ผมรู้ว่าการออกท่องโลก ก็เหมือนกับการใช้ชีวิต มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีแต่เรื่องดีเข้ามา เบื้องหลังรูปสวยหลังกล้องที่เราอัพลงเฟซบุ๊คและอินสตาแกรม ย่อมมีความฉิบหายซุกซ่อนอยู่เสมอ เดินหลง โดนขโมย ทำ Passport หาย กล้องพัง โดนแท๊กซี่โกง เจอฝนเจอพายุ ตกเครื่องบิน เกิดอุบัติเหตุ …มันก็ต้องมีบ้าง และบางทีไอ้ความฉิบหายเหล่านั้นแหละจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น
เป็นเรื่องน่าแปลกที่ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องซวยๆ มักจะติดตรึงอยู่ในความทรงจำชนิดยากจะแกะออก
สามปีก่อนผมไปญี่ปุ่นครั้งแรก ตั้งใจจะไปเห็นหิมะด้วยตาตัวเอง แต่เจอจัดเต็มด้วยพายุหิมะ ตกเครื่อง กลายเป็นผู้ประสบภัยอยู่ในคาวากูชิโกะอยู่ 3 วัน กว่าจะใช้เวลาเกือบ 10 ชั่วโมง ติดรถบัสของกรุ๊ปทัวร์หนีออกมาได้สำเร็จ
ไปไอซ์แลนด์อยากเห็นแสงเหนือ โดนพายุหิมะเข้าไปอีกเหมือนกัน ขับรถฝ่าพายุอยู่ในหุบเขา เกือบลื่นตกทะเลตาย แถมแสงเหนือก็ต้องลุ้นกันตัวโก่งกว่าจะได้เห็น
ไปขับรถเที่ยวในออสเตรเลีย เครื่องบิน Delay 3 ชม. ไปรับรถที่จองไว้ไม่ทัน ทริปเกือบล่มสลาย
มาถึงทริปอิตาลีของผมกับเอกในคราวนี้ ความฉิบหายมาเยือนตั้งแต่ยังไม่ก้าวเท้าออกจากประเทศ
ผมสอยตั๋วเครื่องบินราคางดงามของ Qatar Airway มาได้ เส้นทาง กัวลาลัมเปอร์-อิตาลี-กรุงเทพ กดมาในราคาหมื่นสาม บวกจิ๊กซอว์ กรุงเทพ-กัวลาลัมเปอร์ของเจ้าสำนักหางแดง อีกพันกว่าบาท ทั้งหมดก็เกือบหมื่นห้า ในใจก็คิดว่าไม่เลวทีเดียว สำหรับการไปอิตาลีเป็นครั้งแรก
ผมนั่งเหม่อดูอีเมล์ยืนยันการจองใน inbox เหมือนเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ว่าในอนาคตอันใกล้ กูจะได้ไปเที่ยวแล้ว! จะได้มีกำลังใจก้มหน้าทำงานหนักเจ็ดวันต่ออาทิตย์ ไม่ลมปราณแตกซ่านเสียสติไปเสียก่อน
หลังจากวันนั้นคุณพี่ Qatar ก็ส่งเมล์มาเลื่อนไฟลท์เป็นประจำ …บินเร็วขึ้น 5 นาทีนะเธอ อีกอาทิตย์ส่งมาอีก…เลื่อนกำหนดการไป 10 นาทีนะเธอ สักพักส่งมาอีกและ….เลื่อนไปอีก 5 นาทีเน้อะ
โอ้ย มึงจะเลื่อนทำไมเยอะแยะเนี่ยไม่กี่นาทีเอง
สรุปไม่อ่านมันเลยแล้วกัน เผื่อเวลา Transit ไว้ตั้งเกือบ 3 ชั่วโมง ชิลๆ น่า
. . .
1 วันก่อนเดินทาง
ผมเช็คอินล่วงหน้าเรียบร้อย แต่พอพิมพ์ boarding pass ออกมาดูเท่านั้นแหละถึงกับร้องเสียงหลง
เฮ้ย!!! ทำไมเวลา transit ที่กัวลาลัมเปอร์มันเหลือแค่ 45 นาที!! (แปลกใจทำไมก็เอ็งไม่อ่านอีเมล์)
‘อืม อาจจะทันก็ได้นะ 45 นาทีถ้าเร่งเอาหน่อย’
คือต้องป่วยระยะไหน ถึงคิดว่า การผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง-เคลมกระเป๋าเป้-นั่งรถไฟจาก terminal 2 ไป terminal 1-เอากระเป๋าไปโหลด-ผ่านเครื่องแสกนความปลอดภัย-ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองอีกรอบ ทั้งหมดนี่จะเสร็จภายใน 45 นาที
ผมหยิบโทรศัพท์มาส่งไลน์ถามรุ่นพี่เพื่อสนับสนุนความหวังอันป่วยๆ ของผม ‘ไม่ทันหรอกพี่ว่า’
เอาวะ ขออีกคน! คราวนี้ส่งหาเพื่อน ‘ไม่ทันเว้ย มึงจะบ้าเหรอ 45 นาทีเนี่ยนะ’
ฮืออ ไม่มีใคร backup กูเลย
สุดท้ายผมลองโทรหา Airasia
“เปลี่ยนเวลาภายใน 24 ชั่วโมงไม่ได้ค่ะ ต้องทำรายการใหม่” นั่นคือคำตอบที่ได้รับ ซึ่งแปลว่าต้องซื้อตั๋วใหม่สินะ
ผมวางมือถือ เปิดโน๊ตบุ๊ค รัวคีย์บอร์ด ตั๋วถูกที่สุดซึ่งปรากฎในหน้าจอราคาเกือบสามพัน คูณสองก็เกือบหกพัน!!!
เอ๊ะ หรือว่า 45 นาทีจะทัน!
“ไม่ทัน!!! ซื้อไปเห่อะ เดี๋ยวตกเครื่องที่นั่นแล้วเรื่องจะยาวกว่าเดิม” เอกยืนยันเสียงแข็ง
ผมกรอกข้อมูลด้วยความหงุดหงิดตัวเอง เจ็บใจก็เจ็บใจ ทั้งๆ ที่ถ้าเช็คข้อมูลล่วงหน้าสัก 2–3 วัน ยังพออาจจะขอเลื่อนตั๋วโดยแลกกับค่าธรรมเนียมนิดหน่อย ยังไงก็ถูกกว่าซื้อตั๋วใหม่ทั้งหมดแบบนี้
เฮ้อ… ฉิบหายจริงๆ เลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in