เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
2AM Book Club: รีวิวหนังสือตามอารมณ์memiann
The Sudden Appearance of Hope | คุณจะเป็นใคร ในวันที่ไม่มีคนจำคุณได้เลย
  • ลองจินตนาการว่า ถ้าเราสามารถหายไปจากความทรงจำของใครก็ได้บนโลกทันทีที่คนๆนั้นละสายตาจากเราสิ เราจะทำยังไง? เป็นใคร? ใช้ชีวิตอยู่ยังไง? แล้วจริงๆ มันเป็นอิสระหรือความทรมาณกันแน่? 

    The Sudden Appearance of Hope โดย Claire North เป็นนวนิยายที่พูดถึงเรื่องเหล่านั้นผ่านชีวิตของนางเอก ผู้ซึ่งไม่มีตัวตนอยู่ในความทรงจำของใคร แม้กระทั่งพ่อแม่ตัวเอง ทันทีที่ใครสักคนละสายตาไปจากเธอ เธอจะถูกลืมและกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขาไปเลย

    แค่คอนเซปของเรื่องก็น่าสนใจแล้ว


    เรื่องย่อ
    ฉันชื่อ Hope Arden
    ฉันคือคนที่ถูกทั้งโลกลืม

    มันเริ่มต้นเมื่อฉันอายุ 16 
    พ่อลืมไปส่งฉันที่โรงเรียน แม่จัดโต๊ะอาหารให้แค่สามคน ไม่ใช่สี่ และเพื่อนที่มองหน้าฉัน เห็นฉันเป็นเพียงคนแปลกหน้า

    ไม่ว่าฉันจะทำอะไร พูดอะไร หรือทำผิดแค่ไหน คุณจะไม่มีวันจำฉันได้ 

    นั่นทำให้การใช้ชีวิตของฉันเต็มไปด้วยการหลอกลวง.. และยังอันตรายอีกด้วย...
  • เราตัดสินใจเขียนรีวิวหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา เพราะหลังจากที่อ่านจบเราคิดกับตัวเองว่า
    มันเป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ยังไม่มีคนรู้จักหนังสือเล่มนี้มากพอ 

    ด้วยความที่ The Sudden Apperance of Hope ทำให้เราตกตะกอนทางความคิดหลายๆอย่าง รีวิวนี้เลยเป็นกึ่ง discussion เกี่ยวกับหนังสือด้วย มันก็จะยาวนิดๆ มีสาระมากกว่าปกติหน่อยๆ มีสปอยเนื้อหาบางส่วนแต่ว่าจะไม่พูดถึงอะไรที่ทำให้อรรถรสในการอ่านลดลงนะคะ


    พล็อตเรื่อง และสไตล์การเขียน
    การบรรยายทั้งหมดถูกเล่าผ่านมุมมองของนางเอก "Hope Arden" เราได้อ่านเรื่องราว, ความรู้สึก, และความคิดทุกอย่างผ่านโฮป ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ โดยช่วงแรกจะเล่าสลับไป-มาระหว่างการเท้าความในอดีตตอนที่โฮปค่อยๆถูกลืมครั้งแรก กับเรื่องในปัจจุบันที่โฮปใช้ชีวิตเป็นโจร ส่วนช่วงกลางเล่มเป็นต้นไปจะมีแอคชั่นมากขึ้น และแฝงปรัชญาที่ลึกซึ้งกว่าเดิม

    เราได้ค่อยๆซึมซับชีวิตของโฮป ว่าทำไมเธอเลือกตัดสินใจเดินทางสายโจรกรรม 
    ..  เธอไม่สามารถเข้าเรียนได้ ครูลืมว่ามีเธออยู่ในห้อง ไม่มีใครตรวจงานหรือทวงการบ้านเธอ
    เธอไม่สามารถสมัครงานได้ เจ้านายลืมว่ามีเธอเป็นลูกน้อง และไม่เคยมีใครโทรมาตามให้เธอไปทำงาน 
    โฮปจงเริ่มหาวิธีเอาตัวรอดโดยการขโมยสิ่งของเล็กๆน้อยๆ ขนมในซุปเปอร์มาร์เก็ต, กระเป๋าเงินของคนแปลกหน้าบนรถไฟ และเพิ่มสเกลไปเป็นของที่มีค่ามากขึ้น อย่าางสร้อยเพชรจากเจ้าหญิงในดูไบ และนั่นเป็นจุดที่เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น 

    มาถึงตรงนี้ ผู้อ่านอย่างเราได้เจอกับ sub-plot ที่สำคัญมากๆ นั่นก็คือเรื่องของธุรกิจแอพพลิเคชั่นมือถือที่ชื่อว่า 'Perfection' ซึ่งโฆษณาว่าจะทำให้ผู้ใช้เพอร์เฟ็คน่าจดจำ ผ่านการอนุญาติให้แอพฯเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว, โซเชี่ยล มีเดีย, บัญชีธนาคาร รวมไปถึงการแทร็คโลเคชั่น แอพฯนี้จะหักคะแนนเรา เมื่อเดินเข้าไปในร้าน fast food และให้คะแนนเมื่อเราออกกำลังกายในฟิตเนส หรือไปเสริมความงามกับร้านที่ทำสัญญาไทด์-อินไว้กับแอพฯ พอสะสมคะแนนได้มากพอ ผู้ใช้ก็จะได้รางวัล พร้อมสิทธิพิเศษเข้าคลับคนเพอร์เฟ็ค สังคมศูนย์รวมหนุ่ม-สาวที่"สมบูรณ์แบบ"

    และการที่โฮปเข้าไปพัวพันกับแอพฯเจ้าปัญหานี่แหละ ทำให้เธอได้ตั้งคำถามว่าตัวเองเป็นใคร ตัวตนของเธออยู่ตรงไหน แอพนี้จะทำให้เธอกลายเป็นคนที่ 'น่าจดจำ' ได้หรือเปล่า

    หลังจากที่อ่านไปได้ประมาณ 1 ใน 3 ของเล่ม ความรู้สึกแรกที่เรามีเลยคือ ความหน่วง เรารู้สึกหนัก แล้วก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่โฮปต้องเจอในชีวิต โดยเฉพาะช่วงแรกที่พูดถึงตอนโฮปค่อยๆถูกลืม เธอคิดอะไร รู้สึกยังไง และพยายามแก้ปัญหาด้วยวิธีไหนบ้าง จุดที่ทำเราจุกอกมากๆคือตอนที่โฮปถูกพ่อแม่ลืมโดยสิ้นเชิง เราอ่านแล้วเข้าถึงความรู้สึกเจ็บปวดและ desperation ของโฮป ที่ไม่สามารถหยุดยั้งการถูกลืมหรือบังคับให้ใครจำเธอได้อีกต่อไป

    ในขณะที่ช่วงกลางถึงท้ายเรื่อง มีการถกเถียงกันเรื่องสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งในหัวของโฮปเอง และทั้งผ่านการโต้เถียงกับคนอื่น มีฉากแอคชั่น สู้กันนิดๆ สืบสวนหน่อยๆ ปมทั้งหลายที่ค่อยๆถูกคลี่คลายมีส่วนอย่างมากในการส่งผลกระทบต่อมุมมองของโฮปที่มีต่อตัวเองและคนรอบข้าง

    สไตล์การเขียนของ Claire North ทำให้หนังสือเล่มนี้มีเอกลักษณ์ โดยการใส่ความหมายของคำที่ผุดขึ้นมาในหัวของโฮปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้นลงไป เราชอบมากเพราะได้เห็นการตีความหมายของคำและความสำคัญที่โฮปคิดว่าคำนั้นมีต่อเธอ


    อารมณ์ต่างๆของโฮป นอกจากจะถูกเล่าผ่านการบรรยายแล้ว ยังมีการใช้ตัวอักษรและการจัดสเปซของคำเป็นตัวช่วย อย่างตอนที่โฮปรู้สึกว่าทุกอย่างผิดแผน เราก็จะได้อ่าน fuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuckfuck รัวๆ ประหนึ่งได้ยินไปด้วยเลยว่า แย่ละ ชิบหายละ แม่งเอ้ย เอายังไงดีว๊ะ!!!!!! 

    หรือตอนที่โฮปเครียด เราก็ได้อ่านความคิดต่างๆนานาที่ผ่านหัวโฮปเพื่อสงบสติอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น บทกลอนจากกวีชื่อดัง หรือ speech ของ Martin Luther King หรือ อัตราส่วนการใช้ออกซิเจนจากอวัยวะต่างๆในร่างกาย เรียกได้ว่า Claire North สื่อทุกอย่างจากสมองของโฮปให้ผู้อ่านทราบ ซึ่งตรงนี้แหละ แสดงถึงความละเมียดละไม และการทำการบ้านหาข้อมูลมาอย่างดี 

    เรามองว่าบางคนอาจจะชอบสไตล์การเขียนแบบนี้ มันทำให้เราเข้าถึงตัวละครได้อย่างแท้จริง แต่ในขณะเดียวกัน บางคนอาจจะไม่ถูกจริต และมองว่ามันยื้อเยื้อโดยไม่จำเป็น ส่วนตัวเราเห็นด้วยว่าเนื้อหาบางส่วนมันช้าไปจริงๆ เราเอนจอยกับการอ่านข้อมูลต่างๆแต่ไม่ได้อยากรู้ลึกซึ้งขนาดนั้น มันทำให้เรารู้สึก discourage ในการอ่านบางช่วงเพราะทุกอย่างไปช้าเหลือเกิ๊น แต่ถึงอย่างงั้นปมต่างๆของเรื่องก็ดึงเรากลับมาอ่านต่อไปเรื่อยๆจนจบได้อยู่ดี ต่อให้จะรู้สึกว่ามันอืดบ้างก็เถอะ

    หนังสือมีไอเดีย การเปรียบเปรย และคอนเซปที่เราอาจเข้าไม่ถึงถ้ารีบอ่านเร็วๆ โดยเฉพาะการที่นางเอกชื่อ Hope ทำให้เราเผลอเปรียบอยู่เรื่อยว่าเธอคือตัวแทนความหวังของมนุษย์รึเปล่า การที่เราจะรู้ว่าสิ่งที่เราหวังนั้นมีอยู่จริง ก็ตอนที่มันมาอยู่ตรงหน้า จับต้องได้ และมีตัวตน 
    หนังสือเล่มนี้เลยเป็นอะไรที่เราต้องให้เวลากับมัน ค่อยๆอ่าน ให้ความคิดได้ตกตะกอน ต้อง crack มันออกมาทีละชั้น
    แต่!!! เห็นแบบนี้ ก็มีจังหวะเล่นมุขให้เราหลุดขำด้วยนะเอออ มีมุมตลกร้าย ขี้ประชด แล้วก็บู้ๆอยู่บ้าง ทำให้เนื้อหาไม่หนัก แล้วก็ปรัชญาจ๋าจนเกินไป 

    จุดพี้คของเรื่อง เราไม่คิดว่ามันอยู่ในเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง แต่กลับอยู่ในบทสนทนาที่โฮปมีกับตัวละครอื่นๆหลังเหตุกาณ์สำคัญต่างหาก หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่สายแอคชั่นอะไร ทุกอย่างดำเนินไปด้วยจังหวะเนิบๆ เราชอบที่สถานการณ์ดูเหมือนจะพี้คถึงขีดสุดจนจบได้แล้ว แต่ผู้เขียนกลับเล่าให้มีเรื่องราวต่อจากนั้นอีก ทำให้เห็นอารมณ์และความนึกคิดของตัวละครที่เปลี่ยนไปหลัง 'เหตุการณ์สำคัญ' ... อันที่จริงเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อมานั่นแหละ กลับเป็นจุดที่เราคิดว่ามันสำคัญที่สุดในเรื่องเลย


    ตัวละคร
    โฮป เป็นตัวละครที่มี Character development ดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก 
    ตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึงตอนจบ เราจะเห็นชัดเลยว่าตัวละครนี้พัฒนาไปขนาดไหน ทั้งการตัดสินใจ การกระทำ การวางตัว มุมมองชีวิต ทุกอย่างเลย มันสมจริงและมีเหตุผล 

    จริงอยู่ว่าตลอดทั้งเรื่องโฮปต้อง struggle ผ่านอะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่การ struggle เหล่านั้นมันไม่เหมือนกัน เพราะคาแร็คเตอร์มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงทีละนิด มันเลยไม่น่าเบื่อ โฮปเป็นผู้หญิงที่สามารถเอาตัวรอดได้ แต่ก็เข้าใจตัวเองมากพอจะร้องขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น การที่โฮปถูกลืมทำให้เธอมี mental breakdown เป็นประจำ เธอจะบอกตัวเองเสมอว่า'เอาอยู่' แล้วในฐานะคนอ่านเราเห็นเลยว่าครั้งไหนเธอแค่หลอกตัวเองว่าเอาอยู่ และครั้งไหนเธอเอาอยู่ "จริงๆ"

    **SPOILER ALERT**
    **SPOILER ALERT**



    จุดที่เราปลื้มมากในพัฒนาการของโฮปมีสองอย่าง: 
    หนึ่ง ทัศนคติที่มีต่อการโจรกรรม 
    จากตอนเริ่มแรกที่โฮปขโมยพร่ำเพื่อ ทั้งขโมยเพื่อความอยู่รอดโดยไม่แคร์ว่าใครจะเดือดร้อน หยิบอะไรได้ก็หยิบไว้ก่อน และบางทีก็ขโมยเพื่อความสะใจ ทำไปเพราะอารมณ์ ...จนตอนหลังที่โฮปขโมยน้อยลง เห็นใจคนอื่นมากขึ้น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็จะไม่ทำ ยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ในที่สุด 
    สอง นิสัยการนับเลข 
    แรกๆโฮปนับเลขเพื่อสงบสติอารมณ์ ห้ามตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน ไม่คิดเรื่องอื่น ทำให้สมองยุ่งด้วยการนับไปเรื่อยๆ มาตอนท้ายที่โฮปเลิกนิสัยนี้ได้สักที เพราะคิดเป็นเหตุเป็นผลให้ตัวเองฟังได้ และสามารถเชื่อในเหตุผลนั้นจริงๆ โดยไม่ต้อง distract ตัวเองโดยการนับเลขอีกต่อไป (ในเรื่องไม่ได้บอกเหตุผลชัดเจนว่าทำไมโฮปถึงหยุดนับ แต่เราตีความเป็นแบบนี้นะ) 




    **SPOILER ENDS** 
    **SPOILER ENDS** 


    และใช่ว่าทั้งเรื่องจะมีแค่โฮปอยู่คนเดียว จริงอยู่ที่ตัวละครนี้ไม่สามารถสานสัมพันธ์กับใครได้ แต่ Claire North ก็มีวิธีเขียนและหลีกเลี่ยงปัญหาได้อย่างชาญฉลาด นั่นทำให้คาแร็คเตอร์อื่นๆเข้ามามีบทบาท แล้วก็พัฒนาไปในทิศทางของตัวเองได้ดีมากๆ เราชอบการใส่ตัวละครที่เป็น love interest ของโฮป ตัวละครนี้มีส่วนช่วยให้โฮปพัฒนา แต่ไม่เป็นจุดสนใจมากเกินไปจนกลายเป็นนิยายรัก 

    ตัวละครหลักที่มีอยู่ไม่กี่คนนั้นล้วนแต่เป็นสีเทาทั้งนั้น ไม่มีฝ่ายดี ไม่มีฝ่ายร้าย ทุกคนมีเหตุผลในการกระทำของตัวเอง ทำให้เราอดไม่ได้เลยที่จะอ่านต่อไปเพื่อหาคำตอบว่าสุดท้ายแต่ละคนจะมีชีวิตแบบไหน แถมการกระจายบทก็ดี ทุกคนมี closure เป็นของตัวเองในตอนจบ ไม่มีใครถูกทิ้งกลางทางหรือไม่ถูกเขียนถึงไปซะดื้อๆ


    มุมมองที่ถูกนำเสนอ
    Claire North หยิบหลายๆเรื่องมาพูดในหนังสือเล่มนี้ได้อย่างลงตัวโดยที่ไม่ยัดเยียด แถมยังเปิดมุมมองให้ผู้อ่านได้คิดต่อเองด้วยว่าจริงๆแล้วเรามีความเห็นยังไง ไม่ว่าจะเป็น
    • การย้ำเตือนเรื่องพื้นฐานความต้องการของมนุษย์ ว่าเราเป็นสัตว์สังคม และไม่ว่าใครก็ต้องการ human connection ทั้งนั้น สิ่งนี้เป็น struggle นึงที่นางเอกของเราต้องเจอตลอดทั้งเรื่อง เพราะเธอไม่สามารถสานต่อความสัมพันธ์กับใครได้เลย 
    • การค้นหาตัวเอง และความหมายของการใช้ชีวิต ตัวตนของเราอยู่ตรงไหน ในวันที่ไม่มีใครคอยบอกเราว่าสิ่งไหนควรหรือไม่ควร เราจะเลือกเป็นอะไร เมื่อไม่ว่าจะทำดีหรือเลวแค่ไหน ก็ไม่มีใครจำได้อยู่ดี...นอกจากตัวเราเอง แล้วอะไรกันล่ะเป็นสิ่งที่ define ตัวเรา? อาชีพ? คนรอบข้าง? ความเชื่อ? ศีลธรรม? 

    • การตีความความสมบูรณ์แบบหรือ 'perfection' ในสังคมยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสื่อต่างๆที่ใช้ภาพดาราซึ่งดูดีไปหมด ทำให้คนเชื่อว่าความเพอร์เฟ็คเป็นแบบนั้น หรือการที่โฆษณาทำให้ผู้บริโภครู้สึกบกพร่องทั้งที่ไม่เป็นความจริง "These days, we offer solutions for everything.. including things that don't really need fixing." (Pg.449)
    • ความเป็นส่วนตัวในโลกอินเตอร์เน็ต มีการตั้งคำถามว่าการอนุญาติให้โซเชี่ยล มีเดีย เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวต่างๆ รวมถึง location service ที่สามารถติดตามสถานที่ๆเราไป ทั้งหมดนี้มันคุ้มกันไหม แลกกับความสะดวกสบาย..เราได้หรือเสียประโยชน์ในด้านไหนบ้าง 
    • การเหยียดสีผิว มีการพูดถึงชีวิตของคนผิวสี, สิทธิ และสถิติว่าคนผิวสีถูกปรักปรำในอาชญากรรมที่ไม่ได้ก่อเยอะแค่ไหน เรื่ืองนี้ถูกแตะไว้ผิวๆ (pun intended!!) แต่ก็เห็นได้ชัดว่าผู้เขียนให้ความสำคัญ
    • ความไม่แน่นอนของความทรงจำมนุษย์ สิ่งที่คนเราจำได้นั้นเที่ยงแท้จริงเหรอ เราเชื่อความทรงจำของตัวเองได้มากแค่ไหน และรู้ได้ยังไงว่าไม่มีการบิดเบือนเกิดขึ้น? แล้วถ้าเราจำไม่ได้ล่ะ เราควรจะเชื่อในอะไร? 
    • คอนเซปของการใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ตลอดทั้งเรื่องมีการย้ำบ่อยมากถึงเรื่องนี้ เพราะตัวตนของโฮปมีอยู่ในปัจจุบันที่เธอยืนต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น หลายๆครั้งเธอเลยปลอบใจตัวเองด้วยการบอกว่าปัจจุบันนี่แหละสำคัญที่สุด

    "The past was just a present that had been, the future was a present yet to come, and only now remained." (Pg.324)

    "We exist in the present tense, and even our futures will one day be the past, and the past will be forgotten, and so only now remained. (...) What matters, therefore, is not hope for things to come, nor regret for things passed, but this action in this moment, these deeds, this now." (Pg. 112)

    นี่เป็นแค่มุมมองบางส่วนจากหนังสือเล่มนี้เท่านั้น เราเชื่อว่าถ้าทุกคนได้อ่าน อาจจะจับใจความและเห็นมุมใหม่ๆที่ต่างจากเราก็เป็นได้ 


    รูปเล่มและปก
    ด้วยความที่หนังสือค่อนข้างหนา (เกือบ 500 หน้า!) บวกกับการเว้นช่องวางระหว่างบล็อคตัวอักษรกับขอบหน้า (หรือ margin) ที่น้อยมากม๊ากกก เห็นได้ชัดเลยว่าผู้เขียนพยายามบีบอัดตัวอักษรให้อยู่ในหน้านึงได้มากที่สุดแล้วเพื่อลดจำนวนหน้าลง (ขนาดอัดแล้วนะเนี่ย...) อ่านไปก็อาจจะรู้สึกท้อเล็กน้อยว่าทำไมมันหนางี้!!!!!! นี่อ่านมาตั้งนานแล้วยังไม่ครึ่งเล่มอีกเหรอ!!?!!!! 

    แต่ถึงจะหนา หนังสือเล่มนี้ก็ถูกตีพิมพ์ด้วยกระดาษที่เบามาก เลยไม่เป็นปัญหาเวลาหยิบอ่าน การเย็บเล่มดี ทำให้กางออกได้สุด ถืออ่านมือเดียวได้สบายๆ 


    ส่วนการออกแบบปก เราชอบที่เห็นแค่รูปร่างลางๆ ดูเลือนๆเหมือนความทรงจำที่ทุกคนมีต่อโฮป เป็นการสื่อคอนเซปของเรื่องให้เห็นชัดดี เกลียดอยู่อย่างตรงที่มีโฆษณาหนังสืออีกเล่มของ Claire North แปะเป็นกลมๆอยู่ข้างๆ เห็นแล้วรกลูกกะตามากจริงๆ
  • ส่วนที่เราชอบและไม่ชอบในหนังสือเล่มนี้

    THE YESSS
    • คอนเซปของพล็อต แตกต่างและดึงความสนใจเราได้ตั้งแต่ตอนอ่านเรื่องย่อ 
    • มุมมองที่นำเสนอ มันหลากหลายแล้วก็เปิดกว้างมาก เชื้อเชิญให้คิดตามแต่ไม่ยัดเยียดให้เห็นด้วย
    • การถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของนางเอก ทำให้เราเข้าใจตัวละคร คล้อยตาม และอินมากๆ 
    • ความหน่วง อาจจะฟังดูโรคจิตแต่เราชอบที่อ่านแล้วรู้สึกหนักไปตามโฮป 
    • เนื้อเรื่องมีหลายเลเยอร์ คือแทนที่จะเล่าแค่เรื่องการถูกลืมของโฮปอย่างเดียว ผู้เขียนกลับสอดแทรกเรื่องอื่นๆเข้ามาเต็มไปหมดเลย มันมีหลายครั้งที่เราคิดว่าด้วยคอนเซปนี้ผู้เขียนสามารถพามันไปอีกทางที่ย่อยง่ายกว่านี้ได้ แต่ไม่..เขาพยายามสอดแทรกเรื่องที่มีความหมายเข้ามาจริงๆและมันทำให้เรารู้สึกดีที่ได้อ่าน 
    • Character development โดยเฉพาะนางเอก ทำได้ดีและมีเหตุผล
    • ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลัง 'เหตุการณ์สำคัญ' 
    • ตัวเล่มหนาแต่ไม่หนัก

    The NAHHH
    • ความเนิบๆอืดๆของพล็อต บางจังหวะก็อ่านละทั้งเนือย ทั้งเหนื่อย เมื่อไหร่จะคืบหน้าสักที
    • เป็นหนังสือที่ใช้เวลา มันไม่ใช่ข้อเสียหรอก ออกแนวเป็น disclaimer มากกว่าว่ามันไม่ใช่ easy read ซะทีเดียว จะอ่านทีต้องมีเวลาและใช้สมองคิดตามพอสมควรทั้งระหว่างการอ่าน และหลังการอ่านให้ความคิดได้ตกตะกอน
    • โฆษณาหนังสืออีกเล่ม กลมๆบนหน้าปก!!!!!!!! อีผีบ้าาาา มีไว้ทำไม รก!!!!!!!!! เกะกะลูกตา สติกเกอร์ก็ไม่ใช่ เล่นพิมพ์ลงไปบนปกเลยจะบ้าตาย น่าเกลียดดดด (ความจิตส่วนตัวล้วนๆ....)
  • สรุปแล้วววว.... ?
    The Sudden Appearance of Hope เป็นหนังสือที่ผสมผสานหลายสิ่งไว้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นความแฟนตาซีนิดๆ วิทยาศาสตร์หน่อยๆ บวกการสืบสวน ปริศนา แฝงด้วยปรัชญา แถมสอดแทรกการเล่าเรื่องที่เหมือนบทกลอนไว้ด้วย นอกเหนือไปจากคอนเซปที่น่าสนใจแล้ว ผู้เขียนยังนำเสนอมุมมองต่างๆเกี่ยวกับมนุษย์, ชีวิต และสังคม ทำให้เราฉุกคิดไปพร้อมๆกับการพยายามหาคำตอบของนางเอก ตัวละครทุกคนเป็นสีเทาและมีพัฒนาการที่สมจริง ส่วนเนื้อเรื่องมีความละเมียดละไม แอคชั่นไม่มาก อาจจะช้าไปบ้าง แต่มันก็เป็นหนังสือที่ทำให้เราได้ซึมซับไอเดียต่างๆ พร้อมตกตะกอนทางความคิด ทั้งที่ปิดหนังสือลงแล้ว 

    พออ่านจบ ถึงได้ค่อยๆคิดออกว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงชื่อว่า The Sudden Apperance of Hope ..ทั้งที่โฮปเป็นคนที่ถูกลืม ;) 

    เรทคะแนนอันไม่เที่ยงของเรา ขอให้ตามนี้นะ
    • เนื้อเรื่อง - 5 / 5 
    • ตัวละคร - 5 / 5
    • ความหน่วง - 4.5 / 5 
    • ความไวของพล็อต - 3.5 / 5
    • ความง่ายของศัพท์ (5 = ง่ายที่สุด) - 3.5 / 5
    • รูปเล่ม - 4 / 5 (หักหนึ่งแต้มเพราะโฆษณากลมๆน่าเกลียด!!!)

    - - - - - - - - - -

    ข้อมูลหนังสือปิดท้าย ไปหามาอ่านกันเถอะะะะ
    ชื่อหนังสือ: The Sudden Appearance of Hope
    ผู้แต่ง: Claire North (นามปากกาของ Catherine Webb) 
    ISBN: 9780356504551 
    จำนวนหน้า: 468 หน้า 

    ณ ตอนนี้ยังไม่มีฉบับภาษาไทยเลย หวังว่าจะมีคนเอามาแปลเร็วๆนี้

    - - - ขอให้อ่านให้สนุก - - -

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Ramida Rordsup (@fb4394737398030)
ซื้อที่ไหนคะ​ หาดูแล้วมีแต่อเมซอน​ ค่าส่งก็มหาโหดมากก​ ถ้าเป็นไปได้ช่วยส่งลิ้งค์มาให้หน่อยก็ดีค่ะ