สองทุ่มกว่าแล้ว แต่พระอาทิตย์ยังค่อยๆ เคลื่อนตัวลับขอบฟ้าไปอย่างอ้อยอิ่ง ลมหนาวเริ่มพัดเข้ามาแทนที่ ผู้คนบนสะพาน Academia บางตากว่าที่คิด พื้นที่มากมายพร้อมให้จับจอง ผมหามุมเหมาะๆ กางขาตั้งและเซ็ทกล้องอย่างใจเย็น รอช่วงทไวไลท์ที่ฟ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม วิวที่เคยเห็นมาเป็นร้อยครั้ง ต่างกันที่คราวนี้ผมเป็นคนกดชัตเตอร์มันมาด้วยตัวเอง ความสุขเล็กๆ ของคนชอบถ่ายรูป
เราใช้เวลากับวิวตรงหน้าอยู่นานเป็นชั่วโมง นั่งๆ ยืนๆ ดูผู้คนเดินผ่านไปมา แล้วหันมาถ่ายรูปเป็นระยะ บรรยากาศรอบตัวค่อยๆ มืดลง ซ้ายขวาของผมมีตากล้องหลากหลายเชื้อชาติแวะเวียนกันมาลั่นชัตเตอร์เก็บความประทับใจกันไม่ขาดสาย บางทีผมก็หยิบยื่นน้ำใจให้กับคู่รักที่ขาดไม้เซลฟี่ด้วยการอาสาเป็นตากล้องให้ หญิงสาวคนหนึ่งเดินมาหยุดมองวิวอยู่นาน ผมคิดว่าเธอกำลังบันทึกทุกอย่างที่กำลังเห็นและกำลังรู้สึกลงในความทรงจำของเธอ ที่อีกฝั่งของสะพาน หนุ่มนักดนตรีเปิดหมวกเดินถือกีต้าร์มาเปิดการแสดงเล็กๆ เสียงสนทนาหลากภาษาบน Ponte della Academia จึงได้ตัวโน๊ตขับกล่อม ให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุข
ผมมักเก็บหอมรอบริบวันหยุดเอาไว้ไปเที่ยวทริปยาวๆ ไปทีนึงก็ 10 วันขึ้นไป บางทีทะลุไป 20 กว่าวันก็มี และในจำนวนวันทั้งหมด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เราจะชอบทุกสถานที่ ทุกโมเม้นต์ที่เกิดขึ้น ในทริปนึงมันอาจจะมีช่วงเวลาเพียงไม่กี่โมเม้นต์ที่เป็นตัวแทนของความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้นในทริปครั้งนั้น เป็นความรู้สึกแรกๆ ที่เราเปิดเอารูปเก่าๆ มานั่งไล่ดู
ณ สะพานแห่งนี้ ในคืนนี้ นี่เป็นโมเม้นต์ที่ผมชอบมากที่สุดในทริป และเป็นค่ำคืนที่น่าจดจำมากๆ
หลังจากขาแข็งจากเวลาที่ยืน และมือสั่นจากอากาศที่เริ่มเย็นลงทุกที่ เราตัดสินใจไปเดินเล่นที่ Rialto bridge กันต่อ Vaporetto ในตอนนี้เหมือนเรือข้ามฝากรอบสุดท้ายในวันเสาร์อาทิตย์ที่คนโหลงเหลง และนักท่องเที่ยวที่หลงเหลืออยู่กลายเป็นชนกลุ่มน้อยในเรือ
ผมว่าเวนิสเป็นเมือง 2 บุคลิก ตอนกลางวันเวนิสเต็มไปด้วยความวุ่นวาย นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกทะลักผ่านสถานีรถไฟเข้ามา ส่วน Vaporetto ก็แน่นขนัดจนหาที่ยืนลำบาก และแถวยาวเฟื้อยปรากฎอยู่ทุกแห่งหน แต่เมื่อดวงอาทิตย์แปะมือเปลี่ยนเวรกับดวงจันทร์ นักท่องเที่ยวจะมลายหายไปกับสายน้ำ เวนิสกลายเป็นเมืองที่เงียบสงบ และมีเสน่ห์จนผมเชื่อว่าใครๆ ก็ต้องตกหลุมรัก เพื่อนส่วนใหญ่ของผมไปเที่ยวเวนิสแต่กลับไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ หลังจากเสร็จทริปนี้ ผมรีบกลับมาเชียร์ให้ไปซ้ำเลยด่วน ... แต่คราวนี้ลองค้างในเวนิสดูสักคืนสองคืน
Rialto เป็นย่านเดียวในเวนิสที่ยังคงคึกคักในยามดึกดื่นแบบนี้ สมกับความเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญของเวนิส แสงไฟจากร้านอาหารและคาเฟ่เลียบ Grand Canal ยังคงส่องสว่าง ผู้คนยังคงพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติในวงอาหารค่ำ กระเพาะของเราสองคนยังแน่นไปด้วยอาหารผิดเวลาที่เพิ่งทานมาในช่วงเย็น เราเลยตัดสินใจเลี้ยวเข้าร้านไอติม จัดเจลาโต้มาคนละโคน และเดินทางกลับที่พัก เป็นการปิดฉากค่ำคืนเจ๋งๆ ในเวนิสคืนนี้
つづく
พบกันใหม่ตอนต่อไป
ผู้พลาดพลั้งแห่งวันศุกร์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in