สุสานคนงาน
จากวิหารเมดิเนต ฮาบู เราเดินทางต่อไปชมสุสานของหัวหน้าคนงานก่อสรา้งพีระมิดกันต่อ ซึ่งโปรแกรมนี้เพิ่งเพิ่มเข้ามาหลังจากที่เราไม่ได้ไปดูวิหารฟิเล
ทางขึ้นเพื่อเข้าสุสานคือทางชัน แห้งแล้ง แดดจัดมากจนบางคนบอกทนไม่ไหว ขอรออยู่ในรถดีกว่า ฉันคือต้องเอาผ้าโพกมาคลุมหน้าเอาไว้โดยด่วนเพราะไม่อยากให้เปลวแดดเลียหน้าจนเป็นฝ้ากระ
พอถึงทางเข้าคือก็ต้องแบ่งกลุ่มกันลงไปดูเพราะสุสานค่อนข้างแคบและเล็ก เดี๋ยวเข้าไปแย่งอากาศกัน ทางลงไปสุสานต้องเดินลบันไดหินที่ขั้นบันไดแคบและชัน สุสานที่เห็นคือบางส่วนสามารถยืนเต็มความสูงได้ บางส่วนก็ต้องย่อเพื่อเดินผ่าน ภาพฝาผนังเป็นจิตรกรรมที่ลงภาษาเฮียโรกลิฟฟิคกับรูปเถาองุ่นบนเพดานถ้ำ สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตหลังความตาย แทนที่จะเป็นการสรรเสริญหรือบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของฟาโรห์แบบที่ฉันเคยเห็นผ่านๆมา
เราเดินออกจากสุสานนี้ไปเข้าอีกสุสานหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกัน แต่สุสานแห่งนี้เป็นรูป T หัวตัว T คือหน้าทางเข้า ซึ่งทั้งสองฝั่งคือสลักอักษรตัวเล็กน่ารักไว้เต็มตลอดทาง หลุมศพคืออยู่ปลายสุดของตัว T ภาพส่วนใหญ่ที่จารึกไว้ก็เป็นรายละเอียดข้าวปลาอาหาร ของใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆแบบวิถีชาวบ้านๆ ก่อนออกจากสุสาน ฉันเกิดไอเดียว่าอยากถ่ายภาพติดบัตรกันดีกว่า เรียกพวกพี่ๆมาถ่ายรูปกัน ให้ยิ้มได้นิดนึงแบบไม่เห็นฟัน พอเสนอไอเดียเสร็จ ทุกคนก็สนองให้ ช่วยกันถ่ายรูปแท๊คกันใน Facebook อย่างสนุกสนานว่าใครเอยต่างพวกที่สุด
ตามเรื่องPrince of Egypt คิดว่าคนที่อยู่ในรูปจะมีคนยิวบ้างหรือเปล่า?
Great Temple of Karnak
ฉันเชื่อว่าใครที่เคยดูหนังเรื่อง Mummy Returns ต้องเคยได้ยินชื่อวิหารคาร์นัคนี้มาก่อนและต้องอยากลองมาดูวิหารนี้สักครั้งแน่ๆ ฉันรู้สึกว่าที่นี่ดูคล้ายกับวิหารลักซอร์อยู่บ้าง ลานโล่งด้านหน้าทางเข้ามีรูปปั้นสฟิงซ์หัวแกะเรียงตลอดทางจรดกำแพงวิหาร คอร์ดยาร์ดด้านในที่ล้อมด้วยเสากลมหัวเสาแบบต้นปาปิรุสอย่างอลังการงานสร้าง เสาต้นใหญ่ 2 - 3 คนโอบได้ สวยมากจริงๆ วิหารคาร์นัคเองก็มีรายละเอียดที่น่าสนใจอย่างอื่นอีกคือมีเสาโอเบลิสก์ของฟาโรห์หลายองค์ มีห้องบูชาด้านใน ซากปรักหักพังของวิหารส่วนที่เหลือ มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ว่ากันว่าเป็นที่อาบชำระร่างกายก่อนเข้าพิธีของนักบวช
ก่อนกลับคณะทัวร์เราก็ไม่ลืมเซลฟี่หมู่กันที่มุมประจำเดียวกับเมื่อคณะของปีก่อน ที่ตลกคือตอนเดินใกล้ทางออก ก็จะเป็นมุมสวยคือเป็นแนวเสาตลอดเส้นทางตรง ก็เกิดไอเดียถ่ายภาพพิสดารกันอีกแล้ว ถ่ายรูป 4 คนให้คนกระโดดเป็นตัวอักษร YMCA บ้าง ให้พี่ยูริกระโดดถีบพี่โอ๊ตบ้าง ท่าปล่อยพลังบ้าง คนอื่นในคณะก็ส่งเสียงเชียร์กันใหญ่ กระโดดกันจนหอบแฮ่กๆกันเลยทีเดียวกว่าจะได้ภาพที่พอใจ ทำไมทุกคนดูทุ่มเทกันขนาดนี้ 5555 พวกเราใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่าจริงๆในวิหารคารืนัค เพราะเหมือนเราจะเป็น กลุ่มคนสุดท้ายเลยที่ออกมาตอนวิหารจะปิดเชียวละ
ออกจากวิหารมาก็เป็นช่วงเย็นแล้ว พี่กิตติเลยพามากินในร้านอาหารที่ดูหรูหราใช้ได้ตามสไตล์อียิปต์ แต่ละคนจะได้เลือกอาหารจานหลักของตัวเองที่เลือกไว้ตั้งแต่เช้าบนรถบัส คือ กระต่าย ปลา นก เป็ด ไหนๆก็ได้ลองแล้วฉันอยากลองเนื้อกระต่ายดูว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนพี่สาวฉันก็เพลเซฟเลือกเป็ดเอาไว้ก่อนเพราะกลัวกินอย่างอื่นไม่ได้ จริงๆจะเลือกปลาก็ได้แต่มันไม่อิ่มไง! เขาก็มีเสิร์ฟเครื่องเคียง มีขนมปังให้ พอเจ้ากระต่ายน้อยที่เสิร์ฟในจานของฉันมาแล้ว ฉันว่ารสชาติใช้ได้เลยละ แต่ก็เนื้อน้อยไปสักหน่อย แต่เนื้อมันค่อนข้างนุ่มดีทีเดียว อาจจะเป็นเพราะว่ามันใช้ขากระโดดบ่อยๆหรือเปล่านาเนื้อเลยนุ่ม? บรรยากาศดีทีเดียว
แต่ก็มีเหตุให้ทุกคนขำขันกันอีกแล้ว พี่สาวฉันเป็นพวกกลัวนก เวลานางเห็นรูปพวกนกแรกเกิดหรือพวกที่ขนกำลังขึ้น นางจะขนลุกมากเพราะมันเป็นตุ่มๆมีขนกำลังแทงออกมาก น่าจะคล้ายๆกับคนที่เป็นโรคกลัวรูกระมัง แล้วเป็ดที่นางสั่งมากะว่ากินแบบเซฟๆ ปรากฎคือทางร้านเขาถอนขนแบบลวกๆแล้วเอามาทำอาหารให้กิน ขนาดฉันที่ไม่ได้กลัวอะไรแบบนี้ยังแอบแหยงเลย ถ้าเขาจะถอนแบเกลี้ยงบ้างไม่เกลี้ยงบ้างก็ไม่กระไร แต่นี่คือขนที่ยังคาหนังทั้งน่องเป็ดอยู่คือยาวเป็นเซนฯเลย นึกภาพขนเม่นเอาละกัน พี่สาวฉันร้องยี้ขึ้นมาเลย แล้วนางก็ลูบแขนลูบขาตัวเงใหญ่เพราะขนลุก ล่ามไปถึงขยี้หัวตัวเองไปด้วยเพราะขนลุกไปทั้งหัวเหมือนคนเจอผี 55555 ตอนแรกทุกคนงงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะนางชี้ให้ดูหนังเป็ดคือถึงบางอ้อ แล้วก็เริ่มหัวเราะกัน บางคนอาจจะคิดว่าเว่อร์กระมัง แต่ปฏิกิริยาพี่สาวของฉันมันก็ตลกจริงๆ จนทุกวันนี้ทริปจบไปตั้งนานแล้ว แต่บางคนก็ยังเอามาแซวขำๆกันอยู่เลย บอกว่าเดี๋ยวพาไปกินเป็ด 55555 กลายเป็นโจ๊กที่เอาไว้แซวเวลานัดเจอกันตลอดมา
"Remember the moments"
To be continued...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in