คนเราถ้าหมดศรัทธาในอะไรซักอย่าง เราจะยังทำสิ่งนั้นต่อไปได้มั้ย ?
มันก็ต้องมีบ้างแหล่ะ กับการหมดศรัทธากับอะไรบางอย่าง
ตอนมันหมดไป เราอาจจะทำสิ่งนั้นต่อไปไม่ได้เลย
สำหรับผม แย่หน่อยครับ ผมเคยหมดศรัทธากับการเรียน
มันเกิดขึ้น ตั้งแต่ผมสอบเข้าม.ต้น ห้องคิงของ รร.ที่ว่ากันว่าเก่งที่สุดในจังหวัดได้
ตอนสอบติดนี่พ่อแม่พี่น้องดีใจกันมาก แทบจะปิดหมู่บ้านฉลอง
เราก็คิดไปเองแล้ว เราเก่งแล้วว่ะ ต่อไปจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้น ของช่วงชีวิตที่ผมไม่ตั้งใจเรียนที่สุด
หลังจากเรียนจบหนึ่งเทอม ผลการเรียนก็ออกมาตามคาด
ซึ่งก็คือโคตรแย่ ผมสัญญากับแม่ว่า เทอมหน้ามันจะต้องดีขึ้น
หลายเทอมผ่านไป ผมก็ยังคิดผิดสัญญากับแม่เสมอ
ในขณะที่เกรดของผมลดลง อย่างอื่นก็ลดลงตามไปด้วย อย่างเช่น
ความมั่นใจที่เพื่อนให้เรา , ความคาดหวังของพ่อแม่ , การได้รับความสนใจจากเหล่าอาจารย์ , ฯลฯ
ผมรับรู้สิ่งเหล่านี้ ได้จากสายตา คำพูด และการกระทำ เวลาที่ได้คุยกัน
แต่ผมไม่โทษพวกเค้าหรอกครับ บางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่ผมสมควรได้รับแล้ว
และที่เลวร้ายที่สุด ไฟในการเรียนของผม ตอนนี้มันลดลง จนจะหายไปหมดแล้ว
แต่บางอย่างมันกลับเพิ่มขึ้น โดยที่ผมไม่รู้ตัว
ผมอยากมีเวลาเล่นกับเพื่อนมากขึ้น , ชีวิตผมสนุกขึ้น , ความสบายใจเพิ่มมากขึ้น
ผมได้ลองทำอะไรหลายอย่างมากขึ้น ในขณะเพื่อนคนอื่นอ่านหนังสือเตรียมสอบ
ผมกลับออกไปเล่นกีตาร์ , เล่นเกม , ถ่ายรูป ตามประสาเด็กไม่ตั้งใจเรียนในสมัยนั้น
แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่า อะไรที่ผมชอบ
เสียดายเหมือนกัน ที่เรื่องนี้ไม่ได้หักมุม แบบ ผมกลับไปตั้งใจเรียนก่อนสอบเข้าม.ปลาย
ผมยังไม่ตั้งใจเรียนเหมือนเดิม ตอนประกาศผลสอบเข้าม.ปลาย สายวิทย์-คณิต
แน่นอนครับ ผมเป็นเพียงไม่กี่คน ที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับเพื่อนเก่า
ผมหลุดไปอยู่ห้องที่ไกลกว่า
ตอนนั้น ความมั่นใจและไฟ ในการเรียนของผม ลดหวบไปเลย
ผมกลายเป็นคนขาดความมั่นใจในการทำอะไรซักอย่าง เพราะฝังใจไปแล้วว่าทำไปมันก็คงไม่ดี
กลัวจะต้องผิดหวัง เหมือนครั้งที่ผ่านมา
แม่คงเห็นผมสิ้นหวังกับการเรียนขนาดหนัก เลยบังคับให้ผมไปเรียนกวดวิชาที่กรุงเทพ !
และเมื่อพูดถึง กวดวิชาที่กรุงเทพ ชื่ออาจารย์คนแรกที่ผุดขึ้นมา ก็คือ อ.อุ๊ อาจารย์สอนเคมีผู้โด่งดัง
โชคดีที่ผมลงทะเบียนทันรอบสด ซึ่งได้เรียนกับอ.อุ๊ ตัวเป็นๆ ไม่ใช่ผ่านจอทีวี
ต้องบอกก่อนว่า การเรียนกวดวิชา ปกติจะแบ่งเป็น 3 แบบ คือ
- 1.แบบสด คือเรียนกับอาจารย์ตัวเป็นๆเลย รอบนี้จะถูกอัดเป็นวีดีโอ ไปใช้ในรอบวีดีโอต่อ
- 2.VDO คือการเรียนผ่านจอทีวี โดยเทปที่อัดไว้ คล้ายการฉายหนัง ผ่านทีวีหลายๆเครื่อง ให้หลายๆคนดู ในเวลาเดียวกัน
- 3.On demand อันนี้จะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ที่สุด ระบบคล้าย Youtube คือเรียนผ่านคอม เลือกได้ว่าจะหยุด หรือเรียนตอนไหนก็ได้ ตามใจเราเลย
การได้เรียนรอบสดของอ.อุ๊ เป็นอะไรที่เปลี่ยนชีวิตผมไปมาก ทั้งด้านวิชาการ และชีวิต
ผมไม่เคยชอบวิชาเคมีเลย จริงๆแล้วต้องบอกว่า ผมไม่ค่อยชอบเรียนวิชาอะไรซักเท่าไหร่
เพราะจากประสบการณ์ที่เรียนมา ผมสังเกตได้ว่า ครูจะสนใจแต่เด็กเก่งวิชานั้นๆเสมอ
ครูหลายคนไม่สนใจเด็กที่เรียนไม่เก่ง บางคนถึงขั้นบั่นทอนกำลังใจเด็กไม่เก่ง
ประโยคที่ว่า "นักเรียนแค่นี้ทำได้ไม่ได้หรอ" , "แค่นี้ไ่ม่เข้าใจหรอ" , "เพื่อนเค้าทำได้หมดแล้วนะ"
ความรู้สึกว่าตัวเองด้อยจะเกิดขึ้นมาทุกครั้ง ที่ได้เรียนวิชาใดๆ
บรรยากาศคลาสเรียนของอ.อุ๊ จะแบ่งเป็นการสอนเนื้อหา สลับกับการทำโจทย์
ทุกครั้งที่ทำโจทย์ อ.อุ๊จะให้เวลาแต่ละข้อประมาณหนึง นักเรียนคนไหนคิดออกก็ชูนิ้วช้อยส์ที่เลือก
แล้วอาจารย์อุ๊ จะประกาศออกไมค์ว่าที่เราชูนิ้วหน่ะ มันถูกมั้ย
เช่น เสื้อขาวแว่นส้มถูกค่ะ , เสื้อฟ้ายังไม่ใช่ค่ะ เกือบแล้วนะ , เสื้อเขียวรอบคอบอีกหน่อยลูก , ฯลฯ
พอเห็นคนอื่นชูนิ้วแล้วอ.อุ๊ บอกว่าถูกค่ะ ผมก็อยากจะลองชูนิ้วเหมือนคนอื่นเขาบ้าง
ผมก็เลยยกนิ้วตอบ ตามนิ้วของเพื่อนแถวหน้า แล้ ... ไม่ใช่โว้ย ผมก็เริ่มตั้งใจเรียน
จากที่กลับบ้านมา ไม่เคยแตะหนังสือเลย ก็มีการเปิดอ่านบ้าง , เริ่มทำโจทย์ ทำการบ้านบ้าง
ไม่กี่อาทิตย์ต่อมา ผมก็ได้คำว่า ถูกค่ะ จากอ.อุ๊ เป็นครั้งแรก
จริงๆผมก็ไม่ได้ใส่ใจการเรียนมากหรอกนะ แต่ไม่รู้ทำไมตอนนั้นมันรู้สึกภูมิใจ และบันดาลใจจัง
เหมือนเห็นผลของการที่เราเริ่มตั้งใจเรียน , กลับบ้านอ่านหนังสือทบทวน
คำพูดเพียงแค่สองคำ กับแววตาที่มองมาพียงเสี้ยววิ ของครูคนหนึ่ง
แม้มันจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ถึงขั้นเปลี่ยนโลกใบนี้ แต่มันก็เปลี่ยนโลกของนัก(ไม่ตั้งใจ)เรียนบางคนได้
วันนั้นความเชื่อมั่นในตัวเอง และศรัทธาในการเรียนของผมกลับมาอีกครั้ง
หลายครั้งที่ผม(และอีกหลายคน) ยกนิ้วตอบไม่ได้ คิดว่าข้อนั้นมันคงยากเกินไปสำหรับเรา
อ.อุ๊ก็จะบิ้วท์ให้เราพยายามทำโจทย์ข้อนั้น อย่าเพิ่งยอมแพ้ พูดให้เราเชื่อมั่นว่าเราทำได้
"สู้หน่อยลูก" , "พยายามหน่อยลูก" , "ครูเชื่อหนูทำได้"
ผมจำประโยคเหล่านี้ได้แม่น ทุกวันนี้ก็ยังคงจำได้อยู่
แต่ล่ะสัปดาห์ที่เรียน ผมเริ่มเปลี่ยนตัวเองเป็นคนละคน ตั้งใจเรียนมากขึ้น , มั่นใจในตัวเองมากขึ้น
มีศรัทธาและเชื่อว่า ถ้าเราพยายามตั้งใจทำสิ่งไหน ไม่นานเราก็จะทำได้ ,
ผมได้รับคำว่า "ถูกค่ะ" ในทุกอาทิตย์ที่เรียน , ผมตั้งใจเรียนในทุกๆวิชา และทุกสิ่งอย่าง
จนจบคอร์ส และจบเทอม ผลการศึกษา(เกรด)ของผมเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
รวมทั้งชีวิตของผมด้วย ผมกลายเป็นคนมีไฟ ความเชื่อ และศรัทธาของผม กลับมาอีกครั้ง
ตลกดีเหมือนกันครับ ที่ผมได้รับสิ่งเหล่านี้ จากครูสอนพิเศษ วิชาเคมี ที่ตึกแห่งหนึ่งย่านพญาไท
แทนที่จะเป็นครูแนะแนว ประจำโรงเรียนมัธยมปลาย
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คุณอยากจะเจอคุณครูแบบไหนกันครับ ?
-ครูที่กดดัน/ตัดสินเด็กว่า เธอไม่เก่ง ไม่ต้องไปทำหรอก
-ครูที่สนใจแต่เด็กเก่ง
-ครูที่ไม่เคยจะให้โอกาสเด็กที่เรียนไม่เก่ง
-ครูที่พร้อมจะหยิบยื่นโอกาสให้เด็กทุกคน
-ครูที่เชื่อมั่นในตัวเด็กๆเหล่านั้น เชื่อว่าถ้าเค้าตั้งใจทำอะไรซักอย่าง ซักวันเค้าจะต้องทำได้
ผมไม่รู้เหมือนกัน ว่าคุณครูแบบไหน ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นครูที่ดี
สำหรับผม ครูที่เปลี่ยนโลกของเด็กคนๆไปในทางที่ดีขึ้น หยิบยื่นศรัทธาให้เค้า นั่นแหล่ะครับ คือครูที่ดี
และโชคดีเหลือเกิน ที่ผมได้เจอกับครูคนนั้นแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in