เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Look a Breathe (Series 1 - 2)nimon
#165 เรื่องส่วนตัว

  • “การสร้างตัวละคร คือ การรู้จักตัวเอง

    ว่า เธอเป็นใคร”


    หนังสือเล่มนี้เป็น หนังสือที่ตั้งคำถามกับตัวเอง ว่า เราหลงลืมอะไรบางอย่างไปหรือเปล่า

    และสิ่งที่เราหลงลืม มันสำคัญกับเรามากแค่ไหน


         เราขอแบ่งหนังสือเล่มนี้ เป็นทั้งหมด 4 ส่วน โดยที่แต่ละส่วนมีคำถามทั้งหมด 25 ข้อ เพื่อใช้ในการสอบถามตัวเอง และค่อยๆเรียนรู้ชีวิตตัวเองให้มากขึ้น



    -1-

    คำถามทั่วไป


         ชุดแรกเป็นคำถามทั่วไปที่เราหลายๆคนเคยได้ยินคำถามนี้ ไม่ว่าตั้งแต่เด็กจนทำงาน หรือเริ่มต้นทำความรู้จักกับใคร เรามักหนีไม่พ้นคำถามเหล่านี้ เพราะคำถามเหล่านี้ทำให้คนหลายคนรู้จักเรามากขึ้น และตัวเราล่ะ เคยตอบคำถามเหล่านี้ด้วยใจที่ไม่อคติไหม


    เธอเป็นใคร

    ชื่ออะไร

    อายุเท่าไหร่

    ราศีและกรุ๊ปเลือด

    คนชาติใด

    บ้านอยู่ไหน

    ทำงานอะไร

    รายได้ต่อปีเท่าไหร่

    เลขพาสปอร์ตคืออะไร

    จบการศึกษาระดับใด

    แต่งงานยัง

    มีลูกกี่คน

    สนใจเรื่องอะไร

    ความสามารถพิเศษ

    ชอบสีอะไร

    ชอบดนตรีอะไร

    ชอบอาหารแบบไหน

    ชอบกลิ่นแบบใด

    ชอบเพื่อนแบบไหน

    ชอบอารมณ์อะไร

    ชอบหนังเรื่องอะไร

    ชอบอากาศแบบไหน

    ชอบเที่ยวที่ไหน

    ชอบเล่นกีฬาอะไร

    โชคดีและสุขไหม

         คำถามเหล่านี้ ถ้าเราตั้งใจตอบจริงๆ เราจะพบอะไรหลายๆอย่างจากคำถามง่ายๆเหล่านี้ 


    ยกตัวอย่างเช่น

         อาชีพเด็กเป่าลูกโป่ง ดูเป็นอาชีพทั่วไป แต่เด็กคนนี้เป่าลูกโป่ง โดยใช้หัวเป่า นี่ล่ะที่เรียกว่า แปลกแต่น่าสนใจตรงที่ว่า เด็กบอกว่า ควบคุมอารมณ์ยากกว่าควบคุมเเรงเป่าลูกโป่ง เพราะเวลาอารมณ์ไม่ดีก็จะเป่าลูกโป่งได้ไม่ดีหรือไม่ขึ้น

         การควบคุมอารมณ์เป็นสิ่งที่ยากจริง เพราะอย่างไรเวลาเราโกรธหรือเสียใจอย่างมาก มันจะขาดสติ จนลืมทุกสิ่งไปว่า เพียงแค่ปล่อยวางก็จบแล้ว


    -2-

    คำถาม (เกือบ) ลับ


         ชุดสองเป็นคำถามที่เกือบจะเป็นความลับ ซึ่งเมื่อมีคนที่ไม่สนิทใจถามคำถามพวกนี้ จะทำให้เราไม่กล้าตอบได้เต็มปากเต็มคำ เพราะหลายครั้งเป็นสิ่งที่เราไม่อยากเปิดเผยให้ใครรู้ และไม่เพียงเท่านั้น เราอยากเปิดเผยให้คนเห็นแค่ตัวตนด้านนี้เท่านั้น แต่ถ้าเป็นตัวเองที่ถามตัวเองล่ะ เราตอบอย่างไร เพื่อไร้ซึ่งอคติ เราได้ทำตอบที่ยิ่งกว่ารู้ตัวเอง 


    เธอเป็นใคร

    ดูรายการโทรทัศน์

    เกลียดอะไร

    กลัวอะไร

    เคยไปประเทศไหน

    เคยไปที่ไหน

    บันทึกอะไร

    มีความลับอะไร

    ทำไมดีใจ เสียใจ

    ทำไมหลอกลวง

    ทำไมถึงโทษตัวเอง

    วัยเด็กเป็นแบบไหน

    ศึกษาแบบไหน

    ความทรงจำใด

    เพื่อนไหนที่ไม่ชอบ

    บาดแผลในใจ

    ความรักหวานชื่น

    กลัวการแต่งงาน

    ครอบครัวอบอุ่นไหม

    เด็กน้อยทำให้มีหวัง

    มีอะไรเสียใจ

    มีอะไรไม่พอใจ

    ทัศนคติต่อชีวิต

    ทัศนคติต่อโลก

    สุขและเบิกบานไหม

          คำถามเหล่านี้ ทำให้เราค้นพบความลับมากมายที่เราไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้


    ยกตัวอย่างเช่น

         อาชีพคนสองหน้าที่ถูกนักวิทยาศาตร์ให้ไปทำการทดลองลับเปลี่ยนหน้าในร่างกายของคนๆหนึ่ง ให้เป็นคนแปลกหน้าสองคนอาศัยอยู่ในร่างเดียวกัน แต่ร่างหนึ่งจะมีสองวิญญาณได้แน่หรือ เพราะตัวฉันคนเก่าถูกซื้อไปเรียบร้อยแล้ว 

          หลายต่อหลายครั้งที่เราไม่ต่างจากคนทำอาชีพสองหน้านี้ เพราะเราต้องขายความเป็นตัวเราให้กับคนอื่น โดยที่ให้คนอื่นเห็นเราในส่วนด้านที่เราอยากให้เขาเห็นทั้งนั้น


    -3-

    คำถามลับเฉพาะคนรู้ใจ


         ชุดสามเป็นคำถามที่ลับเฉพาะคนรู้ใจที่จะตอบได้เท่านั้น และหลายต่อหลายครั้งเมื่อเราตอบ เราจะพบมุมมองอีกหลายมุมที่เราไม่เคยพบมาก่อน และเมื่อเรายอมรับมันได้ เราพบว่า ความสุขอยู่ที่ไหน


    เธอเป็นใคร

    คำพูดทวนซ้ำ

    เพลงไหน

    เคยรักคนไหน

    เคยอ่านอลิซไหม

    เคยฝันถึงพเนจรไหม

    จริงใจกับตัวเองไหม

    สัมพันธ์กับคุณธรรม

    ทำหรือเกลียดอะไร

    ลักษณะนิสัย

    คาดหวังอย่าไร

    ปฏิบัติอย่างไร

    ศรัทธาอะไร

    วีรบุรุษคนไหน

    เชื่อพระเจ้าหรือตัวเธอ

    ไม่ชอบกลิ่นไหน

    ไม่ชอบคำพูดใด

    ไม่ชอบชีวิตแบบไหน

    ไม่ชอบสิ่งยั่วยวนใด

    รับไม่ได้กับเรื่องใด

    ชอบกุหลาบหรือทานตะวัน

    ชอบแมวหรือ

    หมา

    ชอบภูเขาหรือ

    ทะเล

    ชอบตัวเองหรือ

    คนอื่น

    เธอมีความสุข

    เธอเบิกบานใจไหม

         คำถามเหล่านี้ ถ้ารู้ลึกเข้า จะพบอยู่ว่า ตัวตนอยู่ที่ไหน เพราะตัวตนไม่มี มีแต่ความรู้สึกที่กระทบอารมณ์เท่านั้น


    ยกตัวอย่างเช่น

         อาชีพนักฟัง คือเป็นผู้ฟังที่ดีและทำหน้าอารมณ์ร่วมกับคนเหล่านั้น ซึ่งหลายต่อหลายครั้ง คนเหล่านั้น แสดงอารมณ์ไม่ดี และคนเหล่านั้นมักอารมณ์ร้ายกาจมาก แต่การเป็นผู้ฟังที่ดีต้องยอมรับมัน

         ปัจจุบันนี้ พบคนจำนวนมากชอบเป็นผู้พูดมากกว่าผู้ฟัง พูดได้ตลอด อย่างตอนทำงานเป็นพนักงานขาย ลูกค้าพูดตลอด พอเราจะพูด ลูกค้าบอกว่า ฟังสิฟัง เราต้องฟัง พอจะพูด ก็ไม่ยอม 

         เราเรียนรู้จากเรื่องนี้ว่า เราควรฟังจนเขาพอใจก่อน ค่อยตัดสินใจพูด แต่การที่เราจะพูดกับคนประเภทนี้ได้ดี เราควรหาคำพูดที่น้อยแต่ได้ใจความจบในประโยคให้ดีและเร็วที่สุด 


    -4-

    คำถามลับเฉพาะคนรู้ตัว(เอง)


          ชุดสุดท้ายเป็นคำถามที่ลงลึกไปในจิตใจและอารมณ์ของตัวเอง ทำให้เรารู้จักตัวเองและยอมรับตัวเองด้านลึกที่สุดเท่าที่จะขุดคุ้ยได้ ว่า เราเป็นใคร (แนวถามย้ำตัวเองอีกครั้งและอีกครั้ง) ความไม่รู้ตัวเอง จะนำพาหายนะทางความคิดมาให้ เพราะเราไม่รู้ว่า สิ่งใดทำผิด สิ่งใดทำถูก สิ่งเหล่านี้ทำให้เรายิ่งเดินหลงทางได้โดยง่าย และพบเจอกับความน่ากลัวที่สุดในโลก


    เธอเป็นใคร

    เงินเท่าไรแลกภักดี

    เรื่องที่สำคัญ

    เรื่องที่ทำให้ซาบซึ้ง

    เรื่องที่ทำให้โมโห

    เรื่องที่ทำให้เหงา

    เรื่องที่ทำให้เย็นชา

    อยากตายอย่างไร

    ศพจะเป็นแบบไหน

    จับมือใครถ้าใกล้ตาย

    ฟังเสียงถ้าใกล้ตาย

    คลอดลูกแบบไหน

    ศึกษาอย่างไร

    คาดหวังอะไร

    ความฝันอะไร

    โกรธแค้นอะไร

    สำคัญอะไร

    คาดหวังชีวิตอนาคต

    คาดหวังโลกอนาคต

    เงินซื้อความยืนหยัด

    ชอบเมืองหรือ

    ชนบท

    ชอบฤดูร้อนหรือ

    ฤดูหนาว

    ชอบตัวเองหรือ

    คนอื่น

    เธอมีความสุข

    เธอเบิกบานไหม

    สิ่งที่เธอพูด

    เป็นจริงหรือเปล่า

          คำถามเหล่านี้ ถ้าเราตั้งใจค้นหาจริงๆ เราพบความลับที่อยู่ลึกสุด ที่มีเฉพาะเราเท่านั้นที่รู้ และคงจะลับต่อไป ถ้าเราไม่คิดจะเปิดเผยให้ใครเห็น


    ยกตัวอย่างเช่น

         อาชีพนักเขียนและนักวาดภาพซึ่งพูดถึงตัวคนเขียนเอง คือ คุณจิมมี่ เลี่ยว ที่ได้วาดภาพในช่วงชีวิตที่ป่วยหนัก ในขณะนั้น จิตใจกลัวและกระวนกระวายใจ เลยหาทางระบายด้วยการวาดภาพประกอบ

          เรื่องราวทุกข์ทั้งหมดนี้อยู่กับตัวเราเองตลอดเวลา แต่มันจะหายไป หายไปถาวร ก็ต่อเมื่อเรายอมรับมันได้ในที่สุด มันจะอยู่กับเราอย่างมีความสุขได้เช่นกัน



    5 เหตุผลที่เลือกอ่านหนังสือเล่มนี้


    1. ขอบคุณตัวเอง

         เราเหนื่อยมาแค่ไหน เราทำมากี่อาชีพแล้ว เมื่อสำรวจตัวเรา เราจะพบว่า เราทำมาทุกอาชีพเลย ไม่ว่า อาชีพไหนผ่านการทำมาหมดแล้ว แต่มีอาชีพเดียวที่ยังไม่ทำ คือ อาชีพขอบคุณตัวเอง ที่สามารถนำพาชีวิตเรามาจนถึงทุกวันนี้



    “ไม่มีใครรู้จักตัวเองได้ดีเท่าตัวเรา

    และไม่มีใครทำให้ตัวเราดีหรือร้ายได้เท่าตัวเรา

    ดังนั้น ถึงเวลาแล้ว ที่ควรกล่าวกับตัวเราเองว่า

    ขอบคุณตัวเอง”


    2. อภัยให้ตัวเอง

         หลายอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ คือ อภัยให้ตัวเองในสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว สิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว สิ่งที่เราไม่คิดจะทำผิดอีกแล้ว เรารู้แล้ว เราเข้าใจแล้วว่า มันผ่านไปจนนานมากแล้ว แต่เรายังโทษตัวเอง ร้องไห้ให้กับสิ่งนั้นอยู่หลายรอบ วันนี้ น่าจะเป็นวันดีที่จะอภัยให้ตัวเองสักที


    “ความภาคภูมิใจในตัวเองมากที่สุด คือ 

    การรู้ว่าเราทำผิดอะไร และเราไม่ทำผิดสิ่งนั้นซ้ำอีก

    แต่ความเสียใจมากที่สุดในตัวเอง คือ

    การที่เราไม่สามารถลืมความผิดพลาดนั้นได้สักที

    วันนี้ ขอบอกตัวเองว่า จบแล้ว อภัยกันนะ ตัวเอง”


    3. เข้าใจตัวเอง

         สิ่งที่ดูเหมือนง่ายแต่ทำยาก คือ ความเข้าใจตัวเอง เพราะหลายต่อหลายครั้ง เรามีอคติและเข้าข้างตัวเองตลอดเวลา แบบหลงตัวเองว่า เราเก่ง เราถูก คนอื่นผิด แต่ถ้าเราเข้าใจตัวเองอย่างถูก เราพบว่า ทั้งเราทั้งเขาไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพราะทั้งเขาทั้งเราก็ถูกตัวหลงผิดตัวเดียวกันครอบงำ



    “อุปสรรค คือ ตัวหลง ที่ทำให้เราเข้าใจตัวเองผิดไป”


    4. รู้ใจตัวเอง

         หลายต่อหลายครั้ง เราบ่นไป ด่าไป โดยที่ไม่รู้ใจตัวเองเลยด้วยซ้ำว่า ขณะที่ทำแบบนี้ ใจเราคิดอะไรอยู่ ใจเรามีอคติไหม แต่เมื่อที่เราสามารถรู้ใจตัวเองได้หนึ่งครั้งเท่ากับเรารู้ชีวิตทั้งหมดของเราเลย แล้วความผิดจะอยู่ไหน เพราะในเมื่อเราไม่เอาผิดอีกต่อไปแล้ว และเราไม่ทำผิดแล้ว


    “รู้ใจตนเองย่อมหมายถึงรู้เท่าทันอารมณ์โลภ โกรธ หลงในใจตัวเอง”


    5. ยอมรับตัวเอง

         เราทุกคนในโลกนี้ที่เกิดมา หรือ แม้กระทั่งสรรพสัตว์ สรรพสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ เป็นสัตว์สังคม ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ดังนั้น ทุกสรรพสิ่งอยากเป็นที่ยอมรับในสังคมที่แคบหรือกว้าง ก็อยากให้คนยอมรับได้ แต่ตัวเราเองนี้ล่ะ สามารถยอมรับตัวเราเองได้ไหม สามารถเชื่อใจเราได้ไหมว่า เราเป็นคนแบบไหน เราเป็นคนอย่างไร เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เรายอมรับตัวเองได้ เราไม่จำเป็นต้องไปเรียกร้องความยอมรับคนอื่นอีกต่อไป



    “การยอมรับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ

    เพราะมันทำให้ตัวตนหายไป

    และตัวตนคนอื่นหายไปด้วย”


    เราเรียนรู้จากการที่ไม่เข้าใจตัวเองหลายอย่างจนรู้ใจตัวเองในที่สุดจากหนังสือเล่มนี้ หนังสือเล่มนี้ ทำให้เราค้นพบตัวตนที่หลงลืมหายไป

    “การเรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเองเป็นสิ่งที่ง่าย

    ถ้าเริ่มต้นทำวันนี้” 



    "ตัวตนเราอยู่ที่ใด

    ใครหนอใครช่วยบอกที

    หากเราไม่รู้ตัวตนนี้

    ใครล่ะที่นี้จะบอกเรา

    ไม่มีใครเห็นตัวตนนี้

    ถ้าไม่มีเราบอกอีกที

    ไม่มีใครรู้จักเราดี

    เท่าตัวนี้ของเราเอง"


    “ขอบคุณสำหรับการอ่านเรื่องเล่านี้จนจบค่ะ เรามาใช้เวลารู้จักตัวเองกันเถิด”

    Look a Breathe

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in