** ข้อความที่มีตัวหนังสือสีชมพูคือเราใส่ลิงก์เอาไว้นะคะ สามารถคลิกเข้าไปดูต้นทางได้ค่ะ ต้องขออภัยอย่างมากจริงๆที่ในเพลงก่อนๆเราไม่ได้ทำแบบนี้ เพราะนอกจากทฤษฎีที่มีอยู่ในเว็บจีเนียสแล้ว หลายๆทฤษฎีเราก็จำเขามาอีกที แต่ไม่ได้บันทึกต้นทางเอาไว้ค่ะ แต่เพลงนี้เรารีเสิร์ชไปด้วยระหว่างที่แปลค่ะ
อัลบั้มใหม่นี้เป็นอัลบั้มที่แฟนๆหลายคนให้ความเห็นว่า มันแตกต่างไปจากผลงานเดิมๆของทางวงมากเลยค่ะ เหตุผลนึงก็คงเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้จำกัดตัวเองว่าเป็นศิลปินประเภทไหนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่นอกจากเหตุผลที่ว่าไทเลอร์กับจอชก็คงอยากทดลองทำอะไรใหม่ๆแล้วเนี่ย อัลบั้มนี้มันก็ยังมีเรื่องราวอยู่เบื้องหลังเหตุผลของความแตกต่างนี้ด้วยค่ะ
อย่างที่แฟนๆรู้กันดีว่าตั้งแต่อัลบั้ม Blurryface ที่มีตัวละครหลักคือเบลอรี่ ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่พูดถึงการต่อสู้ของไทเลอร์กับด้านลบในจิตใจของตนเอง รวมถึงช่วง hiatus (หรือช่วงพักวง) ก่อนที่จะเริ่มต้นช่วงอัลบั้ม Trench นั้น ทางวงก็ได้ปล่อยปริศนาออกมาให้แฟนๆได้ร่วมสนุกกันอยู่เรื่อยๆ โดยในยุคอัลบั้ม Trench นี้ก็มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับ Blurryface คือยังคงเป็นเรื่องราวของการต่อสู้อยู่ แต่มีตัวละครมาเพิ่มอีกมากมาย ทั้ง Ned, Clancy, Nico และ The Bishops ทั้งเก้า รวมถึงมีสถานที่อย่าง Dema เป็นจุดสำคัญ ทำให้เรื่องราวทั้งหมดยิ่งซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
สามารถอ่านเรื่องราวหลักๆของอัลบั้ม Trench ที่เราแปลเอาไว้ได้ในเพลง Bandito ค่ะ
คลิกที่นี่
และสำหรับอัลบั้ม Scaled And Icy นี้ก็เช่นเดียวกันค่ะ เรื่องราวทุกอย่างยังคงมีความเชื่อมโยงกับอัลบั้มก่อนหน้าอยู่ โดยทฤษฎีหลักๆของแฟนคลับนั้นก็คือ อัลบั้มนี้มันเป็น Propaganda (หรือโฆษณาชวนเชื่อ) ของทางฝั่ง Dema ค่ะ โดยเมื่อจัดเรียงตัวอักษรของชื่ออัลบั้มใหม่ จาก Scaled And Icy จะได้เป็นประโยคว่า “Clancy is dead” หรือ "แคลนซี่ตายแล้ว" ค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังมีแฟนๆหลายๆคนชี้ด้วยว่า ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแอเรียปัจจุบันนั้น มันกลับตาลปัตรไปหมดเลยค่ะ ทั้งภาพถ่ายที่โดยปกติแล้วไทเลอร์จะอยู่ด้านซ้ายของจอชเสมอ (ไปย้อนดูโฟโต้ชู้ทหลายๆอันแล้วจริงด้วยค่ะ) แต่ในอัลบั้มนี้ทั้งสองกลับสลับที่กัน แถมยังโพสต์ท่าสลับกันด้วย แล้วที่ผ่านมาก็มีแต่จอชที่เคยย้อมผม แต่ตอนนี้กลับเป็นไทเลอร์ที่ย้อมสีชมพู
และสุดท้าย ทางแอคเคาท์บนทวิตเตอร์ที่มีชื่อว่า
top today ซึ่งเป็นแอคอัพเดทข่าวสารของแฟนๆก็ได้เสนอทฤษฎีที่น่าสนใจอย่างมากขึ้นมาอันนึงว่า อัลบั้มนี้หรือถัดจากนี้ อาจจะเป็นจุดจบของเรื่องราวที่ทางวงสร้างขึ้นมา ซึ่งวางแผนมาตั้งแต่อัลบั้ม self titled เลยค่ะ (วงยังอยู่นะคะ อย่าเพิ่งตกใจ ฮ่าา แค่มันอาจเป็นจุดสิ้นสุดของสตอรี่แล้วค่ะ) โดยเหตุผลก็คือ เขาวิเคราะห์จากเพลง A car, a Torch, a Death เพราะ a Car อาจแทนด้วยรถในเอ็มวีเพลง heavydirtysoul จากอัลบั้ม Blurryface ส่วน a Torch อาจแทนด้วยคบเพลิงในเอ็มวีหลายๆเพลงจากอัลบั้ม Trench และขาดไปอีก 1 สิ่ง ก็คือ a Death นั่นเองค่ะ
นอกจากนี้ ข่าวการเสียชีวิตของแคลนซี่นั้นก็ยังเป็นที่สงสัยในบรรดาแฟนคลับ เพราะหลายๆคนคิดว่า Dema อาจกำลังเผยแพร่ข้อมูลเท็จเพื่อไม่ให้เหล่า Banditos เข้าไปช่วยเหลือก็ได้ค่ะ
------------------------------------------------------------------
แปลเพลง Never Take It
(ข้อความที่มีพื้นหลังสีฟ้านั้นมาจากการตีความของเราเอง และอาจมาจากทฤษฎีต่างๆของแฟนคลับที่เราเจอมานะคะ ไม่ใช่ข้อมูลออฟฟิชเชียล สามารถตีความกันได้เลยค่ะ และถ้าหากมีข้อผิดพลาด หรือมีคำแนะนำตรงไหน สามารถคอมเมนต์มาได้เช่นเคยเลยนะคะ ขอบคุณค่า)
[Intro]
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh
โอ้ โอ
[Verse 1]
Now that they know information (Information)
Is just a currency, and nothing more
Keep the truth in quotations (In quotations)
'Cause they keep lying through their fake teeth
ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่า ข้อมูลน่ะนะ
มันก็เป็นแค่ข้อความทั่วๆไป ไม่ใช่อะไรมากกว่านั้นเลย
เก็บความจริงเอาไว้ในใบเสนอราคา
เพราะพวกเขาก็ยังคงโป้ปดผ่านฟันปลอมอยู่นั่นแหล่ะ
ท่อนนี้หากพูดถึงโลกแห่งความจริง เราตีความว่าไทเลอร์อาจเปรียบเปรยเพื่อพูดถึงเรื่องทั่วๆไปในสังคมค่ะ กล่าวคือ ที่คนเราใช้ความเชื่อใจมาเป็นเครื่องมือในการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น หรือพูดถึงความไม่จริงใจในสังคมก็ได้ค่ะ
ส่วนถ้าหากพูดถึงเรื่องราวภายในอัลบั้ม ก็อาจกำลังพูดถึงโฆษณาชวนเชื่อของ Dema นั่นเองค่ะ
[Chorus]
Oh-oh-oh, they're trying hard to weaponize
You and I, we'll never take it
Oh-oh-oh, they're asking for a second try
You and I will never take it
โอ่ โอ โอ้ พวกเขาพยายามอย่างหนักเลยล่ะที่จะใช้มันเป็นอาวุธ
คุณกับผม เราไม่มีวันยอมรับมันหรอก
โอ่ โอ โอ้ พวกเขากำลังวอน ขอลองเป็นครั้งที่สอง
คุณและผม จะไม่มีทางรับมันมาหรอกนะ
ตรงนี้ถ้าตีความตามโลกแห่งความจริง เราคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ไทเลอร์อาจกำลังพูดถึงเรื่องสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะข่าวทางทีวีหรือสื่อโซเชียล หรืออาจจะพูดถึงสถานการณ์การเมืองก็ได้ค่ะ
แต่หากตีความตามเนื้อหาของอัลบั้ม เรานึกถึงความหมายที่เคยแปลเอาไว้ในเพลง Neon Gravestones เลยค่ะ ในเพลงนั้นเราคิดว่าเขียนไว้ค่อนข้างละเอียด ลองเข้าไปดูกันได้นะคะ คือเป็นการต่อสู้กับ Dema หรือปฏิเสธความคิดในด้านลบของตนเอง แต่ในเพลงนี้จะถ่ายทอดออกมาในลักษณะที่ต่างออกไปค่ะ นอกจากนี้ก็อาจจะเป็นสารถึง Banditos ว่าเราจะไม่หลงกลโฆษณาชวนเชื่อของ Dema ด้วยค่ะ
[Post-Chorus]
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh
โอ้ โอ
[Verse 2]
Why cure disease of confusion (Of confusion)
When you're the treatment facility?
How can we seek restitution (Restitution)
When they keep lying through their fake teeth?
ทำไมถึงรักษาโรคของความสับสนล่ะ
เมื่อคุณนั่นแหล่ะคือสถานบำบัด
เราจะหาทางพักฟื้นได้ยังไง
เมื่อพวกเขายังคงโป้ปดผ่านฟันปลอมกันอยู่นั่นแหล่ะ
[Chorus]
Oh-oh-oh, they're trying hard to weaponize
You and I, we'll nеver take it
Oh-oh-oh, they'rе asking for a second try
You and I will never take it
Will never take it
Oh-oh-oh, they're asking for a second try
You and I will never take it from 'em, ooh-ooh
โอ่ โอ โอ้ พวกเขาพยายามอย่างหนักเลยล่ะที่จะใช้มันเป็นอาวุธ
คุณกับผม เราไม่มีวันยอมรับมันหรอก
โอ่ โอ โอ้ พวกเขากำลังวอน ขอลองเป็นครั้งที่สอง
คุณและผม จะไม่มีทางรับมันมาหรอกนะ
ไม่มีวันยอมหรอก
โอ่ โอ โอ้ พวกเขากำลังวอน ขอลองเป็นครั้งที่สอง
ทั้งคุณและผม ไม่มีวันรับมันมาจากพวกเค้าหรอก
[Bridge]
The summer I watched the tube, I saw enough
Taught myself to play guitar, tearing it up
And my advice on those two things that I picked up
You better educate yourself, but never too much
The summer I watched the tube, I saw enough (I saw enough)
Taught myself to play guitar, tearing it up (Tearing it up)
And my advice on those two things that I picked up (I picked up)
You better educate yourself, but never too much (Never too much)
ดูยูทูปในช่วงซัมเมอร์ ผมเห็นมาพอแล้วล่ะ
สอนตัวเองให้เล่นกีตาร์ ทำออกมาได้เยี่ยมไปเลย
และนี่คำแนะนำของผมจากสองสิ่งที่ผมเรียนรู้มา
หาความรู้ใส่ตัวบ้างก็ดี แต่ให้มันพอดีนะ
[Chorus]
(Weaponize, you and I)
Never take it, oh-oh-oh
They profit from a great divide
You and I will never take it
(ทำให้เป็นอาวุธ คุณกับผม)
ไม่มีทางรับมันหรอก โอ่ โอ โอ้
พวกเขาได้รับประโยชน์จากความแตกแยก
คุณและผมจะไม่มีทางรับมันมาหรอกนะ
[Guitar Solo]
[Post-Chorus]
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Yeah, yeah, yeah
โอ้ โอ
[Chorus]
Oh-oh-oh, they're trying hard to weaponize
You and I, we'll never take it
Oh-oh-oh, they're asking for a second try
You and I will never take it
โอ่ โอ โอ้ พวกเขาพยายามอย่างหนักเลยล่ะที่จะใช้มันเป็นอาวุธ
คุณกับผม เราไม่มีวันยอมรับมันหรอก
โอ่ โอ โอ้ พวกเขากำลังวอน ขอลองเป็นครั้งที่สอง
คุณและผม ไม่มีวันรับมันซะหรอก
[Outro]
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh, ooh
Ooh
โอ้ โอ
แต่นอกจากความประทับใจเรื่องการแสดงแล้ว สิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างนึงก็คือ พวกเขายังคงมี easter eggs ในโชว์อย่างที่บอกไปด้วยค่ะ อย่างแรกเลยคือ ปริศนาเกี่ยวกับพิธีกรทั้ง 2 คน
ข้อมูลที่เรารวบรวมมาได้มีประมาณนี้ค่ะ ถ้าใครเจอสิ่งที่น่าสนใจตรงไหนเพิ่มก็มาพูดคุยกันได้นะคะ <3
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in