เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Your internship is herenongpangsusu
Intro : On your mark, Get set, Go!
  • หลังจากฟันฝ่าการศึกษาในชั้นปีที่ 3 เสร็จสิ้นแล้ว เทศกาลที่เรียกว่าการฝึกงานก็เข้ารับไม่ต่อทันที หากพูดถึงการฝึกงานในระหว่างการศึกษาก็นับได้ว่าเป็นช่วงของการทดลองหรือเป็นการเตนล์รียมความพร้อมให้กับนิสิตทุกคนได้ลองนำความรู้และทักษะที่มีออกไปสัมผัสกับชีวิตของการทำงานก่อนที่จะจบการศึกษาจริง ๆ  บางคนอาจใช้โอกาสนี้เพื่อลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการเติมเต็มความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้น เช่น ความฝันที่อยากทำงานในรูปแบบที่หลากหลาย หรือบางคนอาจใช้ความกลัวเป็นแรงผลักดันเพื่อพิชิตความกลัวเหล่านั้นให้ได้

    น้องเลือกที่จะใช้โอกาสนี้ไปพร้อมกับ "หอศิลป์ หรือ Bangkok Art and Culture Centre" ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก แรกเริ่มเดิมทีหอศิลป์ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากสั่งสมประสบการณ์ ประกอบกับอาจารย์ประกาศว่าทางห้องสมุดหอศิลป์เปิดรับนิสิตฝึกงาน ซึ่งแน่นอนว่าไม่พลาดอยู่แล้ว

    "แม่น้องไปแล้วนะ"

    "อย่าไปทำเด็กร้องไห้ล่ะ หนูทำได้อยู่แล้ว"

    ในระหว่างการเดินทางเพื่อเริ่มฝึกงานวันแรก และเป็นการออกไปทำงานครั้งแรกในชีวิต ในหัวของน้องคนนี้ก็เอาแต่คิดถึงประโยคที่แม่พูดก่อนออกจากบ้านว่า "อย่าไปทำเด็กร้องไห้ล่ะ หนูทำได้อยู่แล้ว" ประโยคแรกไม่เป็นไร แต่ประโยคถัดไปนี่สิที่ทำเอาคิดหนัก ได้แต่สงสัยว่าประโยคที่บอกว่า "ทำได้อยู่แล้ว" คือหมายถึงงานที่จะไปทำวันนี้ว่าน้องทำได้อยู่แล้ว หรือน้องทำได้อยู่แล้วที่หมายถึงทำให้เด็กร้องไห้ได้อยู่แล้ว กว่าจะหยุดคิดถึงแต่ประโยคที่แม่พูดก่อนออกจากบ้านได้ก็พาตัวเองขึ้นรถไฟฟ้ามาเกินครึ่งทางแล้ว "ฟังเพลงปลุกใจดีกว่า" นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทันทีหลังจากคิดว่าตัวเองเหม่อลอยมานานแล้ว

    So you find yourself at this subway

    With your world in a bag by your side

    "อ... อะ..... แอ๊"

    And all at once it seemed like a good way

    "ฮ... ฮะ.... ฮืออออออออออออออ"

    "โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะลูกนะ"

    Your realize it's the end of the line

    "กรี๊ดดดดดดดดดดดดด"

    For what it's worth

    -A step you can't take back : Keira Knightley-

    หลังจากฟังเพลงไปได้ไม่กี่ประโยคก็มีเหตุจำเป็นที่ทำให้ต้องหยุดเพลงเพื่อกลับสู่โลกภายนอกอีกครั้ง ภาพที่เกิดขึ้นคือเด็กน้อยที่มองแล้วอายุไม่น่าจะเกิน 3 ขวบ กำลังนั่งร้องไห้งอแงอยู่บนตักผู้เป็นแม่ พร้อมทั้งขว้างปาอะไรต่อไม่รู้อะไรกระจัดกระจายเต็มพื้น ภาพที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อเด็กงอแงเมื่อรู้สึกไม่สบายตัว แต่แล้วก็ทำให้เกิดประโยคคำถามขึ้นในใจอย่างฉับพลันจากการพิจารณาเหตุการณ์ดังกล่าวว่า

    "ทำงานกับเด็กที่ห้องสมุด แล้วถ้าเด็กร้องไห้หรืองอแงเสียงดังจะทำอย่างไรดี ประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้รับมือกับเด็กมากเท่าไรนัก เพราะเห็นเด็กทีไรเป็นอันต้องเดินหนีด้วยความกลัวทุกที น้องจะทำได้จริง ๆ ใช่ไหมแม่"

    ทำได้ไหมไม่รู้แต่ตอนนี้น้องยืนอยู่หน้าห้องสมุดซึ่งเป็นสถานที่ที่ต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์และนำทักษะความรู้ที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมมาก่อนเวลาถุง 40 นาที "งั้นก็ใช้เวลา 40 นาทีที่เหลือเตรียมใจให้พร้อมก่อนเข้าห้องก็แล้วกัน" นี่คือความคิดที่เกิดขึ้น แต่ร่างกายกลับไม่อนุญาตให้น้องได้เตรียมใจอีกต่อไป เพราะมือและเท้าทั้งสองข้างได้ก้าวเข้าไปในห้องสมุดเพื่อมุ่งหน้าสู่เคาน์เตอร์ที่มีพี่พนักงานประจำ ณ ขณะนั้นเพียงคนเดียว พร้อมประกบมือทั้งสองข้างประนมระหว่างอก ทุกนิ้วแนบชิดสนิทกัน ค้อมตัวลงพร้อมกับไหว้และกล่าวทักทายตามที่ท่านแม่สอนมา

    "สวัสดีค่ะ หนูชื่อพะแพง เป็นนิสิตฝึกงานจากคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวรรณกรรมสำหรับเด็ก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒค่ะ"

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in