เพราะไม่ใช่ละครในทีวี ก็เลยต้องใช้ชีวิตเดิมๆอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทำไมชีวิตสาวร่างน้อยอย่างเราเวลาสะดุดล้มหัวทิ่ม ถึงไม่มีหนุ่มสุดหล่อสุดรวยนิสัยดีพุ่งตัวมารับ แล้วสบตากันปิ๊งๆล่ะ ทำไม! ไหนบอกเรื่องจริงยิ่งกว่าละครไง โกหกทั้งเพ! ไร้ความตื่นเต้นใดๆ ชีวิตไร้รสชาติและขาดสีสันอย่างกะน้ำป้าเช็ง น่าเบื่อจริ๊งงง
เช่นนั้นแล ฉะนั้นก็เหมือนทุกๆวัน เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการไถทวิตด้วยความเคยชิน แต่ที่ไม่เหมือนเดิม ก็คือเจอข่าวที่พูดถึง ฮิวจ์ แจ็คแมน (Hugh Jackman) พ่อวูฟเวอรีนสุดหล่อล่ำ ที่แม้อายุจะปาเข้าไป 50 ปี ก็ยังเช้งกะเด๊ะ ให้สาวน้อยสาวใหญ่ได้กรี๊ดกร๊าดถึงความโซฮอต ที่ดูเหมือนกาลเวลาจะทำอะไรเขาผู้นี้ไม่ได้แม้แต่น้อย
'ทำไมหล่องี้วะ' เป็นทำไมที่ไม่ต้องการคำตอบ เพราะงั้นวันนี้จึงเป็นการเริ่มต้นวันที่ดี ได้มองรูปที่ทำให้สายตาอันแสนเหี่ยวเฉาได้กระชุ่มกระชวย ฉะนั้นจึงต้องตอบแทนความหล่อของ ฮิวจ์ แจ็คแมน ที่มอบให้แก่สาวน้อยอย่างเราได้ยล ด้วยการพูดถึงหนังล่าสุด(ไหม)ของนางซักกะหน่อย
เป็นหนังที่ไม่รู้จัก ไม่เคยดูตัวอย่าง ไม่รู้ใครแสดง ไม่รู้อะไรทั้งนั้น รู้แต่ว่าวันที่เกิดเหตุ นั่งไถทวิตไปเรื่อยๆ แล้วเจอคนทวิตบอกว่า 'ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่กลับสนุกซะงั้น' เป็นข้อความไม่ยาว ไม่มีรูปภาพให้ประกอบการตัดสินใจทั้งสิ้น ไม่มีอะไรดึงดูุด ไม่มีอะไรเลย ไอ้เราก็เลยไม่ได้สนใจ ปล่อยผ่าน
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ก็เดินห้างดูนู่นนี้ จู่ๆก็อยากดูหนัง พอดูโปรแกรม ก็มีแต่หนังที่ไม่รู้จัก กับที่ไม่ได้สนใจ เหลือบไปเห็น The Greatest Showman เอาวะ เรื่องนี้ก็ได้ ยังไงก็มีตั้งหนึ่งทวิตบอกว่าหนังสนุก
เออ พอดูเสร็จ ก็สนุกอย่างที่เค้าว่า เพลงเพราะ ทีมนักแสดงเล่นกันดี ดูเสร็จก็ปริ่มกับสิ่งที่ตัวเองเลือก555555 แหม ดีที่เชื่อคนในทวิต เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรหวือหวา สนุกก็สนุก เศร้าก็เศร้า สุขก็สุข แต่หนังก็ไม่ดึงอารมณ์คนดูให้จมดิ่งไปทางใดทางหนึ่ง ไม่น้อยเกินไป ไม่ล้นเอ่อจนเก็บไปคิดอะไรมาก ฉะนั้นจึงกลายเป็นความประทับใจ อิ่มเอม ทุกอย่างพอดี ยากนะ ที่หนังเนื้อเรื่องไม่ตีลังกาผาดโผน ไม่เล่นกับใจคนดูมาก จะทำให้มันสนุกอ่ะ แต่ก็ขึ้นกับรสนิยมของแต่ละบุคคล แต่ข้าพเจ้าชอบบบ
จำได้ว่าตอนดูในโรง เอาแต่ยิ้มกับอารมณ์ของหนัง ที่ฝ่าฟันเพื่อมุ่งสู่ความฝัน ทะเยอทะยานเพื่อสิ่งที่คิดว่าดีกว่า ในใจนี่คิดว่า เออ ไปช้าๆอย่างนี้แหละดี จะได้เห็นชัดๆ ดูชัดๆ ซึบซับอารมณ์ของหนังให้มันนานขึ้นหน่อย ด้วยความที่ดูในโรง ทั้งเสียง ซาวด์ดนตรี ขนาดหน้าจอที่ใหญ่เบ้อเร่อ มันเสริมกันไปหมด แล้วยิ่งหนังมันไม่มีกระแสอะไรมากนัก(มั้ง) คนน้อย ยิ่งทำให้คนดูอย่างเราถูกหนังสะกดได้โดยง่ายอ่ะ จำได้ว่าแถวที่นั่ง มีชั้นนั่งดูคนเดียว55555555
สิ่งที่คิดอยู่ในใจตอนดูแทบจะทั้งเรื่องคือ ทำไมเพลงเพราะจังวะ ดนตรีขึ้นชั้นก็ว่าเพราะแล้วอ่ะ เพลงดี ดีมาก ทุกเพลงเลย ใช้คำว่าทุกเพลงนะ ด้วยความสัตย์จริง
จำได้ว่าดูฉากนี้แล้วทำหน้าแบบฮิวจ์ แจ็คแมนเป๊ะเลย พิศวงงงงวย นี้ฉันอยู่ที่ไหน? ใช่ความจริงหรอ? อย่างที่บอกไปในบรรทัดข้างบน ว่าทุกอย่างในวันนั้น เหมือนถูกวางแผนให้คนในโรงอันน้อยนิดนั้น ถูกหนังเรื่องนี้ร่ายมนต์ใส่ ให้ตกหลุมรักโดยถอนตัวไม่ขึ้น ละสายตาไม่ได้จริงๆ ไม่อยากกระพริบตาเลยด้วยซ้ำ
ใช้คำว่าตะลึงดีกว่า มีคนร้องเพราะแล้วตรึงคนอยู่ได้ขนาดนี้จริงๆหรอ ขนลุก(จริงๆ)กับทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะ เสียงร้อง ฝีมือการแสดง ภาพ แสง สี ไม่อยากให้ฉากนี้จบเลย รู้สึกว่าตอนดูจะนานกว่านี้ เหมือนเวลาหยุดเดิน บวกกับความสวยสะพรึงของรีเบ็คก้า เฟอร์กูสัน(Rebecca Ferguson) แล้วยิ่งแพ้ผู้หญิงทาลิปสีแดง ก็ทำให้เตลิดไปกันใหญ่55555
ชั้นอวยเรื่องนี้เหมือนได้ตังค์555555 ไม่ใช่ว่ามีแต่ข้อดีนะ ข้อเสียก็มี แต่ไม่บอกหรอก ให้ไปดูกันเอาเอง แล้วค่อยตัดสินใจ ไม่แน่คุณอาจไม่คิดเหมือนเรา หรืออาจจะชอบมากกว่าเรา ใครจะรู้
อ่ะ แถมอีกสักเพลง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in