ตระกูลซอ ต้องคำสาปของอสูรมาตั้งแต่สมัยโบราณ ชะตากรรมของพวกเขาถูกกำหนดไว้ให้มีชีวิตอันแสนสั้น ทว่ามีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถหลีกหนีโชคชะตานั้นได้...
ซอซึงจู เกิดในวันปลอดผี อีกทั้งยังไร้พลังวิญญาณติดตัว จึงไม่ตกเป็นเป้าของภูตผีปีศาจใดๆ ตั้งแต่เล็กจนโตเขาได้รับการเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมดุจไข่ในหินจากผู้คนรอบข้าง โดยเฉพาะจากครอบครัวเพื่อนบ้านนักปราบวิญญาณอันโด่งดังอย่าง ตระกูลคิม ซึ่งมีคำมั่นสัญญาสืบทอดต่อกันมาว่าจะปกป้องตระกูลซอมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ
เดิมทีซึงจูไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของภูตผี กระทั่งเช้าวันหนึ่งเขาลืมตาขึ้นมาบนเตียงเดียวกันกับพี่ชายข้างบ้านที่แอบหลงรักมานานปี คิมมูฮึน นักล่าอสูรแนวหน้าของสมาพันธ์มือปราบวิญญาณ และทั้งๆที่คิดว่ามันจะกลายเป็นเพียงแค่คืนที่ไร้ร้องรอย ทว่านับจากวันนั้น...โลกที่ซึงจูมองเห็นก็เปลี่ยนไปหมดเพราะสิ่งที่เรียกว่า ‘เนตรสัมผัสวิญญาณ’ ได้ตื่นขึ้นมา และมีเพียงคิมมูฮึนคนเดียวเท่านั้นที่เขาจะเชื่อใจได้ในยามเผชิญกับภัยคุกคามจากเหล่าอสูรที่แสนอันตราย
กลับมาเจอกันอีกครั้งกับนิยายจากฝั่งเกาหลีค่ะ ช่วงนี้ต้องการเติมความหลอนๆแนวปราบผีล่าอสูรบวกกับเห็นปกพี่มูฮึนหล่อกระชากใจมากๆ เราเลยหยิบ ค่ำคืนของนักล่าอสูรคิมมูฮึน จาก everY มาอ่านซะเลย เรื่องนี้เป็นนิยายในจักรวาลเดียวกันกับ มือปราบวิญญาณคนนี้ชื่อคิมมูรยอง โดยพี่มูฮึนเป็นพี่ชายของน้องมูรยอง ส่วน timeline ก็จะต่อกัน เป็นช่วงที่น้องซึงจูขึ้นมหาลัยแล้วค่ะ ส่วนตัวคิดว่าแยกอ่านกันได้ เราเพราะก็อ่านเรื่องนี้ก่อนแล้วค่อยไปอ่านคิมมูรยองเหมือนกันค่ะ 5555
สำหรับ ค่ำคืนของนักล่าอสูรคิมมูฮึน <무흔의밤> เป็นนิยายแนวโรแมนติก ดราม่า ลึกลับเหนือธรรมชาติ เล่าถึงตระกูลซอที่ต้องคำสาปของอสูรมาตั้งแต่สมัยโบราณ และมีตระกูลมือปราบวิญญาณที่มีชื่อเสียงซึ่งมีคำมั่นสัญญาว่าจะปกป้องคนในตระกูลซอมาตั้งแต่สมัยโบราณคอยคุ้มกันจากปีศาจร้าย
แน่นอนว่า ซอซึงจู นายเอกของเราเป็นเพียงคนเดียวในตระกูลซอที่มีดวงชะตาอายุยืนยาว ครอบครัวจึงประคบประหงมเลี้ยงดูซึงจูแบบสุดๆ จุดนี้ทำให้ซึงจูไม่ค่อยชอบใจชีวิตของตัวเองนัก เพราะเขาอยากใช้ชีวิตที่เรียบง่ายเหมือนคนทั่วไป และเมื่อมาเจอกับเหตุการณ์ที่ ‘เนตรสัมผัสวิญญาณ’ ได้ตื่นขึ้นมาด้วยแล้ว ก็กลายเป็นว่าอะไรที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น แถมยังไม่อาจหลีกหนีสิ่งเหล่านี้ไปได้เลย
โดยเล่มแรกถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเบิกเนตรสัมผัสวิญญาณของน้องซึงจู การเล่าเรื่องดำเนินไปแบบสโลว์ๆค่อนข้างเนิบนาบ วนเวียนไปกับเผชิญหน้ากับเหล่าภูติผีปีศาจและการคุ้มกันไปรับไปส่งน้องซึงจูไปมหาลัยของพี่มูฮึน ด้วยความที่คุณนักเขียนพยายามให้ข้อมูลคนอ่านเท่าๆกับตัวละคร ดังนั้นเวลาอ่านเลยประหนึ่งได้ลุ้นไปพร้อมกันเลยว่าแท้จริงแล้วการที่เนตรสัมผัสวิญญาณของน้องซึงจูตื่นขึ้นมานั้นสามารถทำอะไรได้บ้าง
จริงๆเล่มแรกเปิดเรื่องมาเราลุ้นมากเลย กลัวซึนเปิดตัวเป็น non-con มากๆค่ะ แถมยังมีประเด็นสุ่มเสี่ยงแบบพี่มูฮึนเลี้ยงน้องซึงจูมาตั้งแต่เบบี๋ด้วย ตอนนั้นแพ้เสียงในหัวเลยไปลองเปิดเล่มอื่นดูก็เจอพาร์ทที่เล่าถึงซีนนี้พอดีเลย เจอสปอยไปใจชื้นขึ้นมาหน่อย และอ่านต่อได้แบบสบายใจค่ะ ส่วนเล่มสองเรื่องราวต่างๆเริ่มกระชับขึ้นมา เริ่มมีการเผยถึงความสามารถของน้องซึงจู การใช้ยันต์ กางเขตอาคม รวมถึงผนึกอสูรยังน่าตื่นตาตื่นใจ รวมถึงเรื่องราวของสมาพันธ์มือปราบวิญญาณ และความลับที่เกี่ยวพันกับของคำสาปตระกูลซอด้วย จุดที่เราชอบจะเป็นการตีความและมุมมองของพี่มูฮึนที่มีต่อโลกในฐานะมือปราบอสูร เพราะมันมีอะไรที่คิดไม่ถึงตลอดเลย ⸜( *ˊᵕˋ* )⸝
อีกจุดที่อยากพูดถึงคือวิธีการเล่าเรื่องของคุณนักเขียน การเล่าที่ค่อนข้างเหมือนละครนิดๆ ประมาณว่ามีตัดซีนเพื่อให้ตัวละครย้อนไปเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นด้วย เช่น ซีนที่ซึงจูมาหาพี่มูฮึนที่ออฟฟิศเทล ตอนที่เขายืนอยู่หน้าตึกก็จะนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาพาตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้ อะไรประมาณนี้ค่ะ ช่วงแรกอ่านแล้วอาจจะยังไม่ชินเท่าไร แต่เราคิดว่าค่อนข้างแปลกใหม่ดีค่ะ
มากันที่ตัวละคร ซอซึงจู ‒ ลูกชายคนเล็กของตระกูลซอกันบ้าง ปัจจุบันน้องเป็นนักศึกษาคณะสังคมศาสตร์แห่งมหาลัยฮันกุก เป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดี จริงจังกับชีวิต ใจอ่อน เป็นเด็กอนามัยที่กินข้าวและนอนตรงเวลาสุดๆ น้องฝันที่จะมีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง และให้ความสำคัญกับชีวิตประจำวันที่สงบสุขเหนือสิ่งอื่นใด ที่เราชอบในตัวละครนี้ถึงจะดูเฉยเมย เย็นชา แต่ก็กล้าที่จะแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมา แถมยังฉลาดและมีไหวพริบด้วย
ส่วน คิมมูฮึน ‒ ลูกชายคนโตของตระกูลมือปราบวิญญาณอันเลื่องชื่อ เขาเป็นนักล่าอสูรระดับแถวหน้าที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์อันเป็นเลิศ พี่มูฮึนตัวสูง หล่อเหลา ชอบยิ้มหวาน เวลายิ้มทีตาเหมือนรูปพระจันทร์เสี้ยว นิสัยขี้เล่น ชอบแกล้ง (⁄ ⁄>⁄ ▽ ⁄<⁄ ⁄) แต่มีความเป็นผู้ใหญ่ มีจิตใจแข็งแกร่ง และวางตัวดี พี่มูฮึนมักรักษาคำพูดของตัวเองเสมอ ไม่ย่อท้อ และมีความดื้อดึงยึดมั่นในเรื่องที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง
สำหรับสองคนนี้ คนหนึ่งเกิดมาเพื่อถูกอสูรร้ายพรากชีวิต ส่วนอีกคนเกิดมาเพื่อขับไล่ภูติผีปีศาจ แถมโชคชะตายังทำให้ตระกูลของทั้งคู่ผูกพันกันมาเนิ่นนานตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ พี่มูฮึนอยู่เคียงข้างน้องซึงจูมาตั้งแต่เกิด ทั้งดูแลและทะนุถนอมราวกับซึงจูเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในโลก แม้จะมีบางช่วงเวลาทั้งคู่ต้องห่างเหินกันไปบ้าง ทว่าสายใยระหว่างพวกเขาก็แน่นแฟ้นเกินกว่าจะตัดขาดกันได้ง่ายๆ และนำมาซึ่งการแอบรักพี่ชายข้างบ้านแบบไม่รู้ตัว
ช่วงแรกนักเขียนถ่ายทอดอารมณ์แอบรักและเหงาใจของซึงจูออกมาได้ได้ดีมาก แถมปัญหาของการแอบรักครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาไม่ได้รักเรา...แต่อยู่ที่เขากลับรักและเป็นห่วงเรายิ่งกว่าใครๆเนี่ยสิ 555 ความสัมพันธ์พี่มูฮึนและน้องซึงจูจึงออกมาในรูปแบบคนนึงผลักคนนึงดันสลับกันไป เวลาที่น้องต้องการพี่มูฮึนกลับหายตัวไป แต่พอเวลาไม่ต้องการก็ดันโผล่หน้ามาทำให้วุ่นวายใจ 555 ด้วยเหตุนี้การมูฟออนของซึงจูจึงเป็นแบบวงกลม ที่หมุนวนอยู่ในวังวนของความรู้สึกแอบรัก รอคอย ปวดใจ พยายามตัดใจ แล้วก็วนกลับไปเหมือนเดิม ซึ่งเราชอบประโยคหนึ่งของซึงจูที่ว่า ไม่มีอะไรน่าเหงาไปกว่าการชอบใครสักคน ที่แทบจะไม่โผล่หน้าให้เราเจออีกแล้ว (ノ_<、)
ในทางกลับกัน ทุกคนจะสัมผัสได้ชัดเลยว่าพี่มูฮึนรักและเอ็นดูซึงจูแบบหมดหัวใจจริงๆ ไม่ว่าน้องจะทำอะไรก็น่ารักในสายตาของพี่มูฮึนเสมอ พี่มูฮึนทำให้เข้าใจเลยว่า “การถูกรัก” นั้นมันเป็นอย่างไร และรับรู้ได้เลยว่าความรักของเขาลึกซึ้งขนาดที่ยอมให้ตัวเองใจสลายดีกว่าต้องสูญเสียซึงจูไป ซึ่งในเรื่องยังมีพาร์ทที่คุณนักเขียนพาเราไปไล่เรียงเหตุการณ์ผ่านสายตาของพี่มูฮึนด้วย ตรงจุดนี้เองที่ทำให้เรารู้สึกยอมรับความรักของพวกเขามากขึ้นด้วย และเข้าใจทันทีเลยว่าทำไมซึงจูถึงไม่เคยสงสัยในความรักของพี่มูฮึนเลยสักครั้ง เพราะถ้าจะนิยามความหมายชีวิตของพี่มูฮึนแล้ว คำคำนั้นก็คงเป็น... ซอซึงจู ❤️🔥
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in