เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
numerous | October Prompts 2024wallflowerblu
X. Doppelganger
  •                                                                                                                                                                   

    มันโผล่มาตอนนั้น ตอนที่ทุกคนหลับใหล และมีเด็กชายวัยสิบห้าปีคนเดียวที่ตื่นขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาตีสามยี่สิบสี่นาที ดวงตาหรี่เล็กสวนทางกับสมาธิขณะพยายามใช้สติทั้งหมดจับผิดปลายเสียงผะแผ่ว ซึ่งยังคงกระซิบเรียกชื่อของผม ฝ่าความมืดนอกกรอบประตูห้องนอนที่ถูกเปิดอ้า เหตุเพราะแม่ของผมไม่อยากจะรบกวนมลพิษทางเสียงให้กับลูกชายที่เอาแต่นอนกัดฟันหลังจมหล่นอยู่กับนวนิยายเล่มหนาในมือหลังห้วงนิทรา หรือไม่ก็ เธอคงอยากเหลือแสงเลือนรางของดวงไฟในห้องครัวเยื้องริมฝั่งซ้ายเอาไว้เพื่อจะทำให้ผมไม่ตื่นกลัวเวลาลุกออกไปฉี่กลางดึก

     

    คราวแรก ผมคิดว่ามันเป็นเสียงในความฝัน กระทั่งดวงตาเริ่มปรับทัศนียภาพของฝ้าเพดานและผนังห้องที่มีสติ๊กเกอร์รูปดาวแปะเรี่ย ราวเส้นขอบแบ่งระยะทาง เพราะหลังเลิกเรียนก่อนหน้ามื้ออาหารเราเล่นสร้างบ้านในบ้านกันอีกที ผมหมายถึงดีแลน เพื่อนสนิทคนเดียวที่ผมไม่ขลาดอายจะชวนให้เขาเข้ามาเล่นถึงห้องส่วนตัว หากแต่ความมืดมิดตรงหน้าที่ผมกำลังเผชิญทีละคืบหน กลับค่อย ๆ ขยายตัวตนเงาสลัวของบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งถลำคลานจากปลายเตียงเข้ามาใกล้ผ้าห่มผืนหนาบนตัว มันดำมืด ไม่มีเส้นผม ไม่มีใบหน้า เป็นอะไรสักอย่างอยู่ในวงจรเพี้ยนบิดเหนือจินตนาการ เปลือยเปล่าท่ามกลางสิ่งสังคมที่ผมอาศัยอยู่จะไม่ใคร่จะทำความรู้จักหรือเล่าขาน คลับคล้ายก้อนสกปรกที่ผู้คนส่วนมากไม่อยากสนทนาร่วมหรือคาดหวังจะมองเห็นทั่วไป ผมไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรดี นอกจากแทนสรรพนาม 'มัน' เข้าไปแทนที่สิ่ง ๆ นี้ สิ่งที่ผมไม่รับรู้ถึงรูปลักษณ์แน่ชัด แต่กลับรู้สึกได้ว่ามันกำลังยิ้มกลับมา ยิ้มแบบที่ผมเกลียด เป็นรอยฉีกกว้างที่ผมไม่ปรารถนาจะแสดงออกเป็นอันขาดหากอยู่ด้านนอก ผมเก็บซ่อนมันเอาไว้ข้างใน ไม่แสดงอารมณ์รื่นเริงออกนอกหน้าเหมือนอย่างคนอื่น ผมหันหลัง ลอบยิ้ม เก็บมันเอาไว้ หากแต่มันตรงหน้ากลับหยั่งเชิงล้อเลียนอยู่ต่อหน้าผม ราวกำลังเย้ยหยันถึงตัวตนของผม

     

    มันเป็นใบหน้าที่ผมเกลียดแสนเกลียด ใบหน้าแปลกประหลาด ดูไม่เหมือนทั้งพ่อและแม่ ไม่ได้โสโครกเกินจะรับให้เป็นเรื่องนอกเหนือความธรรมดา แต่ก็ไม่อาจทนแรงเสียดทานของความรู้สึกไหว หากแต่ผมไม่เคยพอใจกับใบหน้าเช่นนี้ในกระจกเลยสักครั้ง มันที่เหมือนผมกำลังทำหน้าแบบที่ผมไม่เคยทำมาก่อน ไม่ว่าจะอิริยาบถ ท่วงท่า มวลกล้ามเนื้อของใบหน้า ตำแหน่งจัดวางของอวัยวะไม่ทัดเทียมเหล่านั้นเริ่มรวมเค้าเข้าด้วยกัน แต่เพราะรู้สึก ถึงเข้าใจดีว่ามันควรแสร้งออกมาประมาณไหน ต่างจากสิ่งถ้วนโล้นตรงหน้าที่เมื่อมองผ่านสายตาก็ยังเห็นว่ามันไร้ใบหน้าอยู่ก็ตามที

     

    ทำไมล่ะชาร์ลี... นายไม่เคยยิ้มกับตัวเองหรือไง

     

    ผมได้ยิน ถึงแม้มันจะไม่ต้องพูดออกมาเป็นรูปปากขึ้นลงจนรูแคบหรือใหญ่แบบที่คุ้นเคย

     

    แก... ตัวผมสั่นเทิ้มจนน่าละอายเหมือนเด็กที่ตื่นกลัวจนกลั้นปัสสาวะไม่ไหว ผมเคยเป็น แต่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกซ้ำสอง เพราะฉะนั้นผมจึงยอมกล่าวถ้อยคำถัดไป

     

    กลับ...เข้าไปซะ น้ำเสียงกดต่ำดังเล็ดลอดไรฟันมันดังเพียงพอต่อระยะแคบสั้นระหว่างผมและมันจะเข้าใจ แต่เล็กน้อยเพียงผิวปาก หากคนข้างนอกประตูผ่านมาได้ยินเข้า

     

    นายต่างหากควรออกมา ชาร์ลีไม่เคยขี้ขลาดสักหน่อย จะว่าไงดี นี่ไม่ใช่ฉัน

     

    สิ้นคำพูดเหล่านั้น ผมฉุกคิด มันเกิดขึ้นตอนนั้นเองตอนที่ผมเข้าโรงพยาบาลเพราะไข้สูงสามสิบเก้าองศา ความแสบร้อนและเจ็บปวดไต่ระดับไล่จากมวลกล้ามเนื้อมาถึงไขสันหลัง กระทั่งเปราะลึก ร้าวเกี่ยวเสี้ยวกระดูกภายใน ผมไม่รู้สึกอะไรอีก นอกจากความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายเดี๋ยวนั้น ผมหลับตา อธิษฐานต่อพระเจ้าว่ายังไม่อยากตาย ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะตายเข้าจริงๆ สักวัน แม่ที่กำลังปอกผลไม้อยู่ข้างเตียงหยุดชะงัก ภาพใบหน้าของแม่ที่ค่อย ๆ เอียงคอกลับมาเริ่มบิดเบี้ยว ก่อนถูกฉีกกระชากออกจากกันด้วยฝีมือจากเงามืดรูปร่างพิกลพิการด้านหลัง ผมไม่สามารถรับรู้ได้อีกต่อไปหลังจากนี้ นอกเหนือจากเสียงกรีดร้องของผู้เป็นแม่ ดวงตาที่เคยรับภาพภายนอกวิ่งเข้าสู่เซลล์ประสาทไม่นานก็มืดบอด การสูญสลายเป็นแบบนี้หรือเปล่า ผมอาเจียนออกมา แต่สิ่งเร้าภายนอกที่เห็นกลับมืดมิด โล่งกว้าง ไร้แสงสว่างและซุ่มเสียง เป็นเพียงความทึบบอดของคนไม่เข้าใจสาเหตุและโง่เง่า น่าเสียดาย ผมยังไม่ได้โอบอุ้มร่างของแม่เอาไว้ในอ้อมแขนเลย ในคราวชิ้นเนื้อถูกอัดฟุ้งกระดอนไปแห่งละทิศละทาง

     

    แก... แกฆ่าแม่!” ผมรีบยกฝ่ามือทั้งสองข้างกุมศีรษะสั้นกุด สติกลับมาอย่างคนแปลกประหลาดที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นคนบ้าในสายตาคนอื่นด้านนอก

     

    เพราะแบบนั้นแหละ ชาร์ลี...แม่ที่กล่อมนายเข้านอนทุกคืนน่ะของฉันต่างหาก

     

    ไม่จริง แม่น่ะ แม่ยังไม่ตาย ผมตะคอกกลับ รู้สึกลำคอเริ่มแห้งเหือดเป็นผงเพราะเอาแต่อ้าปากเกร็ง ขณะพยายามลากโกยมวลอากาศตรงหน้าผ่านช่องสีแดงสดเหนือลิ้นเผือดซีด

     

    คลับคล้ายตัวตนบางอย่างหลุดพรวดออกจากเนื้อหนังที่เคยครอบครองไว้เพียงผู้เดียว

     

    ผมเคยเห็นมันตรงหัวมุมถนนนั่น ผมวิ่งตามเด็กผู้ชายสวมแจ็กเก็ตเบสบอลสีเขียวที่เพิ่งเดินสวนทางกลับเข้าไปในตรอกแคบ ทรงผมสกินเฮดเรียบ ๆ กับใบหน้าครึ่งเสี้ยวที่ไม่ได้เหลียวมองมาทางผม แต่ผมกลับรู้สึกเกลียดแสนเกลียดขึ้นมาจับใจ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองไปหยุดยืนอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์เพื่อนบ้านตรงหัวมุมถนนฝั่งตรงข้ามทำไม เมื่อแม่ถามผมซ้ำ ๆ ถึงเหตุการณ์พลันแล่นในตอนที่ก้าวกระโดดออกจากคันรถของพ่อ

     

    ผมถกแขนเสื้อตัวเองยกขึ้นระดับสายตา เงามืดแปลกประหลาดนั่นหายไปเสียเมื่อไหร่ไม่รู้ แม่ตรงปรี่เข้ามาสวมกอด บอกว่าผมเอาแต่ร้องโวยวายไปทั่วบ้าน พ่อตามเข้ามาทีหลัง เขาถอนหายใจเสียงดังแล้วบอกว่าน่ารำคาญรอบละหลายหนเท่าที่ผมพอจะจับเค้าความได้ แต่ผมและผู้หญิงที่กำลังโอบกอดร่างกายนี้อยู่หาได้ใส่ใจ

     


        ผมยกแขนเสื้อพาดลายขวางสีขาวขึ้นมอง

     


        อีกครั้ง

     


          และซ้ำสอง


     

    ผมใส่มันอยู่

     


    ผมบอกแล้วว่าสถานสงเคราะห์รังแต่จะพาปัญหามาให้เรา” คนที่ผมเคยเรียกว่าพ่อสลัดเปลือกนอกหยาบ ๆ ทิ้งห่าง กลายสภาพเป็นเพียงชายร่างท้วมที่มีเส้นขนบนศีรษะกลางลานกระหม่อมถากหายไปตามช่วงอายุกำลังหันมองใบหน้าผมตามประสากรุ่นชิงชัง

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in