เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Lilith: Death's OrderAki_Kaze
บทที่ 24 ความแค้นของคนที่เชื่อใจ
  • บทที่ 24

    ความแค้นของคนที่เชื่อใจ

     

     

                ฉันกับออกัสมองตามร่างของวิญญาณเร่ร่อนไป เราสองคนหันมองหน้ากัน

                “เธอรู้จักเหรอ”

                “นั่นเจสซิก้า ผู้หญิงที่อาศัยอยู่กับฆาตกรคนนั้น”

                การที่เธอเป็นวิญญาณแบบนี้ แสดงว่าเขาฆ่าเธอไปแล้ว เพราะแบบนี้หรือเปล่านะ แพทถึงได้ปล่อยเธอไป

                “คุณพาเขาไปได้ใช่ไหม” ฉันถามออกัส ขณะที่เรากำลังจะพาวิญญาณของเออร์เนสโต้ไปที่ความว่างเปล่า

                “เดี๋ยวก่อน เธอจะไปไหน เราต้องบอกผู้คุม”

                “กว่าผู้คุมจะมา เธออาจจะหายไปแล้วก็ได้” ฉันบอกก่อนจะปล่อยมือจากเออร์เนสโต้ แล้วตามวิญญาณของเจสซิก้าไป โดยไม่ได้สนใจเสียงเรียกจากออกัส

                ณ จุดที่ฉันอยู่ ห่างจากบ้านเธอไม่ไกล เป็นไปได้ว่าเธอจะกลับไปที่บ้าน ฉันต้องตามหาเธอให้พบเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอ จากที่ได้ยินตอนที่เจมี่คุยกับสายสืบ เขาเล่าว่าเจสซิก้าอาศัยอยู่กับผู้ต้องสงสัยมาประมาณสองปีแล้ว เธอทำงานเป็นกะที่ร้านสะดวกซื้อ เธออ้างว่าผู้ชายคนนั้นอยู่กับเธอในช่วงเวลาเกิดเหตุ เธอเล่าว่าเขาเป็นคนดี ใจดี ขยันทำงาน รักและเอาใจใส่เธอมาก เขาเป็นผู้ชายสมบูรณ์แบบสำหรับเธอ และตอนที่เขาอยากย้ายกลับบ้านเกิดของเธอ เธอดีใจมากเพราะอยากทำแบบนั้นมานานแล้ว

                ฉันไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นอย่างไรตอนอยู่กับเธอ แต่สิ่งที่ฉันรู้จักจากเขาเต็มไปด้วยความน่าขยะแขยง สะอิดสะเอียน ความน่ารังเกียจ เกินกว่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะมีได้ และเป็นไปได้ว่าเจซสิก้าเองก็ได้รับรู้ถึงพฤติกรรมเช่นนั้นแล้วเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเธอจะมาเป็นวิญญาณเร่ร่อนทำไม

                ฉันใช้การบลิงก์ระยะสั้นเพื่อร่นเวลา แม้แต่ตัวเองยังประหลาดใจที่สามารถจดจำเส้นทางไปบ้านของเจสซิก้าได้อย่างแม่นยำ พอได้มายืนหน้าทาวน์เฮ้าส์สองชั้นสีขาว – ฟ้า มันทำให้ฉันนึกถึงครั้งแรกที่มาที่นี่ หากตอนนั้นฉันไม่ได้รับรายชื่อแล้วลงไปห้องใต้ดินนั่นฉันจะเจอกับอะไร ในห้องที่สายสืบคาร์ฮาร์ตค้นพบจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่ บางทีเจสซิก้าอาจจะไม่ต้องตาย บางทีเขาอาจจะไม่สามารถไปทำร้ายไอลีนได้ หลายครั้งที่ฉันมีโอกาสทำอะไรสักอย่าง แต่ฉันกลับไม่ทำ ตั้งแต่เรื่องของเซลีน่าแล้ว

                ภายในบ้านเงียบสงัดเนื่องจากยังเป็นบ้านที่อยู่ระหว่างการขาย เฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นยังอยู่เหมือนเดิม แต่ข้าวของส่วนตัวไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ทำให้บ้านดูกว้างกว่าตอนแรกที่ฉันมาลิบลับ ฉันมองหาเจสซิก้าในห้องนั่งเล่น ห้องครัว มองผ่านประตูหลังบ้านไปยังสวนด้านหลังก็ไม่เห็นใคร ฉันลังเลระหว่างการตามหาเธอที่ชั้นบนกับการลงไปยังห้องใต้ดิน เธอรู้อะไรเกี่ยวกับห้องที่อยู่ใต้บ้านหลังนี้บ้าง

                ฉันเลือกอย่างหลังและพบว่าตัวเองคิดถูกเมื่อไฟที่ห้องใต้ดินติดอยู่

                “เจสซิก้า” ฉันเรียกระหว่างเดินลงไปด้านล่าง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ

                สภาพห้องเหมือนตอนที่ฉันลงมาพร้อมกับสายสืบคาร์ฮาร์ตไม่มีผิด เพียงแต่ประตูสู่ห้องลับเปิดค้างไว้ วิญญาณของเจสซิก้ายืนอยู่กลางห้อง สายตาของเธอมองไปยังโต๊ะทำงานว่างเปล่าตรงหน้า

                “เจสซิก้า”

                เธอสะดุ้งเฮือก เตรียมที่จะหนี การเคลื่อนไหวของเธอรวดเร็วกว่ามนุษย์ แต่ยังช้ากว่าการบลิงก์ ฉันจึงขวางเธอไว้ได้ทัน

                “ฉันแค่มีเรื่องอยากถาม”

                สีหน้าของเธอหวาดวิตกเหมือนโดนจับได้ แพทคงเล่าให้เธอฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากวิญญาณของเธอถูกผู้คุมตามเจอ

                “ฉันไม่ใช่ผู้คุม” คำอธิบายของฉันส่งผลให้เธอสงบขึ้น “ฉันแค่อยากรู้ความจริง มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”

                ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว มือทั้งสองกำหมัดแน่น ดวงตาของเธอจ้องไปยังความว่างเปล่าอย่างเดือดดาล

                “เขาทำอะไรคุณ”

                “คุณรู้จักเขา” เธอถาม “คุณรู้จักเขาได้ยังไง”

                “ฉันไม่เคยรู้จักเขามาก่อน” นั่นแหละที่สำคัญ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมถึงปฏิบัติกับฉันราวกับเคียดแค้นกันมายาวนาน 

                “ฉันไม่รู้มาก่อน” เธอพูด ก่อนจะหันกลับไปมองห้องลับแห่งนี้ “ทุกวัน เขาจะลงมาที่นี่ ฉันคิดว่าเขาคงอยากมาดื่มเบียร์ ดูโทรทัศน์บนโซฟาตรงนั้น ฉันเลยไม่ได้ถาม ไม่ได้เอ๊ะใจ ไม่ได้ใส่ใจ เขาให้ฉันมาทำความสะอาดห้องนี้สัปดาห์ละครั้ง ฉันไม่เคยสังเกตเห็นอะไรผิดปกติเลย พอมาคิดดูแล้ว บางทีฉันอาจจะรู้สึก แต่ฉันแค่ไม่อยากรู้ความจริง ฉันคงกลัวว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ฉันรู้จัก”

                “คุณเจอเขาได้ยังไง”

                ริมฝีปากของเธอคลี่ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำถามนั้น

                “ฉันเป็นแคชเชียร์ร้านสะดวกซื้อ คืนหนึ่งระหว่างที่ฉันกำลังเดินทางกลับบ้านก็โดนโจรพยายามจี้ชิงทรัพย์ เขาเดินผ่านมาพอดี เขาเข้ามาช่วย เขาไม่ใช่คนที่เก่งเรื่องการชกต่อย แต่เขาก็พาฉันหนีโจรคนนั้นมาได้ เขาเข้ามารับหมัดและเท้าของโจรแทนฉัน เป็นครั้งแรกที่มีคนทำแบบนั้นให้ฉัน ฉันอยากเลี้ยงกาแฟตอบแทน แต่เขาบอกว่าไม่เป็นไร สองวันต่อมาฉันทำงานกะบ่ายอีกครั้งและต้องกลับบ้านดึก เขาก็มารอที่เดิมที่เราได้เจอกัน เขาบอกว่าเขารอมาตั้งแต่วันนั้นเพราะกลัวว่าฉันจะโดนโจรจี้อีก หลังจากนั้นทุกคืนที่ฉันเลิกดึกเขาจะมารับ ฉันปล่อยให้เขาทำแบบนั้นมาเรื่อย ๆ พอรู้ตัวอีกทีฉันก็ตกหลุมรักเขา

                “เขาเคยเล่าให้ฟัง ว่าเขาเคยมีผู้หญิงที่รักมากคนหนึ่ง แต่เธอทอดทิ้งเขาไปหลังจากที่เขาทำทุกอย่างให้เธอ ตอนนั้นฉันโกรธผู้หญิงคนนั้นมากที่ทำร้ายจิตใจเขา ทั้งที่เขาดีขนาดนี้ เขาดูแลฉันดีมาก คอยไปรับไปส่ง ไม่เคยลืมวันสำคัญระหว่างกัน การจะหาคนดี ๆ แบบนี้มันแทบเป็นไปไม่ได้แล้ว”

                ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันอาจตื่นเต้นไปกับเรื่องราวโรแมนติกแบบนั้น เหตุการณ์เหมือนฝันที่มีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยตอนได้รับอันตราย แต่ตอนนี้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเขาสร้างเรื่องขึ้นมาเองหรือเปล่า ให้โจรคนนั้นมาจี้ผู้หญิงคนนี้ เพื่อจะได้เป็นเหมือนวีรบุรุษมาช่วยเหลือเธอ ที่เขาเฝ้าติดตามเธอเพื่อจะรู้การเคลื่อนไหวของเธอหรือเปล่า มาดักรอทุกคืนเพื่อรู้ตารางเวลาแล้วหาโอกาสใกล้ชิด คนโรแมนติกกับคนโรคจิตชอบติดตาม อาจมีเพียงเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ก็เป็นได้

                “แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงกลายเป็นแบบนี้”

                “ฉันโกหกตำรวจเพื่อเขา” ตอนนั้นเองที่สายตาของเธอเปลี่ยนไป เหมือนความรัก ความเชื่อใจที่มีให้ ขาดกันต่อหน้าต่อตา “ฉันไม่รู้หรอกว่าคืนนั้นเขาไปไหน ฉันต้องเข้างานแต่เช้า จึงรีบนอน ตอนรู้สึกตัวตื่นมากลางดึก เขาไม่ได้อยู่บนเตียง ฉันเดาว่าเขาอยู่ที่นี่ ที่ห้องใต้ดิน เหมือนที่เขาชอบลงมาเป็นประจำ ฉันไม่ได้คิดอะไร กระทั่งตำรวจถาม ถึงจะลังเลแต่ฉันก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเขา เขาไม่มีวันทำอะไรแบบนั้น ฉันเชื่อแบบนั้น จนฉันตัดสินใจถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ถามว่าเขาอยู่ที่ไหน ทำอะไร

                “เขาโมโหมาก ตวาดฉัน ก่นด่าฉัน หาว่าฉันไม่เชื่อใจ หาว่าฉันเหมือนผู้หญิงที่ทิ้งเขาไป ความเดือดดาลของเขาไม่เหมือนผู้ชายใจดีที่ฉันรู้จัก ฉันแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เหมือนกับว่า แค่ครั้งเดียวที่ฉันตั้งคำถาม ครั้งเดียว หน้ากากของเขาก็พังทลาย”

                ฉันนึกภาพแบบนั้นออก แล้วโอบไหล่ตัวเองโดยไม่ได้ตั้งตัว เสียงลมหายใจอันน่าขยะแขยงดังขึ้นข้างหู ฉันจิกเล็บลงบนแขนตัวเอง มันไม่ได้ทำให้ฉันเจ็บ แต่มันเตือนสติให้ฉันอยู่กับปัจจุบัน

                “ตอนนั้นเขาสารภาพออกมาหมดทุกอย่าง” เจสซิก้าเล่าต่อ “เจสซี่ แฟนของเขาที่เขาฆ่าตาย ตามด้วยผู้หญิงคนที่สอง คนที่สาม คนที่สี่ ก่อนจะมาเจอผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้ตำรวจตามล่า เขาบอกว่าต่อให้ตำรวจเชื่อมโยงเขากับคดีอื่น ๆ ไม่ได้ แต่เขาก็ต้องระมัดระวังไว้ก่อน เขาจัดการกับเธอไปแล้วเช่นกัน เขาด่าทอถึงความโง่เขลาของฉันที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของห้องลับแห่งนี้

    ถ้าเธอเอะใจ ฉันคงโดนจับไปแล้ว แต่นั่นแหละ ถ้าเธอเอะใจ เธอก็ต้องมีจุดจบแบบนั้นเหมือนกัน’ 

                “ตอนที่ฉันเห็นห้องนี้ ฉันก็รู้แล้วล่ะว่าตัวเองโง่เง่าแค่ไหน ฉันทำให้ผู้หญิงพวกนั้นต้องตาย ฉันมันโง่ที่เชื่อว่าเขาเป็นคนดี เชื่อว่ามีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยยามที่ตัวเองตกอยู่ในอันตราย ฉันมันโง่จริง ๆ”

                เจสซิก้าพึมพำกับตัวเอง สายตาของเธอมองไปยังโต๊ะทำงานตัวนั้นที่ฉันไม่รู้ว่ามันเคยมีอะไรอยู่ที่นั่น ถ้าหากว่ามันมีหลักฐาน ใช่แล้ว สร้อยคอของฉัน เขาต้องเก็บมันไว้ เหมือนกับที่เก็บของต่างหน้าจากผู้หญิงคนอื่น ถ้าตำรวจหาเจอ เขาหนีไม่พ้นแน่

                “ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน” เจสซิก้าเหม่อ ฉันจึงเรียกอีกครั้ง “เจสซิก้า”

                เธอหันมองฉันด้วยสายตาเคียดแค้น

                “คุณจะตามล่าเขาใช่ไหม คุณจะฆ่าเขาได้ใช่ไหม คุณบอกว่าคุณไม่ใช่ผู้คุม แสดงว่าคุณเป็นยมทูตเหมือนผู้ชายคนนั้น เขาบอกฉันว่าถ้าฉันอยู่ที่นี่ต่อ ฉันจะกลายเป็นวิญญาณอาฆาตตามจองล้างจองผลาญเขาไปเรื่อย ๆ แต่คุณเป็นยมทูต คุณต้องฆ่าเขาได้ ใช่ไหม”

                “ฉัน...”

                “ถ้าคุณไม่ทำ ฉันก็จะทำเอง”

                “เดี๋ยวก่อน เจสซิก้า!

                เธอไม่ฟังเสียงเรียกของฉัน แล้วเคลื่อนตัวออกจากห้องใต้ดินไปอย่างรวดเร็ว ฉันบลิงก์ตามเธอไปติด ๆ 

                “เจสซิก้า บอกทีว่าเขาอยู่ไหน”

                ข้างนอกกลายเป็นตอนกลางคืนแล้ว ถนนหนทางดูต่างไปจากตอนกลางวันจนฉันมองทางไม่ออก ฉันยังคงไล่ตามเธอไปด้วยการบลิงก์ระยะสั้น เธอไม่ตอบคำถามฉันอีกเลย

                “หยุดเลยนะทั้งสองคน”

                ออกัสปรากฏตัวขึ้นระหว่างตัวฉันกับเจสซิก้า มือทั้งสองข้างของเขาจับพวกเราไว้มั่น

                การที่ออกัสอยู่ที่นี่ เป็นไปได้ว่าผู้คุมกำลังมา และถ้าพวกนั้นปรากฏตัว ฉันจะไม่มีทางรู้อีกเลยว่าเขาอยู่ที่ไหน

                ฉันยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้

                “ออกัส ปล่อยพวกเราไปที”

                เขามองหน้าฉันเหมือนฉันเป็นตัวประหลาด

                “เธอจะบ้าหรือไง!

                “ฉันขอโทษนะออกัส ถ้าฉันไม่เห็นแก่ตัว ไม่กลัวว่าตัวเองจะต้องรับโทษอะไรบ้าง ผู้หญิงพวกนั้นคงไม่ตาย ทั้งเซลีน่า ไอลีน เจสซิก้า ฉันมีโอกาสหยุดเขา แต่ฉันไม่ทำ ถ้าเขาหนีไปได้ รายชื่อจะเพิ่มขึ้นอีก จนไม่มีใครหยุดเขาได้ ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก”

                “ลิลิธ!

                ฉันใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีสลัดแขนออกจากการเกาะกุมของออกัส โถมทั้งร่างใส่เขา เพื่อให้เขาปล่อยมือจาเจสซิก้า ก่อนที่ฉันจะจับมือเธอแล้วพาเธอบลิงก์หนีไป



    ---------------------------


    สวัสดีค่า
    ตอนหน้าจะจบภาคของลิลิธแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ


    ภาคออกัสจะมาปีหน้าค่ะ ตอนนี้กำลังปั่นนิยายอีกเรื่องอยู่ ยังไงก็ฝากสนับสนุนกันด้วยนะคะ


    สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ https://www.facebook.com/AuthorAkiKaze

    พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ


    Aki_Kaze

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in