โรงเรียน
สถานที่ที่เราใช้เวลากับมันมากกว่าบ้าน ครูบอกว่าที่นี่เปรียบดังบ้านหลังที่สอง เป็นบ้านหลังใหญ่ทีเดียว มีตั้งแต่เด็กจนแก่ อาหารการกินครบครันแต่กระเป๋าสตางค์เบาหวิว สนามวิ่งเล่นก็กว้างแต่ก็ไม่ได้ค่อยไปย่างกรายซะเท่าไหร่ จะไปก็ต่อเมื่อมีกิจกรรมเท่านั้น ใครๆก็รู้ว่าแดดสมัยนี้มันแรงขนาดไหน นั่งเล่นในห้องแอร์สบายกว่าเยอะ หนังสือก็เยอะแต่ไม่ค่อยได้อ่าน มีงานค้นคว้าเท่านั้นจึงจะมาเหยียบที่ห้องสมุด เพราะโลกสมัยนี้เทคโนโลยีมันทันสมัย มีห้องประชุมหลังโตที่เอาไว้จัดงานที่เป็นทางการจุคนได้เกือบสามร้อยกว่าชีวิต
ห้องเรียน
ห้องเรียนที่มีเครื่องปรับอากาศเหมาะแก่การนอนอย่างยิ่ง อากาศเย็นทำให้หลายคนเคลิ้มหลับมาแล้วนักต่อนัก ห้องเรียนทรงลูกบากศ์จุคนได้ประมาณห้าสิบกว่าคน ความเยอะนี้ทำให้พื้นที่ใช้สอยน้อยลงไปอีก โต๊ะเก้าอี้ก็ใช่ว่าจะเป็นระเบียบเรียบร้อยมากนัก กระดานเป็นไวท์บอร์ดที่ต้องใช้ปากกาเคมีเขียน ความหอมของกลิ่นปากกาตลบไปทั่วห้องจนทุกคนต้องเอามือปิดจมูก พื้นที่หลังห้องคือที่ประจำของผู้ชาย ส่วนโซนหน้าคือเหล่าผู้หญิง ในห้องมีลำโพงขนาดกลางและทีวีที่ได้ได้ใหญ่หรือเล็กมากวางไว้ด้านข้าง มีกระจกสำหรับบุคคลผู้รักสวยรักงามที่จะต้องเดินมาส่องก่อนจะออกจากห้องไปข้างนอก และชั้นวางรองเท้าด้านนอกที่มีชื่อทุกคนติดไล่ตามเลขที่กันรองเท้าหายหรือใครหยิบผิด
ครู+วิชา
บุคคลที่เป็นทั้งนางฟ้าและซาตานในร่างเดียวกัน อารมณ์ขึ้นลงง่ายตามสถานการณ์ เรื่องการสั่งงานเป็นที่หนึ่ง และจะไม่ปล่อยให้คาบของท่านผ่านไปโดยไร้ค่า การเรียนการสอนจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วราวกับติดเทอร์โบ ครูที่สอนแล้วบรรยายกาศน่านอนที่สุดคงจะเป็นวิชาภาษาอังกฤษและวิชาที่ี่หลับไม่ได้แม้แต่คาบเดียวคือเคมี แค่งีบไปสักห้านาทีก็ไม่รู้เรื่องแล้ว ส่วนวิชาที่เรียนแล้วรู้สึกเหนื่อยก็คงไม่พ้นคณิตศาสตร์ วิชาที่ต้องใช้สมองแข่งกับเวลาเพื่อส่งงานในคาบให้ทำ แรงกระตุ้นก็ไม่ได้มีค่าอะไรมาก แค่คะแนนสิบเต็มสิบเท่านั้นเอง สำหรับพวกสายชิลล์ก็คงจะเป็นวิชาศิลปะ เพราะครูไม่ได้กำหนดว่าต้องส่งให้ทันในคาบ ใครส่งก็ได้คะแนน ไม่ส่งก็อย่าหวัง พวกสายชิลล์ไฟจะลนก้นตอนใกล้สอบ ปั่นงานกันสุดฤทธิ์ ขอแค่มีงานส่งก็พอ
เพื่อน=มนุษย์ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขตลอดสามปีการศึกษา
ในสามปีการศึกษา มนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเพื่อนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ปรึกษาได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว แฟน การบ้าน และที่สำคัญคือเรื่องเงิน มนุษย์เพื่อนจะมีความจำดีเสมอในเรื่องเงินและชื่อพ่อชื่อแม่ มนุษย์เพื่อนภายในห้องมีหลาบแบบ อย่างเช่น
-เจ้าหนี้หน้าเลือด=เหรัญญิกของห้องที่เดินเก็บเงินตามโต๊ะ สกิลการทวงหนี้ระดับแอดวานซ์ ตื้อไม่เลิกจนกว่าจะได้เงินเข้าห้อง
-นักร้อง ft. แดนเซอร์ บุคคลที่มีดนตรีในหัวใจ และบุคคลที่รักในการวาดลีลาขยับแขนขาตามจังหวะเพลง
-อาร์ตตัวแม่ บุคคลที่ได้รับความนิยมเป็นช่วงๆแล้วแต่สถานการณ์ในช่วงนั้น มีอารมณ์ศิลป์ในตัวสูง มักมีคนให้ช่วยวาดนั้นนี่ตามที่อยากได้อยู่เสมอ
-หัวกะทิ บุคคลที่เก่งที่สุดในห้อง มีคนเข้าหาบ่อยๆเพราะการบ้านคือสิ่งสำคัญ มักจะเป็นต้นฉบับให้คนในห้องเสมอ
-ขี้โม้ได้โล่ บุคคลที่พูดได้ไร้แก่นสารที่สุดในห้อง มีอะไรอยากพูดก็จะพูด ช่วยถ่วงเวลาครูและสร้างเสียงหัวเราะให้เพื่อนได้
-แม่พระ/พ่อพระ บุคคลที่ดีตั้งแต่ภายในยันภายนอก ไม่เลยโกรธใคร ใจเย็นที่สุด
-หัวหน้าห้อง บุคคลที่ดูเหมือนจะมีอำนาจสูงรองจากครูประจำชั้นแต่ไม่ต่างอะไรกับขี้ข้า โดนใช้บ่อยกว่าใช้คนอื่น มีความเป็นผู้นำสูงและไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากในการถูกใช้
-ติ่งเกาหลี บุคคลผู้รักและคลั่งไคล้ในตัวอปป้าและออนนี่อย่างที่สุด เพลงไหนๆก็ร้องได้หมดขอแค่เป็นวงของอปป้า มีความเป็นนักสืบสูง รู้ทุกอย่างที่เป็นอปป้า~
แต่ถึงจะแตกต่างกันมากแค่ไหนก็อยู่ด้วยกันได้ เพราะเพื่อนก็คือเพื่อน ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขคนที่คอยช่วยเหลือก็คือเพื่อน
สอบ
การสอบคือการวัดผลความรู้ที่นักเรียนไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่ ยิ่งใกล้สอบเท่าไหร่ก็ยิ่งคิดหนักกับการอ่านหนังสือกองโตที่สูงเกือบจะเท่าหัวมากเท่านั้น บางทีอ่านหนังสือไปซะดิบดีแต่ไม่ออก พออันที่ไม่ได้อ่านกลับออกเสียอย่างนั้น บางคนก็อ่านมาถูกจุดแล้วแต่พอเดินเข้าห้องไปเจอข้อสอบความรู้ในหัวดัันหายไปดื้อๆ พอสอบเสร็จก็ยกพวกไปกินหมูกระทะเพื่อลบล้างเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมา ผลสอบออกมายิ่งน่าลุ้นเข้าไปใหญ่ บางคนเกรดดี บางคนเกรดตก ชีวิตของคนเราก็มีทั้งจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของชีวิต การสอบตกไม่ใช่เรื่องแย่ มันคือสิ่งที่ยิ่งทำให้เราต้องลุกขึ้นสู้เอาชนะและข้ามผ่านมันมาให้ได้ และเมื่อสอบผ่านแล้วเราก็ควรที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเก่า แล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
:)))
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in