From Sahara Desert to Cairo
เช้าตรู่ยามฟ้ายังไม่สาง ฉันตื่นขึ้นกลางทะเลทราย หลังจากที่ถ่ายรูปหมู่ดาวไปแล้วฉันก็กลับมานอนต่ออีกสักชั่วโมง อากาศตอนเช้ามืดยังคงเย็นช่ำสบายตัว แต่ที่นี่ก็ไม่มีที่ให้อาบน้ำหรอกนะ ฉันได้แต่ใช้ดระดาษเปียกในการเช็ดชำระกายแทนไปก่อน หลังเช็ดตัวเสร็จก็ไปรับประทานอาหารเช้าง่ายๆที่ทางคณะทัวร์เตรียมไว้ให้ กินเสร็จก็จะนั่งรถไปดูวิวทะเลทรายขาวและหินรูปทรงต่างๆที่เป็นทิวทัศน์ที่เลื่องชื่อของที่นี่ ระหว่างที่รอพี่ๆคนขับรถและทีมงานทานอาหาร พี่กิตติก็แนะว่าหรือจะเดินไปดูก้อนหินเองเลยดีไหม? แล้วค่อยให้เขาขับรถไปรับเราที่โน่น ฉันว่าก็ดีเหมือนกันได้ออกกำลังกาย เดินไปเรื่อยๆแบบมีจุดหมาย
ฉันแว่วๆว่าได้ยินว่าตอนกลางคืนน่ะมีพวกจิ้งจอกทะเลทรายเดินออกมาหากินด้วย พวกเราก็เลยมองหารอยเท้าเจ้าจิ้งจอกน้อยกันใหญ่ และก็เจอด้วย เป็นแค่รอยเท้าเล็กๆน่าเอ็นดู พี่กิตติบอกว่า อืม พวกมันก็เดินมาไกลเหมือนกันนะ เพราะรอยเท้าทอดยาวมาก แต่สุดท้ายก็หายลับไปในดงไม้หรือกอหญ้าที่มีขึ้นประปรายในทะเลยทราย เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้เห็นตัวเป็นๆ แว่วๆว่าแคมป์ของคนอีกคณะเข้าตื่นขึ้นมาตี 2 เพื่อที่จะส่องสัตว์กลางคืนกันเลยทีเดียว
His little paws (❁´◡`❁)
พวกเราเดินไปเรื่อยๆ เวลาเจอโพรงหินแปลกก็เข้าไปถ่ายรูป ในที่สุดก็ถึงปลายทางเสียที เป็นก้อนหินทรงกระต่าย ซึ่งเป็นรูปทรงธรรมชาติที่เกิดจากถูกสายลมและเม็ดทรายกัดกร่อนจนเป็นรูปร่างที่เราเห็นจนทุกวันนี้ ฉันรู้สึกเหมือนทุกคนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
มองหาหินรูปทรงแปลกกันใหญ่ ใครเจอดีๆก็อวดกันว่าเหมือนตัวนี้ๆเลย มีพี่กิตติเดินมาสะกิดว่าตามมาๆและพาเดินไปดูหินก้อนใหญ่ที่อยู่บนแท่น มันก็ไม่ได้ดูแปลกเป็นทรงอะไร แต่พี่กิตติออกไอเดียถ่ายรูปให้ ว่าให้คนหนึ่งไปยืนด้านหนึ่งทำท่ากลัวและอีกคนอยู่อีกฝั่งทำท่าผลักหิน เออ ไอเดียแจ่มแหะ แต่ฉันว่ามันทำให้แปลกกว่านี้ได้อีก ทำไมฉันไม่ลองเอาเท้ายันหินดูล่ะ? ซึ่งฉันว่ารูปมันก็ดูแหวกแนวดี ขำๆกันไปอีก
หลังจากถ่ายรูปได้สักพัก พี่ๆคนขับรถก็มารับพาไปดูหินทรงต่างๆ มีหมดเลยทั้งไก่ อูฐและเห็ด มีการถ่ายรูปหมู่รวมที่หินดอกเห็ดด้วย
จากนั้นก็พาไปขึ้นภูเขาคริสตัล ภูเขาหินที่มีเนื้อหินจำนวนมากมีความใสเป็นประกาย พี่กิตตินำทางพวกเราปีนป่ายขึ้นไปตรงชะเวิ้งผาตอนหนึ่งซึ่งมีถ้ำเตี้ยๆให้มุดลอดเข้าไปดูปากปล่องสู่ยอดเขาด้านบนได้ แต่ตอนออกมาคือแต่ละคนสภาพคือต้องคลานกันออกมา แต่วิวที่เห็น ไม่เลวเลยทีเดียวละ!
จากทะเลยทรายขาวเราเดินทางกันไปต่อที่ทะเลทรายดำ ท่ามกลางเปลวแดดระอุ ฉันต้องเอาผ้ามาคลุมหัวถ่ายรูป แม้มันจะมีลมก็ช่วยบั่นเทาได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่เพราะมีลมเนี่ยแหละ พี่ยูริพยายามจะถ่ายรูปโดยการกางผ้าออก กะจะให้ลมพัดผ้าไปด้านหลังเพื่อจะถ่ายรูปสวยๆ แต่เหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไร ระหว่างนั่งอยู่ในรถเพื่อจะเดินทางต่อไปดูทะเลสาบกระมัง ฉันไม่ค่อยแน่ใจเสียแล้วว่ามันคือโอเอซิสหรือทะเลสาบ คิดดูว่าทะเลทรายมันร้อนอย่างโหดร้ายขนาดไหน บางทีรถขับผ่านซากโครงกระดูกวัวอยู่เลย ก็ได้แต่คิดว่าชาวเบดูอินอยู่กันอย่างไรในทะเลทราย เพราะสถานที่แบบนี้ไม่ได้เอื้อสักนิดในการใช้ชีวิตอยู่ แต่คนเราเขาก็มีหนทางให้การใช้ชีวิตตัวเองอยู่กระมัง
It's the way of life
หลังจากที่มามูนขับปาดเนินไปมาๆเสร็จแล้ว ทริปท่องทะเลทรายเราก็จบลงเสียแล้ว แต่ฉันประทับใจมากเลยรวมกันให้ทิปพิเศษมามูนกัน เราแจกข้าวกล่องและนั่งรถบัสกลับมายังที่พักที่เราฝากกระเป๋าเดินทางเอาไว้ พร้อมอาบน้ำล้างตัวหลังจากที่หมกตัวมาตั้งแต่เมื่อวาน และเราก็เดินทางกลับเข้ากรุงไคโรกัน
ตกค่ำเราก็เดินทางมาถึงตัวโรงแรมที่เราจะพักคืนนี้ ก่อนหน้าที่จะเดินทางกันมานั้น ทางพี่โอ๊ตเคยได้มีการให้โหวตว่าวันที่เราจะเข้าพักที่กรุงไคโรนั้นเราต้องการที่จะเข้าพักโรงแรมแบบไหนดี คือจะพักโรงแรม 5 ดาว หรือจะพักโรงแรม 3 ดาวแต่มีดาดฟ้าและเห็นวิวหมู่พีระมิดกีซ่า ซึ่งตอนกลางคืนทางหมู่พีระมิดกีซ่าแห่งนี้จะมีโชว์ Sound & Light ด้วย สำหรับตัวฉันแล้วโรงแรมแค่มีไว้อาบน้ำนอนไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ฉันไม่ลังเลเลยที่จะเลือกนอนโรงแรม 3 ดาวและได้รับชมโชว์ Sound & Light
ตัวห้องของฉันและพี่สาวอยู่ข้างบนๆ ห้องดูเก่าหน่อยแต่ก็สะอาดดี มีเตียงนอนและห้องน้ำในตัว มีแอบตื่นเต้นๆนิดหน่อยตรงที่แระตูห้องน้ำที่เป็นไม้นั้นฝืดอย่างมากเวลาเปิดปิด มีแอบตกใจที่ฉันเข้าห้องน้ำไปแล้วมันเปิดไม่ออกด้วย เลยต้องปิดงับเอาไว้เฉยๆ หลังอาบน้ำเรียบร้อยแล้วพี่โอ๊ตพี่กิตติก็นัดกินข้าวกัน ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่อีกแล้วที่เราจะต้องมาทำกับข้าวกินกันเอง มีใครเคยไปทัวร์แล้วต้องมาทำกับข้าวกินเองไหมล่ะ? เหมือนเราเป็นครอบรัวใหญ่กันเลยละ พี่ๆในคณะที่ทำกับข้าวเป็นก็ยุ่งมือเป็นระวิงเลย เราทำไก่ย่าง ข้าวเหนียวนึ่งทีออกจะแฉะไปสักหน่อย ส้มตำใส่มะละกอ แครอท มะเขือเทศซะมาก ปรุงรสกันสนุก กินกันเสร็จก็ขึ้นไปดาดฟ้าดู Sound & Light กัน คือฉันก็ฟังไม่ค่อยออกเท่าไร แต่มันงามมากจริงๆ คือฉายเรื่องราวประวัติศาสตร์บนพีระมิดทีละยอดมันน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ
พวกเรามีคุยกันว่าอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกตอนกลางคืนบ้าง พี่กิตติบอกว่ามีคาร์ฟู ซุปเปอร์มาร์เกตอยู่นะ จะไปไหมละ? เราก็เฮๆกันออกไป แํนไม่คิดเลยว่ามันจะแอบหนาว เดินใส่เสื้อปกติออกมา ดีมีพี่ส้มแสนใจดีสละเสื้อกันหนาวมาให้ใส่ไปพลางๆก่อน
สิ่งที่เห็นในตัวเมืองแล้วตกใจเป็นที่สุดน่าจะเป็นรถเมล์ของไคโร คือลักษณะเป็นรถตู้ดูคลาสสิกๆปกติเนี่ยแหละ แต่ที่ไม่ปกติคือไม่มีใครปิดประตูรถกันสักคัน
มาคิดดูแล้วต้องตกใจด้วยหรอ? รถเมล์ไทยบางคันยังไม่ปิดประตูรถเลย ಠ_ಠ
หลังจากที่วุ่นวายอยู่กับการเดินไปคาร์ฟู ทั้งคนและรถดูพลุกพล่านกันมากจนดูวุ่นวายไปหมด ในที่สุดก็ถึงที่หมายสักที เราก็เข้าไปช็อปปิ้งหาขนมติดไม้ติดมือกลับบ้านกัน พี่กิตติก็แนะนำใหญ่เลยยี่ห้อนี้อร่อย อันนี้อย่าซื้อ ซื้อแบบนี้ดีกว่า ใครได้ของและชำระเงินเรียบร้อยแล้วก็ไปรอหน้าทางเข้า หลังจากนับคนว่าครบแล้วก็ต้องกลับโรงแรม ตอนแรกนึกว่าต้องเดินกลับเสียแล้ว แต่พี่กิตติหารถเมล์ไปส่งเราที่โรงแรมได้ เสียไปคนละ 2 อียิปต์ดอลล่าร์เป็นค่าโดยสาร ถือเป็นประสบการณ์ใหม่อีกแล้วที่ได้มานั่งรถแบบไม่ปิดประตู กลับโรงแรมแล้วเราก็จัดของเข้ากระเป๋าให้เรียบร้้อย พร้อมหลับฝันไปพร้อม Sound & Lightที่ยังคงตรึงใจยามค่ำคืน
To be continued...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in