาลเผด็จการ ทุกหนึ่งชีวิตที่สูญเสียไปจากเหตุการณ์สังหารหมู่ครั้งนั้นมีครอบครัว มีคนรัก มีเพื่อน แต่เผด็จการกลับพรากชีวิตของพวกเขาทั้งที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทิ้งไว้เพียงความเจ็บปวดจากการสูญเสียและยังคงเป็นบาดแผลใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์ที่ไม่มีวันลืมลง


    If the season you lost your loved one comes back every year. 

    It's only natural that our minds return to that day as if it were yesterday.

    Youth of May ep.12



         ขอบคุณทุกคนที่อ่านรีวิวนี้จนจบนะคะ เขียนรีวิวซีรีส์ครั้งแรกเลยไม่รู้ว่าสามารถสปอยล์เนื้อเรื่องได้ขนาดไหน(แต่ก็มีนิดหน่อย) ที่ได้อ่านไปเป็นแค่เนื้อเรื่องส่วนเล็็ก ๆ กับการตีความแบบเดา ๆ ของเราเอง มีรายละเอียดอีกเยอะแยะเลยที่เราไม่ได้พูดถึง เพราะงั้นถ้าใครดูแล้วคิดว่าไม่เหมือนกับที่เราเขียนไปก็ไม่แปลกเลย ต้องลองดูเองค่ะ

    jaypiter

    นำภาพมาจาก
    twitter @KBS_drama
    instagram @gominsi

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in