เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ทริปเกาหลีมีติ่งWIDEWORLDtinyme
ติ่งที่ไม่รู้ว่าปูซานลมแรงม้ากกกกกกกกก
  • อยากจะใส่ ก ไก่สักล้านตัวตรงหัวเรื่อง เมื่อพวกเราลงเหยียบแผ่นดินเกาหลี ฉัน"สมฝ้าย" ผู้ไม่เคยเยือนแดนกิมจิ กับนุ้งแอร์และก๊อปแก๊ปสองสาวที่มาเยือนแดนนี้เป็นครั้งที่สาม แต่เพิ่งมาเหยียบปูซานครั้งแรก

    พวกเรารู้สึกว่าเย็นๆนะ แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันหนาวเย็นสักเท่าไร เพราะจริงๆก่อนมาก็มีความเชื่อที่ไม่น่าจะผิดว่า ปูซานน่าจะหนาวน้อยกว่ากรุงโซล แถมฉันอ่านเจอเพื่อนที่มาถิ่นปูซานก่อนหน้าฉันแค่สัปดาห์เดียวโพสในเฟซบุ๊คว่าออกจะร้อนนิดๆด้วยซ้ำ พวกเราเลยคิดว่า เออ มันคงไม่หนาวขนาดนั้นมั้ง

    ซึ่งเอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ได้รู้สึกหนาวขนาดไหน ตอนเดินหาโฮสเทล ซึ่งเดินหลงไปมาหาไม่เจอ ทั้งถามป้าเกาหลีหน้าบึ้งแต่ก็เป็นห่วงเดินมาบอกทางเรา ถามอากู๋เกิ้ลที่แปลกประหลาดบอกให้เราขึ้นรถอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมบอกให้เราเดินทั้งๆที่ถ้าเดินก็แค่ 6 นาที งงกับมันจริงๆ สุดท้ายได้ความช่วยเหลือจากคุณตำรวจท่องเที่ยว ก็ทำให้เราหาโฮสเทลเจอจนได้

    เมื่อฝากกระเป๋าอะไรเรียบร้อย แผนวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า การไปกินอาหารทะเลที่ตลาดแถวนั้น แล้วก็หาคาเฟอินเข้าเลือดสักนิด (ขาดกาแฟแล้วมันฟังก์ชั่นไม่ได้ อันนี้คนนิยมกาแฟน่าจะเข้าใจกันดี) หลังจากนั้นจะนั่งรถเมล์ไปอุทยานแทจงแด (ซึ่งปลายทางนี้แหละ ที่อยากจะขึ้นไปใส่ ก ไก่เพิ่มไปอีกตรงหัวเรื่องนะคะ)

    เราเดินไป Jagalchi Fish Market ซึ่งเขาว่าเป็นตลาดปลาที่ใหญ่ของปูซาน เราไม่ได้มีร้านอะไรที่อ่านรีวิวมาเป็นพิเศษว่าต้องกิน ก็เลยเดินเรื่อยๆไปตรงตึกที่มีร้านอาหารอยู่ชั้นสอง พอเดินขึ้นบันไดมา เราก็ถูกสาวเกาหลีร้านแรกดักเราเอาไว้ เนื่องจากถึงเวลาที่อาหารควรตกถึงท้อง แล้วก็โนไอเดีย ไม่รู้จะกินร้านไหน เราก็เลยตกลงปลงใจกับสาวและป้าเกาหลี ที่คุยไปคุยมาทีหลัง ถึงรู้ว่าสาวคนเสิร์ฟเป็นคนจีน (คิดดูคุยกันคนละภาษา แต่เข้าใจกันได้ นี่แหละความอเมซซิ่งของการเดินทาง)

    เมนูหลักที่สั่งไปคือต้มแซ่ปทะเล (แปลไทยจาก Seafood Spicy Soup นะฮับ) น้ำซุปจะเหมือนว่าแซ่ป แต่เอาเข้าจริงๆ กินแล้วต้มยำไทยแซ่บกว่าเยอะ แต่ที่นี่ได้ความดีงามของความสด รู้สึกได้ถึงความสดของอาหารทะเล ซึ่งแน่นอนนะ ก็ตลาดปลามันอยู่ติดทะเลซะขนาดนี้อ่า ถ่ายวีดีโอเอาไว้เพื่อให้ได้อารมณ์ความร้อนๆ เดือดๆ ของทะเลสดๆ คือกินตอนหนาวๆ มันฟินนะ


    อิ่มแล้วก็เดินหากาแฟเพื่อไปหมุนวาล์วในตัวให้ทำงานซะที เพื่อนร่วมทริปผู้เคยมาเกาแล้วชี้ชวนให้ไปกินกาแฟร้านแฟรนไชส์นามว่า Paris Baguette ซึ่งฉันก็สั่งเมนูโปรดอย่าง Caramel Macchiato ร้อน เพื่อเป็นการพิสูจน์ไปเลยว่าร้านนี้จะทำถูกใจไหม

    ซึ่งสิ่งที่ได้มาคือความตื่นตาตื่นใจของแก้วที่เขาใส่กาแฟมา อะไรจะน่าร้ากกกกกกกกกก ขนาดนี้คะ

    สำหรับรสชาติกาแฟก็ถูกใจมากๆ คืออร่อยประทับใจตั้งแต่แรกชิม แต่ความประหลาดของกาแฟเจ้านี้คือ พอวันต่อมา เพื่อนฉันสั่งเมนูนี้เด๊ะ แต่สาขาอื่น กลับรู้สึกว่าไม่อร่อยเท่าสาขาที่เรากินกันวันแรก ก็แปลกดี

    หลังจากถามทางน้องพนักงานที่ร้านว่าเราควรขึ้นรถเมล์จากป้ายไหนเพื่อไปอุทยานแทจงแด เราก็เดินออกมารอขึ้นรถที่สักพักก็มา นั่งรถไปได้พักใหญ่ๆ ก็ลงแล้วก็พบกับความเหน็บหนาวของจริง

    คิืออากาศอะนะ อุณหภูมิมันไม่ได้ดูหนาวขนาดนั้นนนนนน แต่พอลมพัดมาทีมันยะเยือกทะลุทะลวงเสื้อกันหนาวเราเข้าไปเลยทีเดียว แล้วประเด็นคือลมพัดแรงมากกกกกกกกกกกกก แล้วพัดตลอด คือเดินตัวมีปลิวได้อะค่ะ

    เราเดินตามชาวบ้านเกาหลีเขาไป คือคิดแหละว่าเขาน่าจะมาเที่ยวที่เดียวกับเรา เพื่อไปหาซื้อตั๋วรถที่ขับวนพาเราเที่ยวจุดสำคัญๆในอุทยาน อันที่จริงแล้วเขามีคนไปเดิน trekking ได้นะ เราเห็นมีคนแต่งตัวมาเพื่อการนั้น แต่วันนี้เราไม่ได้พร้อมจะมาทำอะไรแบบนั้น เลยเดินไปซื้อตั๋วขึ้นรถ

    บอกไปสามที่ ได้กระดาษมา 1 แผ่น แล้วสิ่งที่ทำให้เราประหลาดใจคือ เราก็เห็นคนเข้าคิวกันรอขึ้นรถ แต่ทำไมบางคนถึงไม่เขยิบเวลาเห็นมีรถมาจอด ก็ยังงงๆ คิดเองเออเองว่า อ๋อ เขาคงรอเพื่อนไปซื้อตั๋วแต่ว่ามารอคิวก่อนงี้เหรอ

    ตั๋วหน้าตาอย่างนี้นะคะ โปรดสังเกตุเลข 50 ให้ดีๆ คือจริงๆก็คือ เรามาถึงบางอ้อ ก็ตอนที่มีสาวเกาหลีชะโงกหน้ามาดูเลขในตั๋วเรา แล้วพอเห็นเป็นเลข 50 ของคุณเธอเป็นเลขก่อนเราอะ เธอก็เดินแซงเราในคิวไปเลย เพราะจริงๆแล้วตั๋วที่ได้จะบอกมาว่า เรามีสิทธิ์ขึ้นรถที่มาจอดในรอบที่เท่าไร แต่เราไม่รู้ เพราะทุกอย่างในตั๋วเป็นภาษาเกาหลีหมดค่ะ รวมถึงคนประกาศด้วย

    อันที่จริงเขาก็มีป้ายใหญ่ๆ บอกไว้นะ แต่เราก็มองแล้วยังไม่เข้าใจว่ามันสัมพันธ์กับตั๋วที่เราได้มาอย่างไร จนสังเกตุอาการของสาวเกาตามที่เล่ามานี่แหละค่ะ


    ส่วนรถที่พาเรานั่งก็หน้าตาประมาณนี้


    เราเฝ้ารอรถอย่างทรมาน เพราะมันหนาวจริงๆ หนาวลมที่พัดมา อยากจะขึ้นไปหลบลมบนรถแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ เมื่อเราขึ้นรถมา ไม่เท่าไร เขาก็บอกให้เราลง จริงๆ เราฟังไม่ออกหรอกว่าเขาพูดอะไร แต่เขาจอดแล้วคนก็ลงกันหมด เราก็เลยลงกับเขา เข้าใจว่านี่คือจุดชมวิว ซึ่งวิวก็สวยดี แต่มันหนาวมาก ลมแรงมาก มือฉันนี่เย็นเชียบแข็งไปหมด

    สัมผัสแรงลมได้จากวีดีโอที่ถ่ายมาสั้นๆค่ะ

    เรายืนดูสักพักก็ไม่ไหวแล้ว ก็เลยมายืนตากแดดรอรถมารับ สักพักเราก็ได้ขึ้น แล้วเขาก็ขับไปจอดอีกจุดที่ดูไม่ห่างกันมาก แต่เราไม่รู้ว่ามันมีอะไร เห็นคนไม่ลงเราก็เลยไม่ลง แต่พอเลยมาแล้ว เราถึงรู้ว่ามันคือหนึ่งในจุดไฮไลท์ของที่นี่ที่จะเป็นประภาคารสีขาวให้เราถ่ายรูปสวยๆได้ แน่นอน ผ่านมาแล้วก็ผ่านเลยไป สุดท้ายก็รถก็วนมาจอดที่เดิม

    วนเป็นวง ลงแค่ที่เดียว แถมมือยะเยือกหนาวไปถึงหัวใจ แล้วพวกเราก็ว่ากลับที่พักท่าจะดีกว่านะ เพราะยังมีการเดินลองของกินต่างๆตรงถนนคนเดินแถวที่พักรอเราอยู่นั่นเอง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in