คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตที่เราจะถูกถามเสมอ แต่ก็ไม่ได้รำคาญนะ ชอบเวลาเห็นทุกคนทำหน้าตกใจว่าเราเรียนภาษาจีนมานานจัง แล้วเราจะทำให้เขาตกใจยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าเราเรียนมานานมาก แต่สกิลได้แค่ HSK 4 5555 แต่ไม่แคร์อะ คนเราการเรียนรู้มันไม่เหมือนกัน
จริงๆ เรากึ่งถูกบังคับให้เรียนภาษาจีนกลางตั้งแต่ 10 ขวบแล้ว เพราะครอบครัวเราเป็นคนจีน แน่นอนว่าตามประสาคนหัวดื้อ ปกติเราเรียนในห้องเรียนตั้งใจมากๆ แต่พอต้องมาเรียนพิเศษที่กึ่งถูกบังคับ ก็แทบไม่เรียนเลยแหละ ไม่ใช่ว่านั่งคุยในห้อง คอยป่วนอาจารย์ แต่เรียนภาษาแล้วไม่ทบทวนก็เท่ากับไม่ได้อะไร เราเรียนอยู่ 9 ปี จากป.4 ถึงปี 1 แต่รู้ศัพท์จริงๆ น่าจะแค่ HSK 1 มากกว่านั้นก็จำขีดไม่ได้ เป็นการลงทุนที่แม่น่าจะรู้สึกขาดทุนที่สุดในชีวิต เสียทั้งเงินและเวลาแต่ความรู้ในหัวลูกไม่มีเลย ยังดี เราได้เพื่อนสนิทมา 2 คนที่เป็นรุ่นเดียวกัน และยังคุยกันถึงทุกวันนี้ ตลกดี จริวๆ เรารู้สึกว่าตัวเองเข้ากับคนอื่นยาก ไม่เคยคิดจะได้เพื่อจากการเรียนพิเศษ แต่ก็ได้มา และในช่วงชีวิตหนึ่งก็เคยวนมาทำงานด้วยกัน แปลกดี
หลังจากจบมหาวิทยาลัยปี 1 เนื่องจากเราไม่ได้อะไรจากภาษาจีนเลย เราตัดสินใจล้มเลิกการเรียนภาษาจีน พอเถอะ 8 ปีเรียนมาไม่ได้อะไรน่าจะเกินเยียวยา เราตัดสินใจเปลี่ยนไปลงวิชาภาาษาเยอรมันในเทอมถัดไป เราลงทะเบียนเรียนได้ด้วย ไปแย่งชิงมาสำเร็จ แต่ไม่ได้เรียน เพราะวันสอบกลางภาควิชาภาษาเยอรมันชนกับวิชาในคณะ ห้องทะเบียนไม่ให้สอบเก็บตัวถ้าไม่ใช่นิสิตปี 4 เราก็ทำอะไรไ่ม่ได้นอกจากลดรายวิชาทิ้ง
พอขึ้นปี 3 เราตัดสินใจใหม่ว่าเอาวะ ลองดู ถ้าครั้งนี้ลงทะเบียนวิชาภาษาจีนได้ จะยอมกลับมาเรียนละกัน จริงๆ วิชาภาาษา 101 ไม่ว่าจะภาษาอะไร มันก็ลงทะเบียนยากประมาณนึง เพราะคนที่เขาพอรู้ภาษานั้น เขาก็จะมาเก็บ A และสุดท้าย เราลงได้ว่ะ ได้ในเวลาเรียนที่ต้องการอีก ไม่มีวันสอบไหนชนกับวิชาในคณะ ก็ต้องเรียนละแหละ สงสัยสวรรค์จะกำหนดไว้ 5555 เราว่าเราโชคดีที่วิชานี้เราเจออาจารย์ที่ดี อาจารย์ปูพื้นให่้ใหม่หมดเลย แต่เราก็มีแต้มต่อบ้างในเรื่องพินอินจากการเรียนมา 8 ปี อาจารย์แก้การออกเสียงให้ ค่อยๆ สอนไวยากรณ์ที่่เราเรียนมา 8 ปีไม่เคยเข้าใจเลยจนเราเข้าใจการวางประโยคของภาษาจีน เราเริ่มกลับมามีทัศนคติที่ดีกับภาษาจีนอีกครั้ง แถมช่วงปลายปี เราไปเจอซีรี่ย์จีนเรื่อง 欢乐颂 / Ode to Joy เป็นซีรี่ย์เกี่ยวกับผู้หญิง 5 คนที่อยู่อพาร์ทเม้นท์ชั้นเดียวกันมาเป็นเพื่อนกัน ออกแนวดราม่าหน่อยๆ มีทั้งเรื่องความรัก เรื่องการงาน เราชอบดูแนวนี้อยู่แล้ว ปรากฎว่าช่วงวันหยุดปีใหม่ทั้งมด เรานั่งดูแต่ซีรี่ย์เรื่องนี้แหละ มี 52 ตอนดูจนตาแฉะ ฟังจีนไม่ออกหรอก อ่านซับอังกฤษเอา ประโยคไหนที่ตัวละครพูดดี เราก็จดไว้ ทั้งจดภาษาจีนและภาษาอังกฤษ มาแกะว่าตัวจีนในประโยคอ่านว่าอะไร หมายถึงอะไร และปริ้นท์เนื้อเพลงประกอบซีรี่ย์มานั่งแปล แม่เจ้า ติดอะไรเบอร์นี้ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการดูซีรี่ย์ทำให้เรารู้ศัพท์เพิ่มขึ้นเยอะมาก จนพอเทอมถัดไปเรียนภาษาจีน 102 ต่อ เราพบว่าเราเรียนรู้ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมากๆ
พอจบมหาวิทยาลัย เราไม่ได้คิดว่าจะเรียนภาษาจีนต่อมั้ย เพราะไม่รู้งานจะยุ่งมั้ย แต่พอได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์งานที่สิงคโปร์ พบว่าคนที่ได้งานไปคือคนจีน และพบว่าในสายงานเรา ภาษาที่สามเป็นเรื่องสำคัญ เราก็เริ่มหันมาเอาจริงเอาจังมากขึ้นกับภาษาจีน
งานแรกที่เราได้ทำหลังเรียนจบเป็นงานในบริษัทจีนที่มาเปิดสาขาที่ไทย มีหัวหน้าเป็นคนจีนที่พูดอังกฤษได้ ต้องติดต่อประสานงา เอ้ย งาน กับคนจีน มีเพื่อนร่วมงานเป็นพี่ๆ เพื่อนๆ ที่จบสาขาภาษาจีน หรือจบจากจีนโดยทุนรัฐบาลไทย ทุนรัฐบาลจีน และทุนขงจื่อ ทีนี่เราเรียนรู้ศัพท์ภาษาจีน
ใหม่่ๆ เยอะมาก ตัวไหนไม่รู้ก็หันไปถามเพือนๆ พี่ๆ ทุกคนช่วยตอบเราทุกอย่าง ช่วยแก้ให้เราว่าต้องพูดแบบไหนถึงถูก สภาพแวดล้อมส่งเสริมการเรียนรู้มากๆ แถมคุยกับคนจีนทุกวันมันก็ต้องได้กลับมาบ้างอะ ไม่มากก็น้อย และโชคดีที่งานไม่ยุ่งมาก เราเลยเอาเวลาวันเสาร์ไปเรียนภาษาจีนต่อที่จุฬาฯ และได้เจออาจารย์ที่ดีมากๆ คอยผลักดัน สนับสนุนตลอด ตอนเรียนเราไม่เบื่อเลย อาจารย์มีกิจกรรมให้ทำตลอดเลย ความรู้สึกในการเรียนภาษาจีนเราเปลี่ยนไปจากตอนเด็กมากๆ หน้ามือเป็นหลังมือ แล้วช่วงนั้นเป็นช่วงที่ wetv เพิ่งมาเปิดตัวในไทย งานอดิเรกเรากลายเป็นการดูซีรี่ย์จีนไปโดยปริยาย เรื่องที่เราชอบมากๆ คือ อุ่นไอในใจเธอ กับ Le Coup De Foudre (我只喜欢你)เราบ้าขนาดนั่งดูไป เขินไป จดศัพท์ไป ได้ออกมาประมาณ 500 กว่าคำต่อเรื่อง แน่นอนว่าพอทำแบบนี้แล้ว เราก็ยิ่งอยากจะเรียนภาษาต่อไป
จนเราได้งานที่เราฝันไว้มานาน แต่สุดท้ายหลายๆ อย่างไม่ค่อยตรงกับที่ฝันหรอก เราเริ่มกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า ทำไมทุกครั้งที่เราแนะนำตัวให้คนอื่นรู้จัก เราได้แค่บอกเขาว่าเราพูดจีนได้ระดับสื่อสารทั่วไปนะ แบบแค่พอพูดได้บ้าง แต่ให้มาคุยธุรกิจจริงจัง เราทำไม่ได้ เมื่อไหร่กันนะที่เราจะพูดได้เต็มปากว่าเราพูดภาษาจีนได้ มันจะมีวันนั้นมั้ย หรือเราจะได้แต่บอกคนอื่นไปตลอดชีวิตว่าเราแค่พอพูดได้ พอคิดได้แบบนี้ เราก็รู้เลยว่าก้าวถัดไปของเรา เราจะขอทุนไปเรียนภาษาที่จีน และมากกว่าการได้ภาษา คือเราอยากใช้ชีวิตของตัวเอง
สรุปแล้ว ถ้าจะนับจริงๆ ว่าเราเรียนภาษามากี่ปี ก็ราวๆ 14-15 ปีละ และตอนนี้กำลังเรียนภาษาหลักสูตร 1 ปีอยู่ที่มหาวิทยาลัยถงจี้ เซี่ยงไ้ฮ้ ประเทศจีน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in