Saving Private Ryan เป็นเรื่องราวของทหารในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อครั้งบุกโจมตีในวันดีเดย์ ซึ่งหลังจากที่บุกขึ้นหาดได้สำเร็จสามวันให้หลังหน่วยเหนือได้เรียกร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์เข้าพบเพื่อมอบหมายภารกิจพิเศษให้ นั่นก็คือการติดตามตัวพลทหารเจมส์ ไรอันซึ่งเป็นลูกคนสุดท้องของตระกูลกลับบ้านเนื่องจากพี่ชายของเขาทั้งสามคนต้องเสียชีวิตจากการรบในเวลาไล่เรี่ยกันทางกองทัพต้องการตอบแทนคุณแม่ของไรอันด้วยการส่งลูกชายคนสุดท้องคืนสู่อ้อมอกเพื่อชดเชยการที่ต้องสูญเสียลูกชายไปพร้อมกันถึงสามคน ร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์จึงได้นำทีมของเขาเข้าทำภารกิจนี้ ซึ่งนับเป็นภารกิจที่เสี่ยงอันตรายมากและทำให้เกิดข้อสงสัยในทีมของ จอห์น ว่าทำไมถึงต้องเสียสละคนส่วนใหญ่เพื่อช่วยชีวิตคนเพียงคนเดียวที่งที่พวกเขาเองก็ต้องเอาชีวิตรอดจากสงครามกลับไปหาครอบครัวเหมือนกันพวกเขาต้องเจอกับเหตุการณ์มากมายทั้งต้องต่อสู้กับข้าศึกและยังคงต้องต่อสู้กับความสับสนในใจของตนเอง
โครงเรื่อง
เรื่องนี้มีโครงเรื่องรูปแบบ Classical Design หนังเรื่องนี้คือที่สุดแล้วของหนังสงครามมีครบทุกรสชาติทั้งมัน ซึ้ง สนุก เศร้า ดราม่า โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสูญเสียของกำลังทหารและชีวิตผู้คนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฉากเปิดเรื่องที่ยาวกว่า10 นาที ที่เป็นการบุกหาดโอมาฮ่าที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสมรภูมิที่สูญเสียที่สุดของกองทัพสหรัฐอเมริก
ความขัดแย้ง
ความขัดแย้งในเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ด้วยกันเกิดจากสงครามที่ยืดเยื้อมานานของ กองทัพสหรัฐอเมริกา กับ เยอรมัน
ภาวะวิกฤต
กองทัพสหรัฐได้ส่งจดหมายแสดงความเสียใจมาแก่คุณนายไรอัน แต่ทว่าในการพิมพ์จดหมายนั้น เสมียนผู้พิมพ์พบถึงความสูญเสียของตระกูลไรอันแล้ว 3 คนซึ่งยังเหลือเพียงบุตรชายคนสุดท้อง คือ พลทหาร เจมส์ ไรอัน (แมตต์ เดม่อน)ที่ตกอยู่ในแนวข้าศึกโดยไม่ทราบชะตากรรม จึงได้รายงานต่อผู้บังคับบัญชา (เดนนิสฟารีนา) ซึ่งได้ตัดสินใจให้พาพลทหารไรอันกลับบ้านมาอย่างปลอดภัย
ภาวะคลี่คลาย
ภารกิจนำพลทหารไรอันกลับบ้านจึงตกแก่กองกำลังของร้อยเอกมิลเลอร์ซึ่งมีผู้ใต้บังคับบัญชา 7 คน โดยที่แต่ละคนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเสี่ยงชีวิตคนส่วนใหญ่เพื่อชีวิตคน ๆ เดียวด้วยโดยที่ระหว่างทางพวกเขาต้องประสบกับความสูญเสียเป็นอย่างมาก ซึ่งในท้ายที่สุดหลายคนได้เสียชีวิตรวมทั้งร้อยเอกมิลเลอร์ด้วย แต่ก่อนตาย เขาได้บอกแก่ไรอันว่าใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ซึ่งไรอันได้จดจำและสำนึกในบุญคุณของมิลเลอร์ไปตลอด
ภาพยนต์เรื่องนี้เป็นประเภท
Drama - War
การตัดต่อ
หนังถ่ายทำตามลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง สตีเว่น สปีลเบิร์กผู้กำกับคิดว่าการถ่ายทำวิธีนี้จะช่วยให้นักแสดงอินกับเนื้อเรื่องและเหตุการณ์ได้มากขึ้นโดยเฉพาะการสูญเสียเพื่อนทหารไประหว่างทาง ที่เจ๋งมากๆคือมันช่วยให้เหล่านักแสดงเข้าใจความรู้สึกหงุดหงิดที่ตัวละครมีต่อ"ไรอัน" ที่ไม่ได้ร่วมเดินทางเสี่ยงตายด้วยกันได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in