บทที่ 21
ปล่อยมือแล้วตะโกนออกไป
ทุ่งหญ้าสีเขียวชอุ่มสุดลูกหูลูกตาปรากฏขึ้นตรงหน้า พร้อมต้นไม้ใหญ่แตกกิ่งก้านสีเขียวชุ่มฉ่ำ ฉันจำต้นไม้ต้นนี้ได้ มันเป็นต้นเดียวกันกับที่ออกัสเคยมา
ที่นี่คือเขตรกร้าง
ออกัสปล่อยมือจากฉันทันที เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น พอเห็นว่าฉันนั่งยอง ๆ เขาก็นั่งตาม
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแต่เสื้อผ้าที่ฉันใส่หลังการตาย ไม่ใช่ชุดที่ใส่ในคืนนั้น แต่ตอนนี้มันให้ความรู้สึกสกปรกไม่แพ้กัน ฉันจิกเล็บลงแขนตัวเอง หวังที่จะขจัดความรู้สึกขยะแขยงนี้ แต่นอกจากความเจ็บปวดแล้ว แขนของฉันก็ไม่มีแผลใด ๆ ทั้งสิ้น
“มีอะไรที่ฉันพอช่วยได้ไหม อยากได้อะไรหรือเปล่า” ออกัสถาม
ถึงจะดีใจที่เขาเป็นห่วง แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้รู้สึกแย่กว่าเดิม
“อาบน้ำ” ฉันตอบ “ฉันอยากอาบน้ำ”
หัวคิ้วของออกัสขมวดเข้าหากัน ฉันคงพูดอะไรบ้า ๆ ออกไป แต่ที่ไหนได้เขากลับให้คำแนะนำ
“เธอจำได้ใช่ไหมว่าเราสามารถเปลี่ยนที่นี่ให้เป็นที่ไหนก็ได้ดั่งที่ใจต้องการ” เขาเกริ่น “เธอจำห้องของตัวเองได้ไหม นึกภาพห้องของตัวเอง นึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องนั้น ทำได้นี่”
ฉันประหลาดใจที่เขาพูดแบบนั้น กระทั่งพบว่าตัวเองนั่งอยู่ในห้องนอนที่ไบร์ทเลค เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ภาพถ่ายทุกใบ หนังสือทุกเล่ม ทุกอย่างอยู่ในนี้ทั้งหมด ฉันลุกขึ้นยืน แล้วมองไปรอบ ๆ อย่างไม่เชื่อสายตา
“มันไม่ใช่ของจริงนะ” ออกัสพูด เขาคงคิดว่าฉันอยากตามหาพ่อแม่ “แต่มันก็ให้ความเป็นส่วนตัวกับเธอมากพอ”
“คุณจะไปไหน” ฉันถามเมื่อเห็นเขาทำท่าทางเตรียมบลิงก์
“เธออยากอาบน้ำไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวฉันค่อยกลับมา ไม่ต้องรีบนะ”
ออกัสบลิงก์จากไป
ห้องนอนของฉันมีสภาพเหมือนครั้งล่าสุดที่เคยเห็น แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่าหนังสือที่วางบนชั้นเป็นของปลอม ตู้เสื้อผ้าก็เปิดไม่ได้ แต่ก็น่าแปลกที่บนเตียงนอนมีผ้าเช็ดตัวของฉันวางอยู่ สงสัยเพราะฉันอยากอาบน้ำแน่ ๆ ฉันออกจากห้อง เดินไปตามโถงทางเดินเงียบ ๆ ไปยังห้องน้ำ ถึงทุกอย่างจะเหมือนบ้าน แต่บรรยากาศก็ไม่ใช่ มันเป็นได้แค่ตัวแทนบ้านเท่านั้น กระนั้นก็เพียงพอให้ฉันรู้สึกถึงความปลอดภัย
ฉันถอดเสื้อผ้า แล้วก้าวเท้าไปใต้ฝักบัว ปล่อยให้สายน้ำไหลอาบหน้าเป็นตัวแทนของน้ำตาที่ไม่มีวันไหล มันยากที่จะลืมสิ่งที่ได้เห็นกับความรู้สึกที่ได้รับ ยากที่จะขจัดความสะอิดสะเอียนที่ฝั่งแน่นในร่างกาย ขนาดตายไปแล้วเขายังตามมาทำร้ายฉันได้ โดยที่ฉันตอบโต้อะไรไม่ได้สักอย่าง
มันน่าเจ็บใจ
ฉันทุบกำปั้นลงบนผนังห้องน้ำเต็มแรงจนมือชา ยิ่งทุบฉันก็ยิ่งเจ็บใจมากขึ้นไปอีก เพราะฆาตกรไม่ได้รับรู้อะไรด้วยเลย เขาไม่ได้ทรมานเหมือนที่ฉันเป็น ไม่ได้เผชิญการสูญเสียเหมือนกับฉัน
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูทำเอาฉันสะดุ้งเฮือก
“ลิลิธ” พอได้ยินว่าเป็นเสียงของออกัสฉันก็ถอนหายใจ “ลิลิธยังอยู่หรือเปล่า”
“อยู่”
“ฉันวางเสื้อผ้าไว้ที่ห้องนอนนะ”
“เอ๊ะ?”
ไม่มีเสียงของออกัสตอบกลับ เขาคงเดินไปที่ห้องนอนแล้ว ฉันรีบทำความสะอาดร่างกาย ทั้งแชมพู ทั้งครีมอาบน้ำ ล้วนเป็นกลิ่นที่ฉันชอบทั้งสิ้น น่าแปลกที่กลิ่นวนิลาจะทำให้ฉันผ่อนคลายได้ถึงเพียงนี้ จู่ ๆ ที่นี่ก็เหมือนกับบ้านของฉันขึ้นมา
ตอนที่ฉันเดินกลับมาห้องนอน ออกัสก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว บนเตียงมีเสื้อผ้าอยู่ชุดหนึ่ง เป็นเอไลน์เครสสีกรมท่าแขนสั้นเลยหัวไหล่มาเล็กน้อย ที่กระโปรงด้านหน้าสั้นกว่าด้านหลัง มันเป็นขุดที่ฉันใส่ไปงานพรอม และใช่...ตอนที่สวมมันฉันก็แอบตกใจที่ยังใส่มันได้อยู่ ฉันเคยเสียดายที่ได้ใส่แค่ครั้งเดียว ไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้ใส่อีก ว่าแต่ออกัสไปเอาชุดนี้มาได้ยังไง
ถึงจะใส่ชุดสวยแต่รองเท้าฉันก็ยังเป็นผ้าใบเหมือนเดิม ซึ่งก็เหมาะดีหากต้องวิ่ง
“ออกัส” ฉันเรียกขณะเดินลงไปชั้นล่าง พอมาถึงขั้นสุดท้าย บ้านของฉันก็หายไปกลายเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างกับต้นไม้ใหญ่อีกครั้ง
ฉันเดินเข้าไปหาออกัสที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้
“คุณไปเอาชุดนี้มาได้ยังไง”
สายตาที่เขาใช้มองฉันไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม เขาแค่พยักหน้าให้ตัวเองแล้วตอบ
“ฉันไปที่บ้านของเธอมา”
“ขอโทษนะคะที่ทำให้ลำบาก”
“เธอจะต้องบอกว่า ‘ขอบคุณนะคะที่กรุณาไปเอาชุดมาให้’ต่างหาก” ในที่สุด ออกัสผู้หลงตัวเองก็กลับมา และมันทำให้ฉันเผลอยิ้ม
“ขอบคุณ”
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อและนั่นทำให้เกิดบรรยากาศกระอักกระอ่วนขึ้น ฉันพยายามหาเรื่องคุย
“ไม่คิดว่าชุดนี้มันเวอร์ไปเหรอ”
ออกัสหันมองอีกครั้งก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่นี่ ดูดีออก”
ไม่อยากเชื่อว่าฉันจะได้ยินคำชมจากออกัส คำชมที่มาถูกที่ถูกเวลามันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ถ้าเขาพูดเพื่อให้ฉันรู้สึกดีขึ้น เขาก็ทำได้ดีมาก
“ฉันเจอชุดนี้จากออนไลน์ และคิดว่ายังไงต้องซื้อมาให้ได้ ตอนใส่ไปงานพรอมฉันภูมิใจกับตัวเองจริง ๆ นะ มันเป็นชุดที่ทำให้ฉันรู้สึกดีกับตัวเอง”
“ฉันนี่สายตาดีจริง ๆ“ ออกัสยังคงชมตัวเองไม่หยุดก่อนจะทำเสียงจริงจัง “เธอทำได้ดีมากนะ ลิลิธ ฉันขอโทษด้วยที่เราไม่สามารถร้องไห้ได้ บางครั้งการร้องไห้ก็ช่วยได้เยอะ”
แค่ได้ยินที่เขาพูดแบบนั้นก็ทำให้ฉันดีใจแล้ว
ฉันกุมมือตัวเองแน่น บอกกับตัวเองว่าผู้ชายคนนั้นทำอะไรฉันไม่ได้อีกแล้ว
“จริง ๆ แล้วพัลวอลช่วยฉันไว้น่ะ ฉันนึกถึงนิยายเรื่องนั้นเลยทำให้ผ่านทุกอย่างไปได้”
สีหน้าของออกัสเปลี่ยนไปเล็กน้อยตอนที่ฉันพูดถึงหนังสือชุดนี้ หรือว่าเขารู้จักคนเขียนกันนะ ?
“ถ้าเธอไม่เป็นอะไรแล้ว เรากลับเจอริโก้กัน”
“เราไปเล่นไวกิ้งด้วยกันได้ไหม”
เขาทำตาโต
“ยมทูตร้องไห้ไม่ได้แต่กรี๊ดได้นี่นา” ฉันบอก
ออกัสหัวเราะ
“ได้ ถ้าเล่นกับฉันต้องนั่งท้ายนะ”
ฉันเกลียดเครื่องเล่นหวาดเสียวที่สุด แถมที่นั่งท้ายสุดยังน่าหวาดเสียวมากที่สุดอีกด้วย
“ยอมแพ้แล้วเหรอ”
“ไม่” ฉันรีบแย้ง “ไปกันเถอะค่ะ!”
ออกัสยิ้มให้ฉัน เราสองคนเดินกลับเจอริโก้ไปพร้อมกัน ฉันจะทิ้งบทลงโทษที่ได้รับไว้ในเขตรกร้างนี้ ฉันจะผ่านมันไปได้ พวกเขาทำร้ายฉันไม่ได้
ไวกิ้ง ตั้งเลยจากรถไฟเหาะตีลังกาไปเล็กน้อย เป็นเครื่องเล่นที่ยมทูตหนุ่มสาวให้ความสนใจไม่แพ้รถไฟเหาะตีลังกา เสียวหวีดร้องตรงนี้เลยครึกครื้นไม่แพ้กัน แต่พอออกัสบอกว่าอยากได้ความเป็นส่วนตัว พวกเขาก็พร้อมใจกันยกคิวเครื่องเล่นให้ในทันที
อิทธิพลของเขาที่มีต่อยมทูตช่างน่าทึ่งเสมอ
“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ ฉันเคยเห็นสภาพเธอหลังเล่นรถไฟเหาะตีลังกากับแมนดี้มาแล้วนะ”
แค่ได้ยินเขาพูด ฉันก็อยากสำรอกออกมาแล้ว แต่อยู่เฉย ๆ ฉันคงไม่แหกปากออกมา ก็มีเครื่องเล่นพวกนี้นี่แหละเป็นตัวช่วย
“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ” ฉันตอบ ก่อนจะเดินตามเขาไปยังที่นั่งด้านบนสุด
ไม่ว่าจะตอนนั่งลง หรือตอนจัดตัวล็อคเข้าที่ มันก็ไม่ได้สร้างความตื่นกลัวให้ฉันแม้แต่น้อย ของจริง มันเริ่มต้นหลังจากนี้ต่างหาก
“จะว่าไปฉันก็ไม่ได้ขึ้นไวกิ้งมานานแล้ว ขอบใจนะ”
ฉันส่งยิ้มให้เขา แต่ส่วนหนึ่งก็เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจของตัวเอง เรือโจรสลัดเริ่มเคลื่อนตัวไปมาอย่าง ช้า ๆ ความสูงของมันไม่ต่างจากการเล่นชิงช้าเท่าไรนัก ทุกอย่างยังดูดี กระทั่งมันเริ่มแกว่งตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนท้องไส้ของฉันปั่นป่วนไปหมด และพอเรือเคลื่อนไปยังจุดที่สูงที่สุด ฉันก็สามารถเห็นเจอริโก้จากมุมสูงเป็นครั้งแรก แต่ภาพที่เห็นเบลอไปทันทีที่เรือแกว่งลงมาอย่างรวดเร็ว สองมือของฉันกำราวจับแน่น
เสียงกรี๊ดของฉันบาดกระทั่งหูของตัวเอง แต่มันทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ ความสูงของมันเริ่มคงที่ ร่างกายของฉันเริ่มคุ้นชิน ยามที่ฉันอยู่ที่จุดสูงสุด ฉันก็ปล่อยมือจากราวจับพลางสบถออกมาเสียงดัง ฉันด่ากราดฆาตกรเป็นชุด แล้วจู่ ๆ ออกัสก็สมทบการด่าไปกับฉันเสียอย่างนั้น
เราสองคนแหกปากอย่างนั้น กระทั่งเรือโจรสลัดชะลอความเร็วจนหยุดสนิท
ลำคอของฉันแสบไปหมด ริมฝีปากก็แห้งผาก ไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองเพิ่งทำอะไรลงไป
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ออกัสส่งเสียงหัวเราะลั่น ทำเอาฉันสะดุ้งเฮือก เขาตบราวจับด้วยความสะใจ “ฉันเชื่อแล้วว่าคนเงียบ ๆ เนี่ย บทจะโมโหก็โมโหร้ายจริง ๆ”
“ฉันกำลังอารมณ์ดีอยู่แท้ ๆ”
“ขอโทษที” ออกัสพูดพลางลุกขึ้นยืน ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าออกจากเรือโจรสลัดก็หันหน้ามาทางฉัน “แต่ดีแล้วที่เธอมีวิธีกำจัดความรู้สึกพวกนี้ เมื่อไรที่อยากหาเพื่อนร่วมระบายก็บอกได้เลย”
...เพื่อนเหรอ...
ฉันจับแขนเขาไว้พร้อมกับลุกขึ้นยืน สายตาของออกัสเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ขอบคุณค่ะ” ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันน่ะ...ฉันน่ะ...”
ออกัสคงสังเกตเห็นความโกรธที่ออกมาจากมือที่สั่นของฉัน เขาถึงได้ตบมือซ้ายลงบนมือข้างนั้นเบา ๆ คล้ายให้กำลังใจ สัมผัสนั้นบอกให้ฉันทราบว่าเขารู้ เรื่องที่ฉันยังไม่อยากยอมแพ้ เรื่องที่ฉันไม่คิดที่จะปล่อยให้ฆาตกรลอยนวลไปง่าย ๆ
“อย่าทำอะไรผิดกฎอีกก็พอ” เขาพูด “พวกเขาส่งเธอไปที่ความว่างเปล่าแล้วครั้งหนึ่ง ย่อมมีครั้งต่อ ๆ ไป”
“ฉันจะระวังให้มาก อีกอย่างเขาโดนตำรวจจับแล้ว อย่างน้อยถ้าเขาได้รับโทษ ให้ที่บ้านของฉันได้รับรู้ว่าใครฆ่าฉัน ฉันก็สบายใจแล้ว ตราบใดที่เขาไปทำร้ายใครไม่ได้อีก ฉันรอกระทั่งให้ชื่อของเขาปรากฏขึ้นมาได้”
ออกัสยิ้มให้ฉัน มันเป็นยิ้มที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิ
ถ้าพวกนั้นคิดว่าการส่งฉันไปที่ความว่างเปล่าจะให้ฉันทำตามกฎอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้ต้องกลับไปที่นั่นอีก เขาก็ไม่ได้คิดถูกทั้งหมด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในความว่างเปล่า มันย้ำเตือนฉันถึงความชั่วช้าของชายคนนั้น ฉันอยากเห็นสีหน้าเขาตอนศาลตัดสินรับโทษเสียจริง ตอนที่เขาไม่อาจทำร้ายใครได้อีก
-------------------------------------------
สวัสดีค่า
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอดค่ะ ในที่สุดก็ใกล้ถึงตอนจบแล้ว เย้
เรื่องนี้เปิด Pre-order แบบรูปเล่มแล้วนะคะ ตั้งแต่วันที่ 1-31 ก.ค. 2562
ราคา 240 บาท ส่งลงทะเบียน 40 บาท EMS 60 บาท
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งได้ที่ https://forms.gle/6UsE8gZyP2ejjVYq8
นิยายเรื่องนี้จะเปิดให้อ่านฟรีถึง 31 ก.ค. นะคะ หลังจากนั้นจะมีติดเหรียญ
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า
ขอฝากแบบรูปเล่มไว้ด้วยนะคะ
แล้วพบกันใหม่วันพฤหัสฯ ค่ะ
Aki_Kaze
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in