ลำดับการลงสกินแคร์ที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม ทั้งที่จริงแล้วเป็นพื้นฐานสำคัญของการดูแลผิว ไม่ว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ดีแค่ไหน ถ้าลงผิดลำดับก็อาจทำให้ผิวดูดซึมสารบำรุงได้น้อยลง หรือเกิดอาการระคายเคืองโดยไม่รู้ตัวค่ะ
ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักลำดับการลงสกินแคร์ที่ถูกต้อง ทั้งตอนเช้าและกลางคืน พร้อมเคล็ดลับในการลงหรือเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับแต่ละสภาพผิว พร้อมแชร์ลำดับการลงสกินแคร์ที่ผิดพลาดบ่อย และวิธีแก้ให้ถูกต้อง เพื่อผลลัพธ์ผิวใสดูสุขภาพดี
คลิกอ่านหัวข้อ ลำดับการลงสกินแคร์
- ทำไมลำดับการลงสกินแคร์ถึงสำคัญ
- ลำดับการลงสกินแคร์ตอนเช้า ควรเรียงแบบไหนก่อนหลัง ?
- ลำดับการลงสกินแคร์กลางคืน ฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึกขณะนอน
- ลำดับการลงสกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิวแต่ละประเภท
ㅤㅤ- ผิวแห้ง (Dry Skin)
ㅤㅤ- ผิวมัน (Oily Skin)
ㅤㅤ- ผิวผสม (Combination Skin)
ㅤㅤ- ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin)
ㅤㅤ- ผิวเป็นสิว (Acne-Prone Skin)
- ลำดับการลงสกินแคร์ที่ผิดพลาดบ่อย และวิธีแก้ให้ถูกต้อง
- สรุป ลำดับการลงสกินแคร์ ที่ควรทำตาม
การบำรุงผิวไม่ใช่แค่การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี แต่การเรียงลำดับการลงสกินแคร์ให้ถูกต้องก็มีบทบาทสำคัญมาก เพราะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์และสุขภาพผิวในระยะยาว ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1. ช่วยให้สารบำรุงทำงานได้เต็มที่
ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบา เช่น เซรั่มหรือเอสเซนส์ ควรลงก่อนครีมที่มีเนื้อเข้มข้น หากลงผิดลำดับ เนื้อครีมจะกลายเป็นเกราะที่ปิดผิว ทำให้สารบำรุงไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้
2. ลดความเสี่ยงจากการระคายเคือง
บางส่วนผสม เช่น กรดผลไม้ หรือเรตินอล ต้องลงในขั้นที่เหมาะสม เพื่อให้ซึมในระดับที่ผิวรับไหว การเรียงลำดับผิดอาจทำให้ผิวแดง ลอก หรือระคายเคืองได้ง่ายขึ้น
3. ป้องกันการตีกันของส่วนผสม
มีส่วนผสมบางประเภทที่ไม่ควรใช้พร้อมกัน เช่น วิตามินซี กับกรด AHA หรือเรตินอล การวางลำดับให้เหมาะสมช่วยให้แต่ละส่วนผสมออกฤทธิ์ได้ดี ไม่แย่งกันทำงาน
4. ช่วยล็อกความชุ่มชื้นไว้ในผิว
เมื่อเริ่มจากผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำเป็นหลัก แล้วค่อยตามด้วยเนื้อครีมหรือออยล์ จะช่วยล็อกความชุ่มชื้นไว้ใต้ผิว ทำให้ผิวนุ่มฟู ไม่แห้งง่าย และดูอิ่มน้ำยาวนาน
5. ใช้ผลิตภัณฑ์ได้คุ้มค่ากว่าการลงแบบสุ่ม
สกินแคร์บางตัวราคาไม่เบา การลงในลำดับที่ถูกต้องจึงเปรียบเหมือนการใช้ของแพงให้ได้ผลเต็มที่ ไม่เสียเปล่าค่ะ
การบำรุงผิวในช่วงเช้า มีเป้าหมายเพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับมือกับแสงแดด มลภาวะ และสภาพอากาศที่อาจทำให้ผิวอ่อนแอลง การเรียงลำดับการลงสกินแคร์ให้ถูกต้องจึงมีความสำคัญ เพราะจะช่วยให้แต่ละผลิตภัณฑ์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพค่ะ
ลำดับการลงสกินแคร์ตอนเช้า
1. คลีนเซอร์ (Cleanser) ล้างสิ่งสกปรก เหงื่อ และความมันที่สะสมขณะนอนหลับ เพื่อเปิดผิวให้พร้อมรับการบำรุง
2. โทนเนอร์ / น้ำตบ / เอสเซนส์เนื้อใส เติมน้ำให้ผิวทันทีหลังล้างหน้า ช่วยปรับสมดุลและเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับเซรั่มในขั้นถัดไป
3. เซรั่มบำรุง (Serum) บำรุงลึกด้วยสารเข้มข้น เช่น วิตามิน C, Niacinamide หรือ Hyaluronic Acid เพื่อช่วยให้ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื้น และลดเลือนปัญหาต่าง ๆ
4. อายครีม (Eye Cream) บำรุงรอบดวงตาที่บอบบาง ลดรอยคล้ำและชะลอการเกิดริ้วรอยบริเวณใต้ตา
5. มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) ล็อกความชุ่มชื้นและสารบำรุงไว้ภายในผิว พร้อมเสริมปราการผิวให้แข็งแรงตลอดวัน
6. ครีมกันแดด (Sunscreen) ขั้นตอนสำคัญที่สุดในตอนเช้า ช่วยป้องกันรังสี UV, แสงสีฟ้า และมลภาวะ ป้องกันการเกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และผิวหมองคล้ำในระยะยาว
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
- ควรเว้นระยะประมาณ 30–60 วินาทีระหว่างแต่ละขั้น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ซึมเข้าสู่ผิวได้ดี
- เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA เหมาะกับกิจกรรมในแต่ละวัน
- หากแต่งหน้า ให้เว้นหลังลงกันแดดอย่างน้อย 2–3 นาที เพื่อไม่ให้รองพื้นกลบประสิทธิภาพของกันแดด
การบำรุงผิวในช่วงเวลากลางคืน เป็น Golden Time ของการฟื้นฟูผิว โดยเฉพาะตั้งแต่เวลา 22.00-02.00 น. เพราะร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ขณะหลับ ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมผิวและสร้างคอลลาเจนใหม่ การลงสกินแคร์ตามลำดับที่เหมาะสมจึงช่วยเสริมกระบวนการฟื้นฟูตามธรรมชาติ ให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู และดูสุขภาพดีในตอนตื่นเช้าค่ะ
ลำดับการลงสกินแคร์ตอนกลางคืน
1. คลีนซิ่ง (Cleansing Oil / Balm / Water) เช็ดเครื่องสำอาง ครีมกันแดด และความมันที่ตกค้างตลอดวัน ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดสิวและรูขุมขนอุดตัน
2. คลีนเซอร์ (Cleanser) ล้างหน้าด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้า เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่ละลายน้ำ และเตรียมผิวให้สะอาดก่อนการบำรุง
3. โทนเนอร์ / น้ำตบ / เอสเซนส์ ช่วยเติมน้ำให้ผิวทันทีหลังล้างหน้า พร้อมปรับสมดุลผิวให้กลับสู่สภาพปกติ และช่วยให้การซึมซับของเซรั่มในขั้นตอนถัดไปดีขึ้น
4. เซรั่มบำรุง (Serum / Ampoule) บำรุงผิวลึกด้วยสารเข้มข้น เช่น เรตินอล, เปปไทด์, วิตามิน C หรือ Niacinamide เพื่อซ่อมแซมผิว รักษาสิว และลดเลือนริ้วรอย
5. อายครีม (Eye Cream) ลดความหมองคล้ำรอบดวงตา ช่วยชะลอริ้วรอยและคงความชุ่มชื้นให้ผิวที่บางบริเวณรอบดวงตา
6. มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) ล็อกความชุ่มชื้น และเสริมปราการผิวให้แข็งแรง ลดการสูญเสียน้ำขณะนอนหลับ ทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน
7. สลีปปิ้งมาสก์ / ออยล์ (Sleeping Mask / Facial Oil) (ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกคืน) เพิ่มการบำรุงขั้นสุดท้าย ช่วยเคลือบผิวให้นุ่มชุ่มชื้นตลอดคืน เหมาะสำหรับผิวแห้งหรือวันที่ผิวอ่อนล้าเป็นพิเศษ
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
- หากมี สกินแคร์ผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA/BHA ควรใช้ในขั้นหลังโทนเนอร์ และไม่เกิน 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์
- สำหรับคนเริ่มใช้ เรตินอล แนะนำให้ใช้สลับวัน และตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อลดการระคายเคือง
- ควรพักผิวประมาณ 30–60 วินาทีระหว่างแต่ละขั้นตอน เพื่อให้เนื้อผลิตภัณฑ์ซึมได้ดีขึ้น
แม้ลำดับการลงสกินแคร์พื้นฐานจะคล้ายกัน เช่น เริ่มจากล้างหน้า → บำรุง → ปกป้อง แต่สภาพผิวแต่ละประเภทมีความต้องการที่ต่างกัน การเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะ และจัดลำดับการลงสกินแคร์อย่างเหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การบำรุงผิวได้ผลชัดเจนมากขึ้น ลองมาดูกันค่ะว่าแต่ละสภาพผิว ควรเรียงลำดับการลงสกินแคร์อย่างไรบ้าง
เป้าหมาย : เติมความชุ่มชื้น ฟื้นฟูปราการผิวให้แข็งแรง ลดอาการแห้งลอก
สำหรับผิวแห้ง สิ่งสำคัญคือการเติมน้ำให้ผิวจากภายใน พร้อมเคลือบผิวชั้นนอกไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น การเลือกผลิตภัณฑ์ควรเน้นส่วนผสมที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว เช่น Ceramide, Hyaluronic Acid, Squalane หรือ Shea Butter และควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารที่อาจทำให้ผิวแห้งมากขึ้น
ลำดับการลงสกินแคร์ที่แนะนำสำหรับผิวแห้ง
1. คลีนเซอร์ : เลือกสูตรอ่อนโยน ไม่มีฟองมาก ล้างแล้วผิวนุ่ม ไม่ตึง
2. โทนเนอร์ / น้ำตบ : ควรมีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้น เช่น Glycerin, Panthenol
3. เซรั่มบำรุง : เน้นเติมน้ำให้ผิว เช่น Hyaluronic Acid, Ceramide
4. มอยส์เจอไรเซอร์ : ใช้เนื้อครีมหรือบาล์ม เพื่อเคลือบผิวและลดการสูญเสียน้ำ
5. กันแดด (ตอนเช้า) : ควรเลือกเนื้อครีมที่ให้ความชุ่มชื้น พร้อมปกป้องผิวจากรังสี UV
6 สลีปปิ้งมาสก์ / ออยล์ (ตอนกลางคืน) : ใช้บางคืนเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นยาวนาน
การลงสกินแคร์อย่างถูกลำดับในผิวแห้ง จะช่วยให้ผิวไม่ลอก ไม่แสบตึง และกลับมาดูนุ่มฟู แข็งแรงมากขึ้นในระยะยาวค่ะ
เป้าหมาย : คุมความมัน เสริมความสมดุล ไม่อุดตันรูขุมขน
ผิวมันไม่ใช่ผิวที่ไม่ต้องการความชุ่มชื้น แต่เป็นผิวที่ต้องการการดูแลอย่างสมดุล เพื่อไม่กระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น การเลือกผลิตภัณฑ์จึงควรเน้นเนื้อบางเบา ไม่อุดตันรูขุมขน (Non-comedogenic) และมีส่วนผสมช่วยควบคุมความมัน เช่น Niacinamide, Zinc, BHA (Salicylic Acid)
ลำดับการลงสกินแคร์ที่แนะนำสำหรับผิวมัน
1. คลีนเซอร์ : ใช้สูตรควบคุมความมันที่อ่อนโยน เช่น เจลล้างหน้าไม่มีแอลกอฮอล์
2. โทนเนอร์ / น้ำตบ : เน้นสูตรกระชับรูขุมขน หรือมี BHA เพื่อช่วยลดความมันและสิ่งอุดตัน
3. เซรั่มบำรุง : เลือกสูตรที่ช่วยลดความมัน เช่น Niacinamide หรือ Zinc PCA
4. มอยส์เจอไรเซอร์ : ใช้เนื้อเจลหรือโลชั่นที่ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
5. กันแดด (ตอนเช้า) : เลือกสูตร Oil-Free หรือ Matte Finish เพื่อลดความมันวาวระหว่างวัน
6. ยาทารักษาสิว (ถ้ามี) : แต้มเฉพาะจุดก่อนลงมอยส์เจอไรเซอร์ หรือหลังเซรั่มตามความเหมาะสม
การบำรุงผิวมันไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงครีมทุกอย่าง แค่เลือกให้เหมาะกับผิว และลงให้ถูกลำดับ ก็ช่วยให้ผิวสมดุลขึ้น คุมมันได้ดีขึ้น และลดการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
เป้าหมาย : ควบคุมความมันเฉพาะจุด + เติมความชุ่มชื้นบริเวณที่แห้ง
ผิวผสมมักมีลักษณะมันบริเวณ T-zone (หน้าผาก จมูก คาง) แต่แห้งลอกบริเวณแก้มหรือข้างจมูก จึงต้องดูแลผิวแบบ "บาลานซ์" คือควบคุมความมันในจุดที่มัน และบำรุงความชุ่มชื้นในจุดที่แห้ง การเลือกผลิตภัณฑ์ควรเป็นสูตรสมดุล ไม่มัน ไม่แห้งเกินไป และใช้ปริมาณในแต่ละบริเวณให้เหมาะสม
ลำดับการลงสกินแคร์ที่แนะนำสำหรับผิวผสม
1. คลีนเซอร์ : เลือกสูตรอ่อนโยน คุมมันเล็กน้อยโดยไม่ทำให้ผิวแห้ง
2. โทนเนอร์ / น้ำตบ : ใช้สูตรชุ่มชื้นที่บางเบา เพื่อไม่เพิ่มน้ำมันส่วนเกิน
3. เซรั่มบำรุง : เลือกสูตรที่ให้ความชุ่มชื้นพร้อมคุมมัน เช่น Niacinamide + Hyaluronic Acid
4. มอยส์เจอไรเซอร์ : ใช้เนื้อเจลหรือครีมบางเบา หากบริเวณแก้มแห้งมาก สามารถทาซ้ำเฉพาะจุดได้
5. ครีมกันแดด (ตอนเช้า) : เลือกสูตรที่ซึมไว ไม่เหนียว ไม่ทำให้หน้ามันเพิ่ม
6. ทรีตเมนต์เฉพาะจุด (ถ้ามี) : หากมีสิวเฉพาะบางจุด สามารถใช้แต้มเฉพาะบริเวณ T-zone ได้โดยไม่ต้องลงทั่วใบหน้า
การดูแลผิวผสมให้ได้ผล คือการฟังผิวตัวเองให้ดี แล้วเลือกผลิตภัณฑ์และปริมาณให้เหมาะในแต่ละบริเวณ เพื่อให้ผิวทั้งหน้าอยู่ในภาวะสมดุล ไม่มัน ไม่แห้ง และไม่เป็นขุยค่ะ
เป้าหมาย : ลดการระคายเคือง บำรุงอย่างอ่อนโยน เสริมเกราะผิว
ผิวแพ้ง่ายมักไวต่อสารกระตุ้น เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ กรดผลไม้ หรือแม้กระทั่งอุณหภูมิและฝุ่นละออง การเลือกสกินแคร์จึงต้องเน้นความอ่อนโยนที่สุด ใช้ส่วนผสมให้น้อย ชัดเจน และไม่รบกวนสมดุลผิว การจัดลำดับสกินแคร์ให้ถูกต้องจะช่วยลดโอกาสระคายเคืองและทำให้ผิวฟื้นตัวได้ดีขึ้น
ลำดับการลงสกินแคร์ที่แนะนำสำหรับผิวแพ้ง่าย
1. คลีนเซอร์ : สูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และ SLS (สารทำฟองแรง ๆ)
2. โทนเนอร์ / น้ำตบ : เลือกสูตรไม่มีแอลกอฮอล์ เน้นสารปลอบประโลมผิว เช่น Centella Asiatica, Panthenol, Allantoin
3 เซรั่มบำรุง : ใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมลดการอักเสบ เช่น Madecassoside, Beta-Glucan, หรือ Ceramide เพื่อเสริมเกราะผิว
4. มอยส์เจอไรเซอร์ : เลือกสูตร Minimal Ingredients ไม่มีสารก่อการระคายเคือง เนื้อสัมผัสเนียนลื่นไม่ต้องถูแรง
5. ครีมกันแดด (ตอนเช้า) : แนะนำแบบ Physical Sunscreen ที่มี Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide ซึ่งไม่ดูดซึมเข้าสู่ผิว ลดโอกาสระคายเคือง
6. เว้นการใช้สารผลัดเซลล์ / เรตินอล / วิตามิน C บริสุทธิ์ : หากจำเป็นต้องใช้ ควรเริ่มจากปริมาณต่ำสุด และใช้เว้นวัน
การดูแลผิวแพ้ง่ายคือการ “ค่อยเป็นค่อยไป” ไม่จำเป็นต้องลงหลายชั้นหรือเปลี่ยนสกินแคร์บ่อย ๆ แค่เรียงให้ถูก ใช้ให้พอดี และเน้นการเสริมเกราะผิว ผิวก็จะค่อย ๆ แข็งแรงขึ้นโดยไม่ต้องเสี่ยงกับอาการแพ้ค่ะ
เป้าหมาย : ลดการอุดตัน ป้องกันการอักเสบ รักษาสิวโดยไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป
การดูแลผิวเป็นสิวไม่ใช่แค่การใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเน้นความสมดุลของผิวควบคู่กันไป เพื่อไม่ให้ผิวแห้งเกิน จนยิ่งกระตุ้นการผลิตน้ำมัน และก่อให้เกิดสิวซ้ำ การเลือกสกินแคร์ต้องเน้นสูตรที่ไม่อุดตัน (Non-comedogenic) มีสารลดการอักเสบ และช่วยปลอบประโลมผิวไปพร้อมกัน
ลำดับการลงสกินแคร์ที่แนะนำสำหรับผิวเป็นสิว
1. คลีนเซอร์ : ใช้สูตรสำหรับผิวเป็นสิว มีส่วนผสมอย่าง Salicylic Acid (BHA) หรือ Tea Tree ช่วยลดการอุดตันและแบคทีเรีย
2. โทนเนอร์ / น้ำตบ : เลือกสูตรที่ช่วยปลอบผิว ไม่ระคายเคือง เช่นมี Witch Hazel, Zinc PCA หรือ Niacinamide
3. เซรั่มบำรุง : เลือกสูตรที่ลดการอักเสบ เช่น Niacinamide, Centella Asiatica, หรือ Propolis เพื่อช่วยให้สิวยุบเร็วและลดรอยแดง
4. ทรีตเมนต์สิวเฉพาะจุด (Spot Treatment) : แต้มยารักษาสิว เช่น Benzoyl Peroxide หรือ Retinoid เฉพาะบริเวณที่เป็นสิวเท่านั้น
5. มอยส์เจอไรเซอร์ : ใช้สูตรเบาบางที่ช่วยให้ผิวไม่ขาดน้ำ เช่น Oil-Free Gel Cream หรือสูตรที่มี Hyaluronic Acid
6. ครีมกันแดด (ตอนเช้า) : ใช้สูตร Non-comedogenic ไม่ก่อการอุดตัน และเป็นเนื้อเจลหรือฟลูอิดที่ไม่เหนอะหนะ
สำหรับผิวเป็นสิว การใช้ผลิตภัณฑ์ต้องมีความอ่อนโยนและต่อเนื่อง อย่าล้างหน้าบ่อยเกินไปหรือใช้ของแรงเกินจำเป็น เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองและยิ่งเกิดสิวมากขึ้นได้ค่ะ การลงสกินแคร์ตามลำดับที่เหมาะสมจะช่วยควบคุมสิว พร้อมฟื้นฟูให้ผิวกลับมาแข็งแรงขึ้นในระยะยาว
แม้จะลงสกินแคร์ครบทุกขั้นตอน แต่หากเรียงลำดับผิดพลาดก็อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง หรือเกิดปัญหาผิวตามมาแบบไม่รู้ตัว ลองมาดูว่าพฤติกรรมที่หลายคนมักทำผิดมีอะไรบ้าง พร้อมวิธีแก้ให้ถูกต้องในแต่ละข้อกันค่ะ
❌ ลงครีมเข้มข้นก่อนเซรั่ม
ปัญหา : เซรั่มไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ เพราะถูกครีมเนื้อหนักปิดผิวไว้ก่อน วิธีแก้ : ควรเรียงตามหลัก “เนื้อบาง → เนื้อเข้มข้น” เสมอ เช่น น้ำตบ → เซรั่ม → ครีม
❌ ข้ามขั้นตอนโทนเนอร์หรือน้ำตบ
ปัญหา : ผิวอาจยังแห้งตึงหลังล้างหน้า ทำให้เซรั่มซึมไม่ดี และรู้สึกระคายเคืองง่าย วิธีแก้ : ใช้น้ำตบหรือโทนเนอร์ทันทีหลังซับหน้าให้แห้ง เพื่อเติมน้ำและปรับ pH ผิวให้พร้อมรับการบำรุง
❌ ลงกันแดดก่อนมอยส์เจอไรเซอร์
ปัญหา : กันแดดอาจถูกครีมด้านบนทำให้เจือจางลง ประสิทธิภาพในการป้องกันแสงลดลง วิธีแก้ : กันแดดควรเป็น ขั้นตอนสุดท้ายในตอนเช้า ก่อนแต่งหน้า เพื่อให้เกราะปกป้องผิวทำงานได้เต็มที่
❌ ใช้เรตินอลพร้อมกรด AHA/BHA ในคืนเดียวกัน
ปัญหา : ผิวเกิดการระคายเคือง แดง แห้งลอก เพราะสารทั้งสองกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวมากเกินไป วิธีแก้ : แยกใช้คนละคืน เช่น คืนวันจันทร์ใช้เรตินอล คืนวันพุธใช้ AHA และเว้นคืนบำรุงทั่วไปให้ผิวได้พัก
❌ ใช้หลายเซรั่มซ้อนโดยไม่รู้ว่าสารใด “ตีกัน”
ปัญหา : ส่วนผสมบางชนิดหากใช้พร้อมกันจะลดประสิทธิภาพกันเอง หรืออาจระคายเคืองผิว วิธีแก้ : ศึกษาส่วนผสมก่อนจับคู่ เช่น
- Niacinamide + วิตามิน C บริสุทธิ์ → ใช้ต่างช่วงเวลา
- Retinol + AHA → ไม่ควรใช้พร้อมกัน
- วิตามิน C + Ferulic Acid → ใช้ด้วยกันได้ ดีต่อผิว
❌ ลงผลิตภัณฑ์เร็วเกินไปโดยไม่รอให้แต่ละชั้นซึม
ปัญหา : ผิวรับไม่ทัน เกิดการ “กลิ้งเป็นขุย” หรือเหนอะผิว วิธีแก้ : เว้นระยะห่างระหว่างแต่ละขั้น 30–60 วินาที ให้ผลิตภัณฑ์ซึมเข้าสู่ผิวก่อนลงชั้นถัดไป
❌ ใช้ครีมกลางคืนแทนครีมกันแดดในตอนเช้า
ปัญหา : ครีมกลางคืนไม่มีสารกันแดด ไม่สามารถป้องกันรังสี UV ได้ ส่งผลให้เกิดฝ้าและริ้วรอยง่ายขึ้น วิธีแก้ : ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF/PA เหมาะกับกิจกรรมกลางวันเสมอ ไม่ควรใช้ครีมทั่วไปมาทดแทน
ลำดับการลงสกินแคร์ที่ถูกต้องเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผิวได้รับสารบำรุงอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าหรือตอนกลางคืน หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิว และเรียงลำดับให้ถูกต้อง ผิวก็จะดูสุขภาพดี สดใส และแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นผลค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in