เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
from the desert, with loveployapha.j
ลอนดอนและชานชาลาที่ 9 3/4
  • 25 April 2016





    ใจพังแค่ไหนก็ต้องไปบิน

    ขึ้นชื่อว่าไฟล์ทอังกฤษก็ไม่อยากจะทำอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ใจพังมาก ยับมากจากเหตุการณ์เมื่อคืน ก็เรื่องเดิมๆกับคนเดิมๆนั่นแหละนะ เหมือนจะตัดใจได้จนกระทั่งไปเจออะไรบางอย่างเข้าในไอจี และการไปเริ่มบทสนทนาที่ยากจะทำใจได้ ทีนี้ยาวเลย อารมณ์ดิ่ง กะจะรีบนอนก็ปาไปตีตาม แย่


    ยังดีที่มีคนคอยเตือนสติ ซึ่งขอบคุณมากๆมา ณ ที่นี้ด้วย...


    ตัดภาพมาตอนเช้าที่นอนจมอยู่บนเตียงไม่ลุกไปไหนไม่ทำอะไรเสียที คิดวนๆไปมาจนกระทั่งรู้สึกว่าปล่อยไว้แบบนี้เจ๊งแน่ๆ เฮ้ย!! เราต้องแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ได้สิวะ โตแล้วต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ได้ ไป ไปสู้ ไปบิน!

    เรื่องราวมันจะดีหรือร้ายก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของเราทั้งนั้นแหละ เรื่องราวความทุกข์ใจต่างก็คือหินในมือ พอไปบีบเข้ามันก็เจ็บตัวเราเองเสียเปล่าๆ ถือไว้เฉยๆก็หนักมือเราเองทั้งนั้น แต่พอจะให้ทิ้งไปตอนนี้ก็... ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี เอาไว้ทำใจเมื่อไรจะเป็นคนขว้างทิ้งไปไกลๆเลยก็แล้วกัน

    ชีวิตของมนุษย์เราก็เท่านี้แหละ อะไรที่ไม่ใช่ของเราก็คงจะต้องปล่อยไปละนะ เพราะฉะนั้นแต่งหน้าให้สวยแล้วไปทำงานเพื่อเอาเงินมาปรนเปรอตัวเองกันเถอะ!





    ไฟล์ทอังกฤษสนุ๊กสนุก

    ตั้งแต่ก้าวเข้าห้องบรีฟก็รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างจากเพอเซอร์ พอเริ่มเท่านั้นแหละก็รู้เลยว่าเป็นคนที่เข้มงวดจริงจังมากจ้า กลัว แต่ก็ยังดีที่มีเอเชียนอยู่ด้วยกันสี่คน โล่งใจ รู้สึกมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางชาติพันธุ์ ถ้าฝรั่งไม่คุยกับเรายังไงเราก็ยังมีเพื่อนละวะ

    สำหรับการทำงานก็ค่อนข้างเครียดนั่นแหละ บิน A380 ก็งี้ เซอร์วิสค่อนข้างเร่งเพราะทำสองเซอร์วิส คอลก็ไม่หยุดยั้งตามปกติวิสัยของไฟล์ทอังกฤษ เรานี่ไม่ได้นั่งเลยตลอดหกชั่วโมงครึ่งที่ทำงาน เวลากินข้าวต้องรีบจ้วงทุกอย่างเข้าปากด้วยความไวแสง ทำอะไรไม่ทันทั้งนั้น รู้ตัวอีกทีคือเตรียมตัวจะแลนด์แล้ว เป็นหกชั่วโมงครึ่งที่สมองมีแต่การทำงาน ไม่มีเวลาให้หยุดคิดเรื่องอื่นหรือเวิ่นเว้อกับอะไร ซึ่งดี






    ลอนดอนที่รัก

    สามทุ่มถึงลอนดอนในสภาพดูไม่จืดเลยจ้า ขึ้นบัสมาแล้วคนขับเปิดเพลง Beat it ก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมานิดนึง พวกแก๊งผู้ชายที่นั่งหลังบัสก็ร้องเพลงกันเฮฮาตลกดี และด้วยความที่โรงแรมอยู่ใกล้สนามบิน ดี๊ดี สิบนาทีก็ถึงแล้ว เราหอบร่างที่บอบช้ำทั้งกายใจเข็นกระเป๋าขึ้นห้อง สั่งรูมเซอร์วิสมากิน ตอนนั้นคืออารมณ์ดิ่งมาก คิดถึงบ้าน กินเบอร์เกอร์ไปน้ำตาไหลไป ซดเบียร์ไปด้วย แล้วก็หลับน็อกไปเลย


    ตื่นเช้ามาคือง่อย ไม่อยากไปไหน ไม่อยากทำอะไร ขี้เกียจเหลือเกิน อกหักช้ำรักก็แบบนี้แหละ แต่สุดท้ายก็แข็งใจออกไปข้างนอก ไหนๆก็มาแล้วถ้ามัวแต่อุดอู้อยู่ในห้องเดี๋ยวร้องไห้อีก ไม่เอาโว้ย

    เดินไปหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋า.... เชี่ยยยยยย ลืมกางเกงอีกแล้วว้อยยยยยยย อะไรกันวะเนี่ยยยยย รอบที่แล้วก็ลืม รอบนี้ก็ลืมอีก โอ้ยยยย ชีวิตทำไมมันถึงพังได้ขนาดนี้ ไหนๆก็เจ๊งแล้วใส่กางเกงนอนออกมาเลยละกัน กางเกงก็น่ารักมากเป็นลายทางสีแดงเชียวล่ะ






    เรานั่งใต้ดินมาลงที่ Oxford Circus พุ่งตัวเข้า Topshop ที่อยู่ตรงหน้าเพื่อซื้อกางเกง ไปๆมาๆได้เสื้อคลุมกับอะไรอีกก็ไม่รู้บ้าบอเต็มเลย ฮือ... ถือว่าเป็นการบำบัดจิตใจด้วยการช้อปปิ้งก็แล้วกันเนอะ...









    แวะร้านขายน้ำปั่น เห็นว่ามีพืชผักผลไม้เยอะดีเฮลตี้แน่ๆ กินแล้วสวยชัวร์ๆ ไปๆมาก็ได้สิ่งนี้มาแบบงงๆ










    เราเดินเล่นแถวๆ Oxford Street เข้าร้านนู้นออกร้านนี้แต่ไม่ซื้ออะไรแล้ว เปลือง กินสตอร์วเบอร์รี่กับวิปครีม อร่อยดีแหละ เดินอยู่ดีๆฝนก็โปรยลงมาเลยวิ่งเข้าไปหลบในป้ายรถเมล์ เหลือบไปเห็นว่าป้ายนี้มันมีรถเมล์สาย 10 ที่ป้ายสุดท้ายที่ปลายทางคือสถานี King's Cross เลยเอาวะ โดดขึ้นไปเฉย






    ตอนนั่งอยู่บนบัสก็คิดว่าชีวิตเราก็ตลกดีเนอะ ผลุบๆโผล่ๆไปรอบโลกเลยแหะ นั่งคิดอะไรไปเรื่อย มองวิวไปบ้างก็มีคนมาถามทางแหละ อยากจะบอกว่าที่โดดขึ้นมานี่ก็ไม่ได้รู้ทางอะไรหรอกนะ แต่ก็อธิบายทางเขาไป บอกถูกด้วยแหละ เก่งป่ะล่ะ
















    สำหรับวิวสองข้างทางก็ลอนดอนในม่านฝนนั่นแหละ ความดีงามคือผู้ลอนดอนหน้าจืดๆตัวสูงๆใส่โค้ทยาวแล้วถือร่มเดินกันขวักไขว่ ดีงาม เวลารถติดแล้วมองคนข้ามถนนไปมาก็จะหวีดร้องอยู่ในใจ ฟิลลิ่งคิงส์แมนม๊กมาก และนอกจากนี้การขึ้นบัสมาก็มีข้อดีเหมือนกันนะเพราะแม้ว่ารถจะติดแต่ก็ได้เห็นเมืองในหลายๆมุมดี






    Hogwarts Express

    ในที่สุดเราก็มาถึงสถานี King's Cross ด้านในกว้างมาก คนเยอะมากทีเดียวเชียวแหละ เราก็พยายามสอดส่ายสายตาตามหา ชานชาลา 9 3/4


















    เห็นป้ายเล็กๆมั๊ยแก ตอนนั้นคือกรี๊ดอยู่ในใจแบบกรี๊ดอะ ข้าพเจ้าผู้รอคอยจดหมายจากนกฮูกจ่าหน้าซองด้วยหมึกสีเขียวมรกตมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จนคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นสควิบก็ได้เลยเลิกล้มความตั้งใจที่จะรอจดหมายไป บัดนี้ข้าพเจ้าก็ได้มายืนอยู่ทางเข้ารถไฟแล้วว้อยยยยย กรี๊ดดดด


    ดูจากปริมาณคนอันมหาศาลเราเลยชะแว้บไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วค่อยกลับมาต่อแถว หยิบเอาแซนวิชที่ซื้อตอนเช้ามากินแบบไม่สนใจโลก




    เห็นป้ายอยู่ลิบๆแล้วใจเต้น เอาจริงๆที่ยืนรอมาคือประมาณชั่วโมงนึงอะ แล้วอากาศหนาวมาก แต่ก็สู้!




    ตรงจุดที่ถ่ายรูปจะมีพนักงานสาวสามคนคอยช่วยกันจัดแถวผู้คนให้เป็นระเบียบไม่ให้ยาวเกินจนไปรบกวนผู้โดยสารท่านอื่นที่ใช้บริการรถไฟ อีกคนนึงคอยถือกล้องถ่ายภาพ อีกคนเป็นคนยืนแจกผ้าพันคอให้กับนักท่องเที่ยว มีการบลัฟกันไปมาระหว่างกริฟฟินดอร์และสลิธรีนด้วย คนก็ขำกันเฮกันเป็นพักๆ ที่พีคสุดคือมีน้องคนนึงเดินมาขอผ้าพันคือฮัฟเฟิลพัฟ ทุกคนปรบมือให้เป่าปากเชียร์ เพราะแต่ละคนก็ต่างแย่งชิงบ้านอื่นกันทั้งสิ้น








    ไหว้วานให้คนแถวนั้นถ่ายรูปให้เสร็จเรียบร้อยก็เดินเข้าไปดูร้านขายของข้างๆ โอ้โห ของกระจุ๊กกระจิ๊กเต็มไปหมด อยากได้ทุกสิ่งอย่าง ตอนนี้ก็ยังคิดว่าควรจะซื้อสเวตเตอร์เรเวนคลอมาด้วยเลยเพราะสวยมาก เสียดาย.... อ้อ...อีกไอเท็มที่อยากได้คือไม้กายสิทธิ์ของคนที่คุณก็รู้ว่าใครนั่นแหละ















    เอาจริงๆคืออยากได้ทั้งร้านนั่นแหละ!





    ไหนๆก็มาแล้วเราเลยสั่งให้เขาปริ้นรูปเราใส่กรอบไว้สองรูป เอาไว้แปะฝาบ้านเพื่อความติ่ง ขากลับก็นั่ง Piccadilly Line กลับมาที่พัก นอนได้นิดเดียวและก็เตรียมบินกลับ


    บวกหนังสือติดไม้ติดมือมาด้วยอีกเล่ม แหะๆ ตอนนี้คือรอบอร์ดเกมออก ซื้อแน่นอนนนนนนนนนน







    มนุษย์เหยียดและมนุษย์ป้า

    ขากลับเราทำครัวหลัง คือตั้งใจว่าจะพยายามหลบเคบินซุปคนนึงเว้ย เป็นผู้ชายอียิปต์ที่มีพฤติกรรมเหยียดเอเชียน คือไม่ใช่เราคนเดียวที่รู้สึกแต่อีก 4 คนก็คิดแบบเดียวกัน คือกับฝรั่งนางจะพูดดีคุยดีด้วย ให้พักกินข้าวกินน้ำนู่นนั่นนี่ แต่พอพวกเราจะไปถามอะไรหรือขอให้ช่วยก็จะทำหน้าตาท่าทางกิริยาแย่ๆใส่ๆ ซึ่งเราก็เฉย คนมันบ้าก็ปล่อยให้มันบ้าไป

    แต่ตอนขากลับเราพยายามจะรีเซ็ตจอทีวีให้กับคู่สามีภรรยาคู่นึง แล้วมันรีเซ็ตที่เครื่องไม่ได้ ต้องไปรีเซตที่ตรงคอนโทรลซึ่งมีแต่เคบินซุปกับเพอร์เซอร์ที่จะไปจิ้มๆทำๆได้ เราก็ไปบอกให้เค้าช่วย ฮีทำหน้าแบบเชี่ยมากกกกกกแล้วบอกว่ายูก็ให้เขาเลื่อนที่นั่งสิ

    เราก็แบบ...ก็เขามาด้วยกันเขาจะนั่งด้วยกัน ยูไปรีเซ็ตให้ไม่ได้หรอ แม่งก็หงุดหงิดใส่เรา สรุปคือแม่งไม่ได้ไปรีเซ็ตให้เว้ย แบบคนเหี้ย! แล้วคนอื่นก็เจอแบบนี้เหมือนกันเว้ย ไม่ใช่แค่เราคนเดียว เกาหลีกับจีนบ่นยับว่าแม่งเป็นบ้าอะไรเนี่ย ทำไม่ต้องขึ้นเสียงต้องหงุดหงิดใส่พวกเราตลอดเวลา ประสาทป่ะวะ

    พอเจอคนแบบนี้ก็คิดนะว่าเฮ้ย...คนแบบนี้แม่งมาเป็นเคบินซุปได้ไงวะ ไม่สิ...มาทำงานบริการแบบนี้ได้ยังไงอะ งานนี้เปิดโลกให้เรามากๆเลยนะ ทำให้รู้ว่าโลกนี้มีคนแย่ๆเยอะแค่ไหน เฮ้อ!




    นอกจากเคบินซุปที่เชี่ยแล้วเรายังเจอมนุษยป้าแบบ desperate housewives จำนวนห้าคนที่นั่งติดกันและจิกสัสๆ เรื่องมากสัสๆ จิ๊กแบบนี่เป็นคนหรือเป็นไก่ เป็นแม่เลี้ยงใจร้ายในเรื่องซินเดอเรลล่าหรือยังไง จะเอานั่นเอานู่นเอานี่แบบเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ ประหนึ่งว่าแอร์ทุกคนเป็นอีเย็น เป็นนางทาส โอ้ยยยย คือทำเซอร์วิสยังไม่เสร็จมั๊ยล่ะ รอหน่อยก็ได้แหม่ อะไรกันนักกันหน๊าาาาาาา แล้วพอนางๆไม่พอใจก็ฟ้องเคบินซุปค่า คอมเพลนไม่หยุดยั้งค่า เหนื่อยใจ...

    ยัง...ยังไม่หมด เจอลุงป้ามนุษย์อินเดียที่มีความเยอะแยะกับชาที่เสิร์ฟไม่ร้อน คุณขา...ดิฉันก็มีน้ำร้อนที่ร้อนแค่นี้แหละ อยู่บนท้องฟ้าที่ระดับความสูงสี่หมื่นฟุตเหนือระดับน้ำทะเลนะคะ หนูจะไปหาน้ำที่ร้อนกว่าที่มีอยู่ตอนนี้หนูก็ไม่รู้ว่าจะหาที่ไหนได้แล้วววววว เราต้องวนไปทำชาให้เขาใหม่สามรอบถึงจะพอใจในความร้อนว่าเออ น้ำร้อนที่มีมันก็ร้อนได้แค่นี้นี่แหละ

    ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่พิมพ์ให้อ่านคือความอัดอั้นตันใจที่แสดงออกไม่ได้ทั้งสิ้น สิ่งที่ทำได้คือยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม และยิ้มมมมมมมมมมมมมมมมมันเข้าไปค่ะ




    เท่านี้แหละกับความพังๆผสมความติ่งในลอนดอน รอบหน้าถ้าได้ไฟล์ทจะแลกหนีแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่กลับไปเกาะอังกฤษอีกต่อไป ฮือ เหนื่อยกายเหนื่อยใจจริงๆนะ





    อัพเดตแบบรวดเร็วว่องไวกับไฟล์ทคูเวต

    กลับจากลอนดอนก็ได้พักสามวัน แล้วก็ไปบินคูเวตจ้า ไฟล์ทนี้ดีงาม ขาตอนเช้าไปมีแต่นักธุรกิจใส่สูทผูกไทด์ไม่กินอะไรนอกจากกาแฟ การทำเซอร์วิสไวมาก เครื่องบินกำลังไต่ระดับเลย นี่ก็ลากคาร์ทออกมาเข็นต้านแรงโน้มถ่วงแล้วค่าเพราะว่าไฟล์ทแค่ชั่วโมงกับยี่สิบนาทีเท่านั้น ต้องทำเวลา คือเรียกได้ว่าตื่นและเตรียมตัวรวมเวลาบรีฟยังนานกว่า แต่ทุกอย่างง๊ายง่าย ในบินแบบนี้ทุกเดือนยังทำได้เลย


    ขากลับก็พอกัน รวดเร็วว่องไว เที่ยงก็กลับมาดูไบแล้ว เย้


    กลับมาก็เตรียมตัวอ่านหนังสือไปสอบ Service Assessment นั่นแหละ เรามีสอบสามวัน จากนั้นก็ Graduation Day พ้นโปรแล้วกลายร่างมาเป็นแอร์เต็มตัว ฮี่ฮี่ พอพ้นโปรแล้วชีวิตก็จะดี สามารถบิดไฟล์ทที่อยากทำและแลกไฟล์ทกับชาวบ้านชาวช่องได้ วู้ฮู้วววววว อย่างไรก็เป็นกำลังใจให้ข้าพเจ้าสอบผ่านด้วยเถิด สาธุ




    ด้วยรัก...จากแอร์ทะเลทรายผู้กำลังช้ำใจกับความรัก


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in