เป็นทริปที่วางแผนอะไรล่วงหน้าไม่ได้เลย ทุกอย่างจะจองจะคอนเฟิร์มได้ก็เมื่อประกาศผล lotto บัตรคอนแล้วเท่านั้น ... ค่ะ ปีนี้ลาร์คจะมีคอนคริสต์มาสสสส >_< //ลุงบอกว่าเป็น last live ของยุคเฮเซย์เลยนะ //แหมลุง (ตอนแรกเห็นคำว่า last live นี่ก็แอบมีต๊กกะใจ ลืมไปว่าเค้าจะเปลี่ยนรัชศกกันราวๆปีหน้า ค่ะ ก้าวข้ามผ่านยุคเฮเซย์ไปด้วยกัน !!!)

สิ่งที่พอจะทำได้ก็คือหาโรงแรมก่อนเลย จองไปก่อน ได้หรือไม่ได้บัตรคอนค่อยมาแคนเซิลทีหลัง และ...แน่นอนว่า โรงแรมแถวโตเกียวโดมเต็มอย่างรวดเร็วตั้งแต่ออฟฟิเชียลประกาศวันไลฟ์เป็นที่เรียบร้อย แต่นี่ก็ยังเฝ้าเพียรเข้าเว็บไปดูทุกวันนะ แล้วก็เหมือนมีวันนึงที่มันมีห้องว่าง (เหลืออยู่ห้องนึงพอดิบพอดี กดจองเลยแบบไม่ต้องลังเลค่ะ เย้ๆ เราจะมีที่นอนใกล้ฮอลแล้นนนน //นี่ยังไม่รู้ว่าจะได้ไปดูรึเปล่าเลยนะ เออ ดีใจไปแล้วหนึ่งสเตป กั่กๆๆ)

อย่างที่บอกว่า ทุกอย่างวางแผนไม่ได้ หรือถ้าได้ก็แบบหลวมๆ หลวมมากๆ สิ่งต่อมาที่ทำคือ กะคร่าวๆ หาโน่นนี่นั่นมาแปะไว้ในโน๊ตก่อน ... แล้วก็ทำสิ่งนี้ค่ะ 

//แปะไว้ก่อน //ตอนนี้ว่าง ^^ //เล่มนี้คือทำเป็นกึ่งๆสมุดบันทึกกึ่งๆไกด์บุ๊คไว้ตอนไปทริปญี่ปุ่นที่เพิ่งผ่านมา (เพื่อนเอาไปดูแล้วบอกว่าน่ารักดี ... เออ ไม่เคยรู้สึกว่ามันน่ารักมาก่อน จนเพื่อนบอกนี่แหละ 555)
ซึ่งนี่ทำอะไรแบบนี้เป็นปกตินะ ^^ เป็นมนุษย์ที่ชอบเปิดสมุด/หนังสือ ชอบการสัมผัสหน้ากระดาษ เวลาไปเที่ยวไหนจะทำประมาณไกด์บุ๊คส่วนตัวไป คร่าวๆก็คือ มีแปลนต่างๆและสิ่งที่ต้องทำในทริปนั้นๆกันลืม ส่วน"วิธี"การเข้าเล่มแบบอันนี้เพิ่งลองทำตอนทริปสิงคโปร์ที่ผ่านมาแล้วรู้สึกว่ามันเวิร์คดี

นี่อาจจะเที่ยวมาก่อนที่จะมียุค wifi เลยทำจนติดเป็นนิสัยไปแล้วด้วยมั๊ง ซึ่งจริงๆก็มีข้อมูลโน่นนี่นั่นอยู่ในโทสับนะ เก็บเป็นโน๊ตออนไลน์ไว้ก็มี แต่เอาจริงๆนี่ก็เปิดจากไอ่เล่มนี้อยู่ดีแฮะ ^^ //รู้สึกถนัดมือกว่า
แล้ว ยิ่งถ้าไปญี่ปุ่นนี่จำเป็นต้องมีสมุดบันทึกที่มันมีหน้าว่างๆเอาไว้ให้เราเก็บตราประทับของที่ต่างๆด้วย //จำเป็นนะคะจำเป็น 555555

อย่างตราประทับอันนี้ จากวังอิมพีเรียล ... ^_^ //ตอนแรกที่แสตมป์มาแล้วนึกว่าเค้าใส่วันที่ผิด แต่ที่จริงแล้ว มันเป็นปี heisei ตะหาก !!! นี่ก็เพิ่งนึกได้ค่ะ ... วันที่แสตมป์นี้คือปี heisei ที่ 30 เดือนที่ 12 วันที่ 18 (ตอนแรกเห็นเลข 18 นึกว่าจะเป็นเลขปีจาก 2018)

จนในที่สุดก็ถึงวันประกาศผลลอตโต้ (อย่างที่อัพไดไปแล้วในเอนทรี่ก่อนหน้านี้) วันที่ 23 ตุลา เราก็สามารถวางแผนทุกอย่างได้ อย่างน้อยก็ได้ไปดูแล้วหนึ่งรอบ อีกรอบค่อยหาทางอีกที ค่ะ... และนั่นก็คือต้องเผื่อไว้อีกนิด ทุกอย่างยัง fix ไม่ได้อยู่ดี 55555 ขอไปหาตั๋วอีกวันก่อนนะ

ตอนนี้เริ่มมองหาตั๋วเครื่องบินได้แล้ว แต่ก็ยังจองไม่ได้ ตารางชีิวิตใช่ว่าจะเป็นของเราแต่เพียงผู้เดียวเนะ รอการงานและเรื่องต่างๆเคลียร์จนแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีอะไรงอกออกมาให้ต้องเปลี่ยนโปรแกรม (แต่นี่ลางานลาพักร้อนไปแล้วเรียบร้อยนะคะ 555) ทุกอย่างต้องเผื่อไว้จนวินาทีสุดท้ายเจรงๆ

กว่าจะจองตั๋วเครื่องบินก็คิดหนักอยู่นาน กลัวกดจองแล้วต้องมีอันจะต้องมาเลื่อนอะไรอีก นี่เลยปล่อยจนจวนเจียน พอดีคลิกเข้าไปดูวันนึง เจอราคาโปรโผล่มาพอดี เออ กดจองเลย กรั่กๆๆ //ไหนแกรว่าจะรอ 55555 

ตามด้วยจองที่เที่ยวโน่นนี่นั่น ที่มันต้องจองล่วงหน้า จองวัง จองมิวเซียม อ่อ จองโรงแรมเพิ่มด้วย !!! 

ทริปนี้ย้ายโรงแรมหนึ่งรอบนะคะ เพื่อความสะดวกตอนขากลับ จะได้ไม่พะรุงพะรังมาก ^^

วันเดินทาง ไฟลท์ดีเลย์สองชั่วโมงฮ่ะ -_-' นี่ก็เลยไปนั่งง่วงๆอยู่ในเลาจ์ เพราะกินยาไปแล้วง่วงมาก ออกมาอีกทีคือประกาศไฟนอลคอลแล้ว กรี๊ดดดดด วิ่งกันหูตูบ (ซึ่งจริงๆ gate มันก็อยู่ใกล้ๆกันนั้นแหละนะ แต่พี่จะมาประกาศแบบนี้ไม่ได้ข่ะ ไหนพี่บอกว่าเที่ยงคืนค่อยเดินไปก็ได้ อันที่จริงพี่ไม่เคยบอกว่าบอร์ดดิ้งกี่โมงด้วยซ้ำ ไม่มีข้อมูลอะไรบอกล่วงหน้าเบย นี่ยังไม่เที่ยงคืนพี่คอลเรียกแล้นนน) 

จริงๆคือจะบอกว่า ไม่ได้ยินเสียงประกาศก่อนหน้านี้เลย ในเลาจ์เป็นบริเวณอับเสียงสินะ -_-' บนบอร์ดข้อมูลก็ยังขึ้นดีเลย์อยู่เลยด้วยซ้ำ 

ไฟลท์นี้โล่งมาก คนน้อยมากค่ะ เรียกได้ว่านั่งกันแถวละคนไปได้เลย ก็สงบสุขดีนะ ^^ สำหรับคนไม่รีบก็คือชีวิตดี โอเคอยู่

นี่ตื่นมาบนเครื่องก็จะเจอแสงเช้าพอดี และฝั่งที่เรานั่งจริงๆจะเห็นฟูจิซังด้วย ยิ่งสว่างแบบนี้แล้วยิ่งเห็นชัด แต่เรานั่งตรงปีกพอดี ปีกบัง ถ่ายรูปฟูจิงามๆไม่ได้เลย (ในรูปนี่ก็ไม่ได้ถ่ายฟูจินะ ถ่ายท้องฟ้าตอนเช้ากับเส้นขอบฟ้าเฉยๆ ส่วนฟูจินี่พยายามถ่ายแล้ว ไม่รอดค่ะ ไม่รอด 555 ปีกบังง่ะ) สัมผัสความงามได้จากสายตาเพียงอย่างเดียวจริงๆ ^^

เนื่องจากไฟลท์ดีเลย์ โปรแกรมที่วางไว้ตอนช่วงเช้าเลยหายไปสองชั่วโมง เรียกได้ว่าผ่านตม.เสร็จ เอากระเป๋าเสร็จวิ่งปรู๊ดมาตีตั๋ว Keisei ต่อรถใต้ดินไปสามทอด เอากระเป๋าไปฝากไว้โรงแรม แล้ววาร์ปมาหน้าวังได้ก็เกือบเที่ยงแล้ว ยังไม่ได้ทำอะไรเลย (เดิมที่คิดไว้คือ ไปเดินเล่นแถวโตเกียวสเตชั่น กับกินราเมงในนั้นเป็นมื้อเที่ยง อดเรย T_T)

เลยเอาแซนวิชที่แจกบนเครื่องมากินเป็นมื้อเที่ยง (ตอนเค้าแจกแซนวิชนี่คือเกือบหลับไปแล้ว รับมาแบบงงๆแล้วหลับต่อ 55555 ตื่นมาอีกทีเช้าเลย เค้าเสิร์ฟมื้อเช้าเป็นเครปค่ะ //จริงๆก็กินไปง่วงไปนะ หิวและง่วงไปพร้อมๆกัน คนมันยังไม่ตื่นดี) 

นั่งรับแดดอุ่นๆอยู่ตรงลานด้านหน้าวังอิมพีเรียล เป็นช่วงพักเที่ยงของพนักงานออฟฟิศพอดี มีคนมานั่งกินมื้อเที่ยงกันตรงนั้นประปราย ส่วนใหญ่คนจะมาเดินเล่นรับแดดกันตรงลานน้ำพุนี้เนาะ 

จองทัวร์วังไว้เป็นรอบ 13:30 ยังพอมีเวลาอีกเล็กน้อยก่อนเดินไปรับบัตรคิวที่ ประตู Kikyo 

ฟ้าโปร่ง อากาศดี เดินสบาย ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนถึงประมาณบ่ายโมงก็เอาเอกสารที่จองไว้ไปโชว์กับเจ้าหน้าที่ของวังแล้วก็จะได้ป้ายห้อยคอมา แล้วก็เดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปข้างในได้เลย ถ้าจองมาก่อนแบบข้าพเจ้าก็จะได้เดินเข้าไปก่อนชาวคณะทัวร์ที่มาต่อคิวกันหน้างานนะคะ

แต่การเข้าก่อนหลังก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรนะ เพราะทุกคนจะเข้าไปรวมกันอยู่ในโถงรับรองก่อนเพื่อฟังสรุปพร้อมกันก่อนอยู่ดี อ่อ เข้าไปก่อนก็ไปเดินดูของในร้านขายของที่ระลึกหรือหาอะไรดื่มระหว่างรอได้ก่อน เข้าห้องน้ำได้ก่อน ส่วนข้าน้อยก็พุ่งตัวเข้าไปหาตราประทับค่ะ (ตอนแรกก็ไม่รู้หรอก ลืมนึกถึงเรื่องตราประทับด้วยซ้ำ แต่เห็นมีชาวญี่ปุ่นเข้าไปมุงๆอะไรกันเลยเดินไปดูบ้าง อ่อ ตราประทับอยู่ตรงนี้เองงงง)

ทางเจ้าหน้าที่จะแบ่งทัวร์ออกเป็นสามกลุ่ม ตามภาษาของเจ้าหน้าที่ที่จะเป็นผู้บรรยาย ได้แก่ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน //ทัวริสต์อย่างข้าพเจ้าก็ต้องภาษาอังกฤษล่ะค่ะ

เริ่มทัวร์ได้ เดินไปกันเป็นกลุ่มๆ ตามคุณไกด์ไปเรื่อยๆ มีเจ้าหน้าที่คอยระวังไม่ให้แตกแถวหรือเดินทะเล่อทะล่าเข้าไปในที่ที่ห้ามเข้า ถ่ายรูปได้ตามสบายนะคะ แค่ต้องเดินตามกลุ่มให้ทัน

ออกจาก Imperial Palace ก็พอดีได้เวลาเช็คอินพอดี (บ่ายสาม) เลยวาร์ปกลับไปเช็คอินที่โรงแรมก่อน เพราะเด๋วจะไปเที่ยวต่อกลับมาอีกทีคงดึก อยากพุ่งตัวเข้าห้องเลย ไม่ต้องมารอที่หน้าเคาท์เตอร์อีก ^^ 

ขากลับนี้ เพิ่งสังเกตว่าแถวโรงแรมมี lawson ด้วย มีรูปเคยากิอยู่หน้าร้านเลย อย่างเด่น 55555 นึกขึ้นได้ว่าเออ มีเคยากิปังนี่นา เลยเข้าไปซื้อมากินเป็นของว่าง ช่วงบ่ายๆ กินกะชานะคะ ดีงามมากกกก //ชีฟองเค้กนี่อร่อยนะคะ เย้ๆ

ขึ้นไปถึงห้องเจอกล่องพัสดุไปรษณีย์ที่เพื่อนส่งมาให้แล้ว (pre order ของลาร์คมาก่อนแล้วล่วงหน้าส่งที่บ้านเพื่อน ^^ แล้วให้เพื่อนช่วยส่งมาให้ที่โรงแรมอีกทีให้เราหิ้วกลับเอง) พนักงานโรงแรมเค้าเอากล่องขึ้นมาไว้ให้ในห้องเลยอย่างเรียบร้อยค่ะ

//กล่องใหญ่มากกกกกกกกกกก >___< เทียบกับกระเป๋าเดินทางได้ !!

จัดการโน่นนี่นั่นเรียบร้อยแล้วออกไปเที่ยวต่อนะคะ เป้าหมายของเราคือ Tokyo Tower 

แต่หน้าหนาวเนี่ย มันมืดเร็วอ่ะนะ นี่แค่สี่โมงแดดก็แทบหมดแล้ว จะไปทันแสงมั๊ยยยยย 

เกือบมืดแล้วค่ะ 

แสงสุดท้ายยยย....

ลงจาก Tokyo Tower แล้วไป Roppongi ไปขึ้นหอชมวิวต่อนะก๊ะ

#Tokyo #nightsky

@ Tokyo City View, Roppongi 六本木ヒルズ展望台

มุมมหาชน ^^ Keyakizaka
@ Roppongi Hills 六本木ヒルズ
欅坂！Keyakizaka！

หนาวๆต้องกินราเมง >__< #YuzuShoyuRamen
@ AFURI 六本木ヒルズ

#christmaslights? @ Tokyo Midtown Christmas Illumination

*** Imperial Palace : Online Application

ทริปนี้จะดูวัง ซึ่งจริงๆสามารถไปต่อคิวในวันนั้นก็ได้ แต่คิดไปคิดมา ไหนๆก็ว่างแค่วันนั้นอยู่วันเดียวแล้ว(จากโปรแกรมคร่าวๆที่วางไว้)ก็จองไปล่วงหน้าเลยละกัน ในเวบเค้าบอกว่าเปิดให้จองในวันแรกของเดือนที่จะเข้าดู ซึ่งก็คือกะว่าเดี๋ยววันที่ 1 ธันวา ค่อยเข้าไปจอง แต่วันที่ 1 พฤศจิกา ลองคลิกเข้าไปดูปรากฏว่าเค้าเปิดให้จองของเดือนธันวาแล้วก็เลยกดจองไปเลยค่ะ //อย่างรวดเร็ว! 

นี่จอง Imperial Palace ก่อนจองตั๋วเครื่องบินอีกนะคะ 55555

*** ทริปนี้บิน TG ค่ะ //กดจองตั๋วไปวันที่ 5 พฤศจิกา พอเห็นราคาโปร(ซึ่งลดลงมาแค่หน่อยนึง)ก็จองเลยยยยย

*** Keisei Skyliner & Tokyo Subway Ticket

นี่ก็จอง Online เช่นกัน อันนี้กะว่าโปรแกรมไม่เปลี่ยนมากแล้วค่อยจอง สรุปก็ซื้อแบบตั๋ว Subway 24 hr ไป เพราะวันอื่นๆคงใช้ไม่คุ้ม เอาแค่ใช้วันแรกวันเดียวพอ วันอื่นๆใช้ Suica เอา 

Keisei นี่กดจองตั๋วไปวันที่ 6 ธันวา ... พอกดจองเสร็จปุ๊บ ลาร์คประกาศ event ที่ Yoyogi Park เลยค่ะ //โอ่ยยยย ให้ตายยยยย !!!! มาประกาศอะไรเอาตอนเน้ !!!! //สรุปก็คือ event หมดก่อนไปถึงหนึ่งวันพอดี... -_-' จะเปลี่ยนตั๋วเปลี่ยนอะไรต่อมิอะไรก็ดูจะไม่ใช่เรื่องนะก๊ะ ค่าเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินกับค่าโรงแรมอีกคืนนึงนี่รวมแล้วเป็นหมื่นอยู่...ข้าน้อยขอเอาไปกินหนมดีกว่า