ที่ไหน
กลิ่นเลือด กลิ่นควันไหม้คลุ้งไปหมด มองอะไรไม่เห็นเลย
“…”
“…”
ใครพูด ฟังไม่ถนัดเลย
“…เจ้า!! คนทรยศ..อึก.”
ชิบหายยย แทงกันแล้ว เอาอะไรแทงล่ะนั่น มือเปล่า ๆ เนี่ยนะ
อาา ฝันจริง ๆ ด้วย
พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นเพดานห้องที่คุ้นเคยคนเราพอรู้ตัวว่ากำลังฝันก็มักจะตื่นขึ้นมาทันที บางทีถ้าฝันดีมาก ๆ ก็พยายามหลอกตัวเองในฝันเหมือนกันว่านี่ไม่ใช่ฝันอยากฝันไปนาน ๆ แต่สุดท้ายพอรู้ตัวก็ต้องตื่นทันทีทุกครั้ง
ปวดตัวชะมัด พอมองดี ๆไอ้ที่เขากำลังนอนอยู่นี่มันพื้นห้องไม่ใช่หรอ มิน่าทั้งแข็งทั้งเย็นดิ้นจนตกเตียงรึไง ว่าแต่เมื่อคืนกลับมาถึงห้องตอนไหนหว่า ก็จำได้ว่ากำลังเดินกลับแล้วอะไรอีกน้า เหมือนจะมีอะไรในซอกตึก...
พอนึกได้ทากะก็ลุกพรวดขึ้นมาทันทีประสบการณ์สุดสยองเมื่อคืนนั่นมันอะไรกันถ้าจำไม่ผิดเขาภาพตัดไปตอนที่โดนจู่โจมไม่ใช่หรอ แล้วสรุปไอ้นั่นมันผีหรือคนตายหรือไม่ตาย ตอนนี้เป็นไง แล้วใครเอาเขามาส่งห้องวะเนี่ยย ยิ่งคิดยิ่งงงยกมือขึ้นขยี้ผมสีดำที่ยุ่งไม่เป็นทรงให้ฟูยิ่งกว่าเดิม
เสียงท้องร้องโครกครากประท้วงชัดเจนว่าเมื่อคืนไม่ได้กินข้าวชัวร์ กี่โมงแล้วเนี่ย ดีนะวันนี้วันเสาร์หิวจนมือสั่นไปหมด ลุกขึ้นหอบเอาผ้าห่มที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมาม้วน ๆกะจะทิ้งลงที่เตียงแล้วออกไปหาของกิน พอลืมตาชัด ๆมองเตียงที่ควรจะว่างเปล่าแต่กลับมีร่างหนึ่งนอนอยู่ตกใจเผลอผงะเดินถอยหลังสะดุดขาตัวเองล้มก้นจ้ำเบ้า
ใครวะ!!??
ใครล่ะนั่น ผู้ชายผมดำที่นอนอยู่ตรงนั้นมาได้ไง ขโมยหรอ บ้า ขโมยที่ไหนมันจะมานอนสบายใจเฉิบอยู่บนเตียงชาวบ้านแบบนี้ งงไปหมดแล้วเนี่ย!!ความคิดตีกันจนสมองรวนไปหมด เรื่องเมื่อคืนยังคิดไม่ตกก็ดันมีเรื่องใหม่เข้ามาอีกนั่งมองมองพิจารณาคนแปลกหน้าอยู่นาน ตัดสินใจว่าจะปลุกหรือไม่ปลุกดีนี่มันห้องเขาไม่ใช่หรอ ทำไมเจ้าของห้องต้องนอนที่พื้นแล้วใครก็ไม่รู้นอนบนเตียงวะเดี๋ยว นั่นไม่ใช่ประเด็นไม่ใช่หรอ ประเด็นคือไอ้นั่นมันเป็นใครต่างหากล่ะโว้ยยยย
ขณะกำลังนั่งเถียงกับตัวเองอยู่ดี ๆคนที่นอนอยู่บนเตียงก็เริ่มขยับตัวเจ้าของห้องตกใจสะดุ้งโหยงนึกว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาแล้วซะอีกยังไม่ทันได้เตรียมใจเลย แต่เปล่า แค่ขยับตัวเฉย ๆ ผ้าห่มสีเทาที่เคยคลุมถึงคอร่นลงมาเพราะเจ้าตัวปัดออกเผยให้เห็นสภาพใต้ผ้าห่มคราบเลือดเกรอะกรังเปื้อนไปตามผ้าห่มและผ้าปูที่นอน และพอสังเกตรอบ ๆ ดี ๆก็พบว่ามีรอบเลือดหยุดอยู่เต็มไปหมด
เขาควรจะคิดเรื่องอะไรก่อนดีระหว่างจะเอาอะไรเช็ดคราบเลือด หรือจะซักคราบเลือดออกจากผ้ายังไง หรือมันนอนทั้งอย่างนั้นได้ไงวะเนี่ยยย เลือดเต็มไปหมดขนาดนั้นยังอุตส่าห์หลับลงไปได้ไม่ตายหรอเลือดออกเยอะขนาดนั้น หรือจะเป็นผี ผีบ้าอะไรนอนได้
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ขณะนี้เวลา 09.21
ยังไงก็แล้วแต่ ตอนนี้ขอไปสงบใจก่อนถึงจะสบสนปนงงปนสงสัยปนอะไรต่าง ๆ นานาแต่ท้องก็ยังหิวอยู่ดี ใครจะว่าเขาบ้าก็เถอะแต่เดี๋ยวท้องอิ่มก็คงคิดออกเอง
หลังจากเติมเต็มช่องว่างในกระเพาะเรียบร้อยและนั่งคิดทบทวนกับตัวเองอยู่ข้างนอกก็ตัดสินใจได้ว่าอันดับแรกควรปลุกหมอนั่นก่อน แต่เดี๋ยวต้องหาอะไรป้องกันตัวไว้เหลือบไปก็เจอแค่ไม้กวาดกับหมวกกันน็อค น่าจะใช้ได้แหละ
สวมเครื่องป้องกันเรียบร้อยอาวุธครบมือก็ได้เวลาเผชิญหน้าแบบเต็มรูปแบบ อันดับแรกเริ่มจากค่อย ๆย่องไปเปิดประตูห้องนอน แอบส่องดูสภาพภายใน คน ๆ นั้นยังนอนอยู่ที่เดิมท่าเดิมเป๊ะ เปิดประตูออกกว้างที่สุดเผื่อคับขันจะได้วิ่งสะดวกแทรกตัวเข้าไปในห้องเดินเลียบไปตามกำแพง
นี่มันเหมือนเมื่อคืนเลยไม่ใช่รึไง...
ก้าวขาสองข้างที่สั่นพั่บ ๆ ไม่หยุดเดินไปเรื่อย ๆ จนอยู่ในระยะที่ไม้กวาดจะเอื้อมถึง อันดับที่สองคือทดลองเอาไม้กวาดเขี่ยดูก่อนว่าอีกคนจะตื่นรึเปล่าปรากฏว่า นิ่ง... ถ้าไม่เห็นขยับตัวก่อนหน้านี้จะคิดว่าตายแล้ว หน้าซีดตัวก็ซีดซะอย่างกับศพ ผมก็ดำชุดยังดำอีก ซีดไปกันใหญ่
ในเมื่อเขี่ยแล้วไม่ตื่นก็เปลี่ยนไปเขี่ยผ้าห่มออกแทนเผื่อหนาวแล้วจะได้รู้สึกตัวบ้าง เขี่ยออกจนพ้นตัว ทุลักทุเลบ้างเพราะผ้าห่มหนักชิบหายแต่ดันใช้ด้ามไม้กวาดเขี่ยออกเมื่อผ้าห่มหล่นไปกองที่พื้นจนหมดเลยเห็นว่า มันไม่ได้ถอดรองเท้านอนด้วยเว้ยเห้ย!ไร้มารยาทที่สุด! นอนในห้องคนอื่นแถมใส่รองเท้าขึ้นเตียงอีก
ชักจะโกรธแล้วนะ ไอ้บ้าเอ๊ย
พอหัวร้อนปุ๊บ ความกลัวก็หายวับ เดินดุ่ม ๆไปยืนค้ำหัวคนแปลกหน้าไว้ เอาไม้กวาดเขี่ยแล้วเรียกเสียงดัง
"เฮ้ย!! นายเป็นใครวะห้ะเข้ามาในห้องคนอื่นได้ไง แถมยังมานอนบนเตียงอีก ตื่นสิโว้ยยย" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะรู้สึกตัวก็เพิ่มระดับเสียงขึ้นไปอีกเสียงดังก้องเข้าหูตัวเองหมดเพราะลืมเปิดกระจกหมวกกันน็อค ไม้กวาดนี่ก็พกมาเขี่ยเฉยๆ ไม่กล้าตีหรอก ดูเลือดดิ ถ้าตีแล้วตายขึ้นมาทำไง แล้วดูหน้าหนาวขนาดนี้เหงื่อดันท่วมจนผมเปียกไปหมด เสื้อก็เปียกแนบไปตามลำตัวเปียกเหงื่อหรือเปียกเลือดวะ
"นี่!!" เปิดหมวกแล้วเรียกอีกครั้ง ลองเอาด้ามไม้กวาดฟาดที่แขนเบาๆ ด้วย เบาจริง ๆ ไม่สะเทือนหนังกำพร้าเลยมั้งน่ะ เปลือกตาที่ปิดสนิทก็เริ่มขยับยุกยิกหัวคิ้วขมวดมุ่นแถมยังได้ยินเสียงพ่นลมหายใจเหมือนรำคาญอีกแหนะ
อีกฝ่ายยังคงหลับตา สูดหายใจเข้าลึกสุดแล้วปล่อยออกมาแรง ๆดวงตาคมไร้ชีวิตชีวาลืมขึ้นมองหน้าเขาตกใจนิดหน่อยเลยต้องถอยหลังไปสองสามก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง มือยังกำไม่กวาดไว้แน่น
“มนุษย์น่ารำคาญ” เสียงที่ออกมาจากปากริมฝีปากซีดเซียวฟังดูอ่อนล้าและแหบแห้งแต่ก็แข็งกร้าวพูดเสร็จก็พับเปลือกตาปิดลงอีกครั้ง
“ว่าไงนะ” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากอีกฝ่าย อะไรวะ หลับไปแล้วหรอนี่มันเหตุการณ์อะไรวะเนี่ย ต้องรอให้หมอนี่ตื่นอีกหรอ “นี่นายตื่นมาคุยกันก่อนเซ่!” อีกฝ่ายยังคงนอนนิ่ง ลมหายใจสม่ำเสมอ
“อย่างน้อยก็ตื่นมาทำแผลเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยจะรอให้เลือดแห้งคาผ้าห่มฉันเลยรึไงวะ มันซักยากนะเว้ยถ้ามันซึมลงไปข้างล่างด้วยนี่คนลำบากคือฉันนะเจ้าบ้า” ยังไม่ทันจะบ่นจนจบจนประโยคดีจู่ ๆ คนที่นอนอยู่ก็ลุกพรวดขึ้นมา เล่นเอาใจหายใจคว่ำ ขาพาก้าวถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติไม้กวาดในมือถูกยกขึ้นมาตั้งเป็นการ์ดไว้
ผมเปียก ๆ ถูกเจ้าของใช้มือเสยไปข้างหลัง เปิดหน้าผากขาวชื้นเหงื่อจังหวะที่อีกฝ่ายหันมาหย่อนขาลงพื้นก็พาลให้ทากะสะดุ้งอีกรอบ ดวงตาโตหันมาจ้องเขาไม่วางตา
“อะไร!” ร้องถามซะเสียงหลง บ้าจริง มันหลงเพราะหมวกกันน็อคปิดปากอยู่ต่างหากไม่ใช่เพราะกลัวจนคุมเสียงตัวเองไม่ได้หรอกนะ
อยู่ดี ๆ อีกฝ่ายก็หยัดตัวลุกขึ้นยืนแถมยังเดินดุ่ม ๆ ตรงมาหาเขาอีกถอยจนหลังชิดกำแพงแล้วเนี่ย คนตัวสูงเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเขา ท่าทางตอนชายตามองต่ำลงมานี่มันน่าหมั่นไส้จริงๆ
“ห้องน้ำ”
“หา?” ถามออกไปด้วยเสียงสั่น ๆ
“จะให้เปลี่ยนชุดไม่ใช่หรอ ห้องน้ำอยู่ไหนล่ะ” คิดคำพูดไม่ทันเลยใช้สายตามองไปเลยไหล่สูงๆ ไปยังประตูข้างหลัง ทำปากยื่นปากยาวชี้ไปยังห้องน้ำคนตรงหน้าหันมองตามสายตาเขาแล้วเดินผละออกไปหายเข้าไปในห้องน้ำ
พอได้ยินเสียงประตูห้องน้ำปิดลงแข้งขาก็พาลอ่อนเปลี้ยไหลลงไปกองกับพื้นทันทีอะไรของไอ้บ้านั่นวะ รังสีคุกคามรุนแรงอะไรขนาดนั้น เกือบหายใจไม่ออกแล้วยิ่งบวกกับไอ้หมวกบ้านี่อีก บ่นไปก็ถอดหมวกออกจากหัวแล้วโยนทิ้งส่ง ๆปล่อยให้กลิ้งไปตามพื้น เอาไงต่อดีล่ะทีนี้พอเหลือบไปเจอกองผ้าเปื้อนเลือดเลยตัดสินใจจะหอบผ้าออกไปซักก่อน จะซักออกมั้ยเนี่ยลองเอาไปปั่นดูก่อนแล้วกัน
ทากะพยายามยัดผ้าผืนหนาลงในตะกร้าผ้าใบเล็กแล้วหอบหิ้วลงไปซักที่เครื่องหยอดเหรียญใต้หอใช้โอกาสนี้มาหลบภัยคิดแผนการใหม่อีกรอบ ถึงใจจะป๊อดนิดหน่อยแต่ก็ต้องคุยให้รู้เรื่องก่อนอยู่ ๆ จะให้ใครก็ไม่รู้มานอนที่ห้องไม่ได้ คราวนี้ต้องโหด!!
“ทำไมถึงไม่มีผ้าห่มกับผ้าปูที่นอน”
พอเปิดประตูเข้าไปปุ๊บก็สะดุ้งโหยงเพราะโดนเสียงเข้ม ๆ ทักขึ้นเกือบทำตะกร้าผ้าหล่นใส่เท้าตัวเองแล้วมั้ยล่ะ กะจะหันไปคาดโทษตัวต้นเหตุที่นั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟาแต่พอหันไปเจอตาดุๆ ก็ต้องหลบตาทันที ทำไมต้องถลึงตาใส่ขนาดนั้นด้วย บอกตัวเองหายใจเข้าลึก ๆควบคุมลมหายใจเข้าออกให้นิ่ง แล้วค่อยตอบกลับออกด้วยด้วยเสียงพยายามเข้ม
“ไปตากผ้าแปป เดี๋ยวมา”
ตอนนี้ทากะกำลังนั่งเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าที่ทำตัวเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของห้อง นั่งไขว่ห้างกอดอกพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ รู้สึกว่าน่าจะสบายอะนะ ก็เจ้าตัวเล่นนั่งหลังตรงเชิดหน้าซะขนาดนั้นไม่เมื่อยคอบ้างรึไง ชุดเสื้อผ้าสีดำเปียกชุ่มในตอนแรกถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีขาวตัวใหญ่กับกางเกงวอร์มหลวมๆ สีดำ สีหน้าดูดีกว่าเมื่อเช้าเยอะ ไม่ซีดแล้วแต่ปากยังซีดอยู่
“นายเป็นใคร มาอยู่ในห้องฉันได้ไง” ทากะเริ่มคำถามที่คาใจเพื่อทำลายความเงียบ
“นายเป็นคนพาฉันมา”
“เหอะ ๆ จะบ้ารึไง ฉันกลับมาห้องได้ไงยังไม่รู้เลย แล้วจะพานายมาได้ไง”
“แล้วถ้านายไม่พามาฉันจะเข้าห้องนายได้ยังไง”
เออ นั่นดิ เข้ามาได้ไง อยู่ดี ๆ ก็พูดจามีเหตุเฉยเลย
อีกฝ่ายทิ้งตัวลงพิงโซฟาเต็มแผ่นหลังก่อนตอบ “มีเลือดก็แปลว่าบาดเจ็บไม่ใช่หรอฉันบาดเจ็บนายเลยช่วยฉันมาไง ขอบใจนะ” พูดจบก็ยกยิ้มให้เขา แต่ให้ตายเถอะทำไมมันดูเป็นยิ้มที่จืดชืดขนาดนั้น สายตาไร้แววสิ้นดี
“ฉันช่วยนายจริงหรอ” ทากะขมวดคิ้วจ้องหน้าเพื่อคาดคั้นอีกฝ่ายตอนนี้รังสีอำมหิตหายไปแล้วเลยกล้าจ้องไง ฝ่ายนั้นทำแค่พยักหน้ายิ้ม ๆไม่น่าไว้ใจซักนิด
“จบแล้วใช่มั้ย ฉันไปนอนต่อได้รึยัง” พูดพร้อมกับลูกขึ้นยืนเต็มความสูงหมุนตัวเตรียมเดินกลับห้องนอน
“เดี๋ยว ๆๆๆ นอนอะไรตื่นแล้วก็กลับบ้านนายไปสิ” คนฟังจ้องหน้าเขาอยู่นานสองนานก่อนจะเริ่มตีหน้าเศร้าคิ้วบาง ๆ ลู่ลงตามแววตาเศร้า ๆ
“นายก็รู้นี่ว่าฉันโดนทำร้ายมา พวกนั้นยังตามฉันอยู่ฉันไม่อยากเสี่ยงกลับบ้านตอนนี้เพราะที่บ้านก็มีครอบครัวของฉัน ฉันไม่อยากให้เขาถูกหมายหัวไปด้วย”
“หมายความว่าไงถูกหมายหัว งั้นถ้านายอยู่ที่นี่ฉันไม่ซวยรึไง”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน”
“ไม่ จะบ้ารึไงห้ะนายเป็นใครก็ไม่รู้จะให้ฉันเอาชีวิตไปเสี่ยงตายด้วยทำไมแล้วอีกอย่างนายก็ดูรวยก็ไปเช่าห้องอื่นอยู่สิ” หลังจากนั่งคุยอยู่นานทากะก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืนเพื่อนคุยกับอีกคนขนาดตอนยืนยังต้องแหงนหน้าคุยเลย
“แค่ชั่วคราวก็ได้ นายจะปล่อยให้ฉันกลับไปฝ่าดงมีดดาบอีกหรอ”
“เรื่องของนายสิ”
“เอางี้ละกัน ฉันจะช่วยนายจ่ายค่าเช่าห้องนี้” เมื่อเจ้าของห้องยืนกรานจะไล่อีกฝ่ายจึงเริ่มเสนอข้อแลกเปลี่ยน
“ไม่ คุ้มมั้ยกับชีวิตฉันเนี่ย”
“งั้นฉันจะจ่ายเองทั้งหมด ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากินค่าอยู่ของฉัน...”พอจะเถียงออกไปอีกแต่พอเจอคำสุดท้ายก็ต้องหุบปากฉับ“รวมถึงของนาย พูดง่าย ๆคือฉันจ่ายทุกอย่างเพื่อแลกกับการได้อยู่ที่นี่ชั่วคราว”
ที่จริง ข้อเสนอก็น่าสนใจดีอยู่หรอก บ้านเขาก็เป็นแค่ศาลเจ้าเก่า ๆค่าเช่าห้องนี่ก็ต้องทำงานพิเศษหาเงินจ่ายเอง ถ้ามีคนจ่ายให้มันก็ดีไม่ใช่หรอส่วนเรื่องความปลอดภัย ถ้านายนี่ไม่ออกไปไหนก็ไม่น่าจะมีอะไรน่าห่วงแต่จะไว้ใจได้แค่ไหนเชียว ทากะเหลือบมองหน้าอีกคนที่ยืนรอคำตอบอยู่
“จะอยู่นานแค่ไหน”
“จนกว่าจะเคลียร์เรื่องทุกอย่างได้”
“ได้ แต่ต้องทำสัญญากันก่อน”
“สัญญา?”
“สัญญาที่ว่านายจะจ่ายทุกอย่างให้ฉันในช่วงที่อยู่ที่นี่อย่างน้อยก็ป้องกันนายเบี้ยว”
“ได้ แต่ขอฉันเป็นฝ่ายร่างสัญญาเอง” คุณผู้ชายตัวสูงเดินกลับมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง“เอากระดาษกับปากกามาสิ”
“หมายถึงว่านายจะเขียนทุกอย่างเองงี้หรอ”
“ใช่”
“ได้ แต่ฉันจะอยู่ดูด้วย ห้ามเขียนอะไรแปลก ๆ ในสัญญานะ”
ทากะกำลังนั่งมองอีกคนกำลังตั้งอกตั้งใจรดปากกาลงบนกระดาษตวัดข้อมือเขียนตัวหนังสือที่เรียกได้ว่าไก่เขี่ย...เมื่อเจ้าตัวเขียนเสร็จก็อ่านทวนเพื่อเช็คความเรียบร้อยอีกรอบแล้วยื่นให้ทากะดูเนื้อหาสัญญาก็มีแค่เรื่องเงินกับหน้าที่ของเขา อะไรวะต้องทำงานบ้านทำอาหารทุกอย่าง หมอนั่นจะมีหน้าที่แค่จ่ายเงินอย่างเดียวเหมือนได้เช่าห้องแถมขี้ข้าเกรดดี แต่ช่างเถอะ
“แล้วฉันต้องเซ็นตรงไหน”
“ยื่นมือมานี่สิ” ถึงจะงง ๆ แต่ก็ยอมยื่นมือให้
ปลายนิ้วอุ่น ๆ เอื้อมมาจับมือเขากดนิ้วโป้งนวดคลึงที่ปลายนิ้วชี้เขาไปมาก่อนจะรู้สึกถึงความรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ปลายนิ้วจนต้องชักมือกลับอีกฝ่ายใช่ปลายเล็บนิ้วโป้งกรีดผ่านปลายนิ้วของเขาจนเป็นแผลลึก
“ทำอะไรของนาน”
“สัญลักษณ์ หยดเลือดลงบนกระดาษสิ ตรงไหนก็ได้” บ้าอะไรวะคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้มันมาอยู่ด้วยเนี่ย
“เจ้าคิดถูกแล้ว”
“หา?”
“รีบหยดสิ ฉันจะได้ทำบ้าง”
มาถึงขนาดนี้แล้ว ทากะส่งปลายนิ้วให้อยู่เหนือกระดาษ รอให้ของเหลวสีแดงที่ไหลออกจากปากแผลที่ปลายนิ้วตกกระทบแผ่นกระดาษสีขาวเมื่อเห็นดังนั้นอีกฝ่ายก็ดึงกระดาษคืนแล้วทำแบบเดียวกันกับที่ทำกับเขาคือใช้ปลายเล็บนิ้วโป้งกรีดนิ้วชี้ตัวเองแล้วหยดเลือดลงบนพื้นที่ว่างบนกระดาษ
ทากะมองการกระทำของอีกฝ่ายพร้อมกับคิดในใจว่าสัญญาบ้านไหนเค้าทำกันแบบนี้วะหยดเลือดเพื่อ? ตอนนี้ปลายนิ้วเขาปวดตุบเพราะแผลที่ดูจะลึกเกินจำเป็นได้แต่กดแผลไว้ให้เลือดหยุดไหล
“ยื่นมือมานี่สิ”
“อะไรอีกล่ะ”
“จะทำแผลให้”
“ไม่ต้อง” ไอ้หมอนี่มันไม่น่าไว้ใจซักนิด เรื่องอะไรจะให้ทำให้แต่ก็โดนอีกฝ่ายกระชากข้อมือไปอยู่ดี จะดึงคืนก็ไม่ได้โดนจับซะแน่นเชียวแรงเยอะชะมัดและการกระทำต่อมาของอีกฝ่ายยิ่งทำให้เขากระตุกข้อมือตัวเองแรงกว่าเดิมเมื่ออีกคนกำลังแลบลิ้นเลียคราบเลือดที่ไหลอาบลงมาตามนิ้วชี้ของเขารู้สึกเสียวแปร๊บตอนที่ตวัดลิ้นผ่านแผลไม่พอยังเลือส่วนที่ติดอยู่กับนิ้วโป้งจนเกลี้ยง
“เสร็จแล้ว”
เมื่อมือเป็นอิสระก็จับมาซ่อนไว้ในชายเสื้อทันทีสร้างรอยยิ้มขบขับบนใบหน้าอีกฝ่าย
จะเป็นบาดทะยักมั้ยเนี่ย
“เป็นอันว่าเรียบร้อย” อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนม้วนกระดาษในมือจนเป็นมวนเล็ก ๆ“ยินดีที่ได้ทำพันธะร่วมกัน ผมยามาชิตะ โทรุ” เรียวปากหยักสวยยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอีกครั้งทากะลุกขึ้นยืนเพื่อนให้ระดับสายตาใกล้เคียงกันมากที่สุด
“โมริอุจิ ทาคาฮิโระ”
“ว่าแต่ นายเอาเสื้อผ้าที่ไหนมาเปลี่ยน”
“นั่นไงกระเป๋า” โทรุชี้ไปทางมุมห้องที่มีกระเป๋าเดินทางขนาดกลางตั้งอยู่
มาได้ไงวะนั่น เมื่อเช้าไม่มีไม่หรอหรอแล้วคนโดนตามฆ่าที่ไหนมันจะลากกระเป๋าแบบนี้ไปทั่วเมืองกันล่ะเนี่ย
TBC.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in